บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 60 เข้าพบ
นี่ไม่ใช่การปล่อยเขาไปง่ายๆ หรือ ให้เขาไปขอร้องขุนนาง?!
ท่านอ๋องอู๋ถลึงตา “ข้าต้องไปขอร้องเขา?”
“ท่านอ๋องอย่าเพิ่งโกรธพ่ะย่ะค่ะ” เหวินจงยิ้ม เขาทรยศท่านอ๋องจำนนต่อฝ่าบาท เพราะต้องการเจริญก้าวหน้า ท่านอ๋องต้องให้ทุกคนมองเห็นธาตุแท้ของเขา คนเช่นนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคนได้อย่างไร เหตุใดจึงรับตำแหน่งสูงเงินเดือนสูงได้ เขาทำได้เพียงถูกคนก่นด่า ฮ่องเต้ไม่กล้าใช้เขา ทำให้เขาพลิกตัวไม่ได้ตลอดไป เช่นนี้ถึงจะท่านอ๋องถึงจะแก้แค้นได้”
จางเจี้ยนจวินปรบมืออยู่ด้านข้าง สีหน้าของท่านอ๋องอู๋ดีขึ้นไม่น้อย
“ใช่! ผู้ที่เนรคุณเช่นนี้ย่อมต้องถูกผู้คนก่นด่า” เขาพูด ก่อนจะนึกบางอย่างได้ “ไม่ใช่ หากเขารอให้ข้าทำอย่างนี้ล่ะ”
ก้มหัวให้เขา ขอโทษเขา ให้หน้าเขา เมื่อขอร้องเขา เขาก็จะตามไปจะทำอย่างไร
เหวินจงหัวเราะ “เช่นนั้นยิ่งดี เมื่อถึงเมืองโจวเขายังคงเป็นขุนนางของท่านอ๋อง จะลงโทษหรือทำอย่างไรก็ตามใจท่านอ๋อง”
ท่านอ๋องยืดตัวตรง “เคลื่อนขบวน ข้าจะไปพบท่านมหาราชครูเฉิน!”
เฉินเลี่ยหู่เดินกะเผลกมาถึงพระราชวัง ระหว่างทางดึงดูดคนจำนวนมาก ทันใดนั้นราวกับคนทั้งเมืองอู๋ล้วนเดินทางมา
เวลานี้ล้วนรู้ว่าท่านอ๋องโจวถูกฮ่องเต้สังหารเพราะกบฏ ฮ่องเต้สงสารราษฎรเมืองโจว เนื่องจากท่านอ๋องอู๋ดูแลเมืองอู๋อย่างดี ดังนั้นฮ่องเต้จึงจัดสินใจมอบเมืองโจวให้ท่านอ๋องอู๋ ทำให้ราษฎรเมืองโจวกลับคืนสู่ความสงบ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีความสุขเหมือนดั่งราษฎรเมืองอู๋
ท่านอ๋องอู๋ไม่ใช่ท่านอ๋องอู๋ กลายเป็นท่านอ๋องโจว กำลังจะจากเมืองอู๋ไป
เรื่องที่ฟังดูแล้วสวยงาม แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า เรื่องนี้ซับซ้อนอย่างมาก ซับซ้อนจนไม่อาจคิดมากพูดมากได้ เมืองหลวงเต็มไปด้วยความสั่นคลอที่มองไม่เห็น ขุนนางจำนวนมากป่วยกะทันหัน พวกเขาจะเป็นอย่างไร เป็นราษฎรเมืองอู๋ต่อไปหรือไปเป็นราษฎรเมืองโจว ทุกคนต่างวิตกกังวล
ตอนนี้ท่านมหาราชครูเฉินออกมาแล้ว ท่านมหาราชครูเฉินจะไปพบท่านอ๋องอู๋ ท่านมหาราชครูเฉินจะ…
ราชรถของท่านอ๋องอู๋เคลื่อนตัวออกจากพระราชวัง เมื่อเห็นราชรถ ท่านมหาราชครูเฉินชะงักฝีเท้าลง สายตาจับจ้องไปบนตัวของท่านอ๋องอู๋
ท่านอ๋องอู๋เห็นเขา จึงยื่นมือออกมาแต่ไกล ตะโกนเสียงดัง “ท่านมหาราชครู…”
ราชรถหยุดลง เขาเดินลงมาจากการพยุงของขันที
“ท่านมหาราชครู ข้ากำลังจะไปเชิญท่าน”
เฉินเลี่ยหู่มองท่านอ๋องอู๋ที่เดินยิ้มเข้าใกล้ ทั้งปวดใจทั้งตลก ในที่สุดเขาก็ได้เห็นท่านอ๋องเผยรอยยิ้มให้เขาแล้ว เขาก้มตัวลง “ท่านอ๋อง”
ท่านอ๋องอู๋ยื่นมือประคองไว้ จับมือทั้งสองข้างของเขา พูดด้วยสีหน้าจริงใจ “ท่านมหาราชครู ข้าผิดไปแล้ว ข้าเข้าใจท่านผิดก่อนหน้านี้”
เมื่อเห็นท่านอ๋องอู๋กระทำเช่นนี้ พูดด้วยความจริงใจเพียงนี้ เสียงบริเวณรอบด้านดังขึ้น ท่านอ๋องของพวกเขาเป็นท่านอ๋องที่ดีมากเสียจริง มีเมตตา
ท่านอ๋องยิ่งเมตตา ขุนนางยิ่งร้ายกาจ โดยเฉพาะท่านอ๋องที่ไม่เคยเมตตาต่อพวกเขา ท่าทางในเวลานี้…คนตระกูลเฉินที่เดินตามอยู่ด้านหลังท่านมหาราชครูเฉินสีหน้าแย่มาก เฉินตันเหยียนยิ้มเศร้าโศก นายท่านสามเฉินบ่นพึมพำ ก่อนจะถูกนายหญิงสามหยิกเข้าจนเงียบปาก แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาไม่มีใครถอยหลัง ยังคงยืนอยู่ด้านหลังท่านมหาราชครูเฉินไม่ใกล้ไม่ไกล
“ท่านอ๋องพูดเกินไปแล้ว” เฉินเลี่ยหู่พูด สีหน้าราบเรียบ ไม่มีความรู้สึกอันใดต่อการรับผิดของท่านอ๋องอู๋ เขากระจ่างในความคิดเบื้องหลังรอยยิ้มของท่านอ๋องอู๋
เขาดูท่านอ๋องเติบโต ขึ้นครองราชย์ ดื่มด่ำในความสนุก เขาดูมาตลอดชีวิต เดิมทีเขาคิดว่าถึงแม้ท่านอ๋องอู๋จะไร้ประโยชน์ ไม่ฟังคำเตือนของเขา แต่แค่เพียงเขายืนอยู่ตรงนี้ก็สามารถรักษาเมืองอู๋ให้อยู่ตลอดไปได้
แต่ดูจากเวลานี้…
“ข้าผิดเอง” ท่านมหาราชครูเฉินพึมพำ
ท่านอ๋องอู๋ได้ยินเขายอมรับผิด ได้ใจอย่างมาก เขายิ้มเย็นยะเยือภายในใจ รู้ตัวก็สายไปแล้ว!
เขาเผยสีหน้าดีใจออกมา
“ท่านมหาราชครูไม่ต้องพูดเช่นนี้ ท่านกับข้าไม่ต้องพูดเช่นนี้ มาๆ ท่านมหาราชครู ข้ากำลังจะไปเชิญท่านที่จวน” ท่านอ๋องอู๋พูด “อีกไม่กี่วันข้าต้องเดินทางไปเมืองโจวแล้ว ข้าจากแผ่นดินเกิดไป ไม่อาจจากคนเก่าไป ท่านมหาราชครูต้องไปกับข้า”
เหวินจงและขุนนางคนอื่นต่างรีบพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “ท่านอ๋องไม่มีท่านมหาราชครูไม่ได้”
ท่านอ๋องอู๋หัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ตอนนั้นเกาจู่แต่งตั้งท่านทวดของท่านเป็นท่านมหาราชครูของเสด็จพ่อ ภายใต้การสนับสนุนของพวกท่าน ทำให้เมืองอู๋มีความเจริญรุ่งเรืองในวันนี้ ตอนนี้ข้ารับพระราชโองการไปสร้างเมืองโจว ท่านมหาราชครูกับข้าร่วมกันสร้างผลงานที่ดีอีกครั้ง”
เหวินจงและขุนนางคนอื่นต่างพูดขึ้นอีกครั้ง “พวกข้าไม่อาจไม่มีท่านมหาราชครูไม่ได้” “มีท่านมหาราชครูเฉินพวกข้าถึงวางใจ”
เหตุการณ์ที่กษัตริย์และขุนนางกลมเกลียว จับมือกันก้าวหน้า ร่วมแรงร่วมใจทำให้ราษฎรรอบด้านต่างหลั่งน้ำตา คนจำนวนมากฮึกเหิม อยากจะกลับไปเก็บสัมภาระ พาครอบครัวติดตามกษัตริย์และขุนนางเช่นนี้ไป
อาเถียนยืนกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจในฝูงชน คนอื่นไม่รู้ แต่คนในตระกูลเฉินต่างรู้ดี ท่านอ๋องไม่เคยเป็นมิตรกับนายท่านมาก่อน เมตตาอย่างกะทันหันในเวลานี้ต้องมีแผนการชั่วร้ายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเวลานี้เฉินเลี่ยหู่มาเพื่อปฏิเสธติดตามท่านอ๋องอู๋ไปอีก…ภายใต้สายตาของราษฎร นายท่านจะกลายเป็นคนบาปแล้ว
“นายท่านเกิดอันใดขึ้น” นางพูดอย่างร้อยใจ “เหตุใดจึงไม่ขัดท่านอ๋อง คุณหนูท่านคิดวิธีเถิดเจ้าค่ะ”
ระยะนี้นางติดตามคุณหนูรอง เห็นคุณหนูรองทำเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจำนวนมาก ฮ่องเต้ ท่านอ๋อง จางเหม่ยเหรินล้วนสู้คุณหนูรองไม่ได้
เฉินตันจูยืนอยู่ด้านหลังฝูงชนไม่ขยับ ส่ายหัว “ไม่มีวิธี เพราะว่า ภายในใจของท่านพ่อคิดว่าตนเองเป็นคนบาป”
ความคิดของท่านอ๋องอู๋ ท่านพ่อย่อมกระจ่าง แต่เขาไม่พูดขัดไม่ห้ามปราม เพราะเขาต้องการทำตามความคิดของท่านอ๋องอู๋ จากนั้นทำให้ตนเองกลายเป็นคนบาป
นางเปิดโปงตัวตนของท่านอ๋องอู๋ให้ท่านพ่อเห็นแล้ว ใช้ท่านอ๋องอู๋ทำให้หัวใจของท่านพ่อตายไป ท่านพ่ออยากให้หัวใจของตนเองตายอย่างสมเหตุสมผล นางไม่อาจห้ามได้อีก มิเช่นนั้นท่านพ่ออาจอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว
เฉินเลี่ยหู่ถูกท่านอ๋องอู๋ดึงเอาไว้ เหวินจงจาง เจี้ยนจวินและขุนนางอื่นต่างรายล้อม ฟังพวกเขาชื่นชมครุ่นคิดถึงการสร้างความรุ่นเรืองในเมืองโจวอย่างสงบ ไม่พูดขัดไม่คัดค้านแม้แต่ประโยคเดียว จนกระทั่งพวกเขาพูดจนคอแห้ง ยิ้มจนหน้าเจื่อน…
เฉินเลี่ยหู่ตาเฒ่าไร้ยางอาย ยอมรับอย่างเปิดเผย ท่าทางจะติดตามท่านอ๋องไปเมืองโจวเสียแล้ว ภายในใจของเหวินจงและคนอื่นต่างก่นด่า เจ้ารอก่อน เมื่อถึงเมืองโจว เจ้าได้เจอดีแน่
“ท่านอ๋อง” เหวินจงเปิดปากจบสิ้นการแสดงในครั้งนี้ “ท่านมหาราชครูมาแล้ว พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางเถิด กำหนดวันออกเดินทางเสียที”
ท่านอ๋องอู๋หมดความอดทนนานแล้ว เขาก่นด่าจนคอแห้งภายในใจ เมื่อได้ยินดังนี้จึงโล่งใจ หัวเราะออกมา “ดี ดี” เขาจับมือของเฉินเลี่ยหู่เอาไว้ ถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านมหาราชครู ท่านว่าพวกเราออกเดินทางเมื่อใดดี ข้าฟังท่าน”
จางเจี้ยนจวินพูดเสริมอยู่ด้านข้าง “พวกเราฟังท่านมหาราชครู!”
เฉินเลี่ยหู่รอพวกเขาพูดจบ จากนั้นรอคอยอีกสักพัก “ท่านอ๋อง ยังมีอันใดจะพูดอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องอู๋เหน็ดเหนื่อยอย่างมาก เขารู้สึกว่าพูดจนหมดคำพูดดีๆ แล้ว เขาเป็นถึงท่านอ๋อง เป็นครั้งแรกที่ต้องพูดจาต่ำต้อยถึงเพียงนี้…ตาเฒ่านี้ยังฟังไม่พออีกหรือ
“ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว” เขาพูดอย่างหมดความอดทน “ท่านมหาราชครู ถึงตาท่านพูดแล้ว ท่านพูดเถิด ข้าฟังอยู่”
เฉินเลี่ยหู่ถอยหลังหนึ่งก้าว คุกเข่าลงอย่างช้าๆ ด้วยขาพิการ
ท่านอ๋องอู๋พูดขึ้นเสียงดัง “ท่านมหาราชครู ไม่ต้อง…”
เฉินเลี่ยหู่ก้มกราบ “ข้าเฉินเลี่ยหู่มาลาท่านอ๋อง ข้าขอไม่รับตำแหน่งท่านมหาราชครูอีกต่อไป ข้าไม่อาจไปเมืองโจวพร้อมท่านอ๋อง”
ดี เจ้าแน่มาก กล้าพูดออกมาเสียจริง!
เวลานี้เหวินจงโกรธแค้นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเฉินเลี่ยหู่ต้องจำนวนต่อฮ่องเต้แล้วอย่างแน่นอน มีที่เพิ่งที่ใหญ่กว่าแล้ว เขาพูดเสียงดัง “ท่านมหาราชครู! ท่านกำลังพูดอันใด ท่านไม่ไปเมืองโจวพร้อมท่านอ๋อง?”
ท่านอ๋องอู๋ทำท่าตกใจอย่างมาก ตะโกน “ท่านมหาราชครู! ท่านจะทิ้งข้าแล้วหรือ!”
ราษฎรที่กำลังตกอยู่ในบรรยากาศรักใคร่ของกษัตริย์และขุนนางตกใจอย่างมาก พวกเขามองมาอย่างเหลือเชื่อ
อันใดนะ? เหตุใดท่านมหาราชครูเฉินจึง?
เฉินเลี่ยหู่ก้มกราบอีกครั้ง จากนั้นเงยหน้าขึ้น มองไปยังท่านอ๋องอู๋ “พ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่ต้องการท่านอ๋องแล้ว ข้าไม่ติดตามท่านอ๋องไปเมืองโจว”
ถึงแม้จะเดาได้แล้ว ถึงแม้จะไม่อยากให้เขาติดตาม แต่เวลานี้ได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนี้ ท่านอ๋องอู๋ยังคงรู้สึกโกรธ “เฉินเลี่ยหู่! เจ้าบังอาจ…”
เหวินจงคุกเข่าลง พูดขัดท่านอ๋องอู๋ ตะโกนออกมาด้วยความโศกเศร้า “ท่านมหาราชครู ท่านทรยศท่านอ๋องได้อย่างไร ท่านอ๋องไม่มีท่านไม่ได้”
ท่านอ๋องอู๋ได้รับสัญญาณของเขา เวลานี้โกรธไม่ได้ ต้องเศร้าโศก ยิ่งเศร้ายิ่งแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของเฉินเลี่ยหู่ ท่านอ๋องอู๋กุมหัวใจเอาไว้ เปลี่ยนไฟโกรธและความแค้นเป็นน้ำตา
“ท่านมหาราชครู ท่านเป็นอันใดไป” เขาร้องไห้ “ท่านทิ้งข้าได้อย่างไร ตระกูลเฉินของพวกเจ้าเกาจู่พระราชทานให้ข้า เจ้าลืมแล้วหรือ”
เมื่อท่านอ๋องอู๋ร้องไห้ ราษฎรบริเวณรอบด้านจึงดึงสติกลับมา ทันใดนั้นเสียงถกเถียงดังขึ้น สวรรค์เอ๋ย ท่านมหาราชครูเฉิน…
เฉินเลี่ยหู่มองท่านอ๋องอู๋ที่ร้องไห้ต่อหน้าตนเอง ท่านอ๋องร้องไห้ต่อเขาเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะเป็นการแสดง…
“ท่านอ๋อง ข้าไม่เคยลืม เนื่องจากตระกูลของข้าเกาจู่เป็นผู้พระราชทายให้ท่านอ๋องอู๋ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจติดตามท่านอ๋องไปแล้ว” เขาพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพราะว่าท่านอ๋องไม่ใช่ท่านอ๋องอู๋อีกต่อไป ท่านคือท่านอ๋องโจว”
เอ่อ…ท่านอ๋องอู๋ผงะ เหวินจงและคนอื่นต่างก็ผงะ นี่…
เฉินเลี่ยหู่ก้มลงกราบอีกครั้ง จากนั้นจับมีดยาวที่วางอยู่ข้างตัวยืนขึ้นอย่างช้าๆ
“ท่าน” เขามองท่านอ๋องอู๋ พูดออกมาทีละคำ “ไม่ใช่ท่านอ๋องของข้าอีกต่อไป”