บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 349 ข้ามผ่าน
ภายในห้องทรงพระอักษรอันเงียบสงบมีเสียงร้องไห้ดังขึ้น ถึงแม้พระชายาจะร้องไห้ได้ไพเราะมาก แต่ยังคงมีความแปลกประหลาด
องค์รัชทายาทพูดเสียงเรียบ “เอาเถิด หยุดร้องได้แล้ว”
พระชายารีบเช็ดน้ำตาตอบรับ
“ปูทางก็ปูได้ถึงแค่ตรงนี้แล้ว” องค์รัชทายาทพูด “ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนางก็ไม่ใช่เพราะโปรดปรานนาง เพียงแค่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น”
ฝูชิงตอบรับ “ฝ่าบาทไม่แม้แต่จะเรียกเข้าเฝ้าอีก เพียงแค่ให้นางน้อมรับพระราชโองการในจวนองค์หญิง”
แต่ไม่ว่าอย่างไร ครานี้เขายังคงพ่ายแพ้ ขอความดีความชอบให้หลี่เหลียงไม่ได้ เหยาฝูก็ถูกฆ่า สตรีนางนี้…มือที่คล้อยอยู่ข้างตัวขององค์รัชทายาทกำแน่น เขาต้องทำให้นางไม่ตายดี!
“เฉินตันจูแย่งชิงแม้แต่ความดีความชอบของพี่สาวตนเอง ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะเทียบได้เสียจริง” เขาพูดเสียงเย็นชา
ฝูชิงเข้าใจความหมายขององค์รัชทายาท เขาต้องการประกาศชื่อเสียงอันเสื่อมเสียของเฉินตันจู ทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสียมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ องค์รัชทายาทไม่ได้ดูถูกการกระทำเช่นนี้หรือ บอกว่าชื่อเสียงเสื่อมเสียมีเพียงทำให้ฮ่องเต้ทรงสงสารเฉินตันจูมากยิ่งขึ้น
“ต่อจากนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว” องค์รัชทายาทยิ้มเย็นชา “ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนางแล้ว ไม่ติดค้างนางอีก”
ฮ่องเต้เกรงกลัวการติดค้างผู้อื่นที่สุด ติดค้างผู้ใดย่อมสงสารผู้นั้น เมื่อเขาคิดว่าตนเองมอบการชดเชยให้อีกฝ่ายอย่างเพียงพอแล้ว เขาย่อมสามารถไร้เยื่อใยได้อย่างมีเหตุผล
เฉินตันจู ท่านแม่ทัพตายแล้ว ทางของเจ้าก็ถึงทางตันแล้ว
ฝูชิงกระจ่าง ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง “ของขวัญคงไม่ต้องส่งไปให้จวนองค์หญิงใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทหัวเราะ “ไม่ต้องสนใจ ไม่มีผู้ใดมอบของขวัญแสดงความยินดีกับนาง ความดีความชอบที่ใช้การตายของแม่ทัพหน้ากากเหล็กแลกมา ผู้ใดมีส่วนร่วมกับความคึกคักนี้ย่อมเป็นการทำให้ฝ่าบาททรงอึดอัดใจ”
พูดพลางให้ฝูชิงเตรียมรถ ถึงเวลาเข้าวังแล้ว
“ระยะนี้แคว้นฉีดำเนินการคัดเลือกขุนนางอย่างราบรื่น บัณฑิตที่คัดเลือกออกมาทั้งสามรายพระราชทานตำแหน่งขุนนางแล้ว องค์ชายสามยังแทบจะปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาททุกวัน” ฝูชิงบ่น “คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าเขาเป็นองค์รัชทายาทเสียอีก องค์รัชทายาทต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทยิ้ม “ข้าไม่มีความดีความชอบใด ไม่มีเรื่องใดให้พูดได้ พูดให้น้อยเสียดีกว่า”
เหตุใดเขาจึงไม่มีความดีความชอบ เหตุใดเขาจึงไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าฮ่องเต้ สาเหตุล้วนเป็นเพราะฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้สำนึกด้วยตนเอง ตำหนิตนเอง จากนั้นสงสารเขาเถิด!
เหยาหมิ่นส่งองค์รัชทายาทออกไปด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินกลับมายังห้องโถง นางในจัดเตรียมชาร้อนกับขนมไว้แล้ว นางนั่งลงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณหนู” นางในตักเตือนเสียเบา “องค์รัชทายาทอารมณ์ไม่ดีในเวลานี้เพคะ”
พระชายาไม่อาจแสดงออกถึงความดีใจเพียงนี้
ใช่ เรื่องในครานี้ องค์รัชทายาทเสียเปรียบอีกแล้ว ไม่ได้แต่งตั้งภรรยาและบุตรของหลี่เหลียง ความดีความชอบของหลี่เหลียงก็ไม่ถูกยอมรับ ซึ่งหมายความว่าความดีความชอบขององค์รัชทายาทก็ไม่ได้ถูกยอมรับ เหยาหมิ่นรีบหุบยิ้มลง หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้น “ใช่ ช่างน่าเศร้าเสียเหลือเกิน”
แต่ เหยาฝูตายแล้ว!
เหยาฝูถูกฆ่าตายแล้ว!
นางอดดีใจไม่ได้เสียจริง
เหยาหมิ่นยัดขนมเข้าปากเพื่อปิดบังเสียงหัวเราะ สตรีชั้นต่ำผู้นี้ตายได้ดีเสียจริง
ฆ่าได้ดี ฆ่าได้ดีเสียจริง หากไม่ใช่องค์รัชทายาทไม่ทรงอนุญาต นางอยากจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้เฉินตันจู
นางในมองนางอย่างระอาและเอ็นดู นางย่อมรู้ว่าเหตุใดคุณหนูจึงดีใจเพียงนี้ นางพูดเสียงบา “มีอีกเรื่องเพคะ เหล่าฮูหยินให้คนมาทูลว่า รับบุตรชายของคุณหนูสี่มาในจวนตามคำสั่งแล้ว แต่เมื่อหลายวันก่อน เจ้าเด็กนั่นถูกคนขโมยไปเพคะ”
เหยาหมิ่นขมวดคิ้ว “ผู้ใดจะขโมยเจ้าเด็กนั่นกัน”
นางในพูดเสียงเบา “เหมือนว่าจะเป็นสาวรับใช้ข้างตัวคุณหนูสี่ คุณหนูสี่เข้าเมืองมาไม่ได้พานางมาด้วย ให้นางดูแลเด็กอยู่ในจวน ก่อนหน้านี้เหล่าฮูหยินให้คนไปรับเด็ก นางเคยคัดค้านเพคะ”
มีปัญหาหรือ เจ้าเด็กคนเดียวมีสิ่งใดให้แย่งชิงกัน ต้องหวงเพียงนี้เชียวหรือ สาเหตุที่ตระกูลเหยารับเลี้ยงเด็กคนนี้ ก็เพื่อแสดงต่อหน้าฝ่าบาท แต่เวลานี้ฉินตันจูถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิง เรื่องของหลี่เหลียงและเหยาฝูล้วนถูกปิดบัง ฮ่องเต้ย่อมไม่ตรัสถึงพวกเขาอีก เด็กคนนี้ก็ไม่สำคัญอีก
“ขโมยก็ขโมยไปเถิด” เหยาหมิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งตัวตรงอย่างอารมณ์ดี “เด็กคนนี้หากตายไป ก็ถือเป็นความผิดของเฉินตันจู นางฆ่าบิดามารดาของเขา อีกทั้งยังฆ่าเด็กเล็กผู้นี้ ตัดไฟแต่ต้นลม เหมาะสมกับชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมของเฉินตันจูยิ่งนัก”
ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทตรัสไว้ไม่ใช่หรือ ต่อจากนี้ชื่อเสียงอันเสื่อมเสียของเฉินตันจูมีแต่จะทำให้ฮ่องเต้รังเกียจ นางทำเช่นนี้ก็เป็นการช่วยองค์รัชทายาท ดังนั้นไม่ใช่มีเพียงเหยาฝูที่ช่วยองค์รัชทายาทได้ นางก็ทำได้เช่นเดียวกัน
นางในตอบรับ “ข้าจะไปเรียนเหล่าฮูหยิน ให้นางจัดเตรียมคนในตระกูลซีจิง”
นางในถอยออกไป เหยาหมิ่นนั่งอยู่ในห้องโถงคนเดียว ดื่มชาอย่างพึงพอใจ
…
ประตูใหญ่อันหนักอึ้งเปิดออก บ่าวรับใช้และสาวรับใช้ทั้งด้านในด้านนอกยืนแยกกัน พวกเขาต่างกล่าวต้อนรับเสียงดัง “น้อมรับองค์หญิงกลับจวน”
เฉินตันจูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ สายตากวาดผ่านเหล่าบ่าวรับใช้ตรงหน้า
“คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนเก่าแก่ในจวนของพวกเรา” อาเถียนแนะนำอยู่ด้านข้าง “บางส่วนท่านโหวโจวซื้อมา ตอนที่เขาจากไปไม่ได้พาไปด้วยเจ้าค่ะ”
ยิ่งพูดถึงตอนท้ายยิ่งเสียงเบาลง นางสังเกตสีหน้าของเฉินตันจูอย่างระมัดระวัง คุณหนูคงทะเลาะกับโจวเสวียน บ่าวรับใช้ที่โจวเสวียนซื้อมาจะยังเก็บไว้หรือไม่
เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คุณหนูก็ป่วยอยู่ นางไม่ทันได้จัดการคนเหล่านี้
เฉินตันจูพูด “คนของท่านโหวโจวเขาก็ไม่ได้ซื้อมาด้วยตนเอง ฝ่าบาทเป็นผู้พระราชทาน เวลานี้ข้าเป็นองค์หญิงแล้ว ย่อมสามารถใช้ได้ ถือว่าฝ่าบาทพระราชทานให้ข้า”
เหล่าบ่าวรับใช้ที่กังวลต่างโล่งใจ หากพวกเขาถูกขับไล่ ยังไม่รู้ว่าจะถูกขายไปที่ใด…บ่าวรับใช้ที่ถูกเส้าฝู่เจี้ยนส่งมาล้วนเป็นบ่าวรับใช้ที่มีโทษ การมาเป็นบ่าวรับใช้ในจวนโหวจวนองค์หญิงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
คุณหนูตันจูเหมือนจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนคำร่ำลือ
เฉินตันจูไม่สนใจว่าบ่าวรับใช้คิดเรื่องใด นางเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไปภายในจวน ภายในจวนไม่ได้มีการตกแต่งมากมาย ราวกับเหมือนแต่ก่อน แต่ก็แค่ราวกับ ก่อนหน้านี้โจวเสวียนมีการบูรณะอย่างประณีตแล้ว
“คุณหนู ห้องของท่านยังอยู่ที่เดิม ข้าจัดเตรียมไว้แล้ว”
“คุณหนู ห้องของนายท่าน คุณหนูใหญ่ก็เก็บกวาดตามแบบเดิมแล้ว หากคุณหนูใหญ่กลับมาอีกครั้งสามารถเข้าพักได้ทันที”
“ไม่รู้นายท่านรองกับนายท่านสามจะกลับมาหรือไม่ เรือนทางนั้นยังใส่กุญแจไว้อยู่”
อาเถียนเดินอยู่ด้านหน้าราวกับผีเสื้อที่โบยบิน เฉินตันจูเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างช้าๆ
หลังจากที่นางเข้าเฝ้าฮ่องเต้ มั่นใจว่าไร้ความผิดถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงแล้ว ทุกคนต่างโล่งใจ จางเหยาขอตัวเดินทางกลับแคว้นเว่ยไปอย่างเร่งรีบ เขื่อนกั้นน้ำถึงเวลาสำคัญในการพิสูจน์ มันเป็นชีวิตของเขา เขายอมสละชีวิตกลับมาเพื่อดูเฉินตันจู
เฉินตันเหยียนก็จากไปแล้ว ครอบครัวใหญ่ทางเมืองซีจิงไม่อาจห่างจากนางได้
ราชทูตของฮ่องเต้วางพระราชโองการพร้อมของขวัญลงแล้วจากไป ภายในเมืองหลวงไม่มีของขวัญที่ถูกส่งมาอีก จวนองค์หญิงที่แขวนผ้าสีแดงทั้งคึกคักทั้งเงียบเหงา มีเพียงเฉินตันจูเดินอยู่ภายในอย่างเชื่องช้า
“ปิดประตู” นางโบกมือให้คนด้านหลัง
ประตูใหญ่ปิดลง
…