บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 26 ขับไล่
เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา มองดูดาบที่โยนเข้ามา เฉินตันจูไม่ได้รู้สึกตกตะลึงหรือเสียใจ นางรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้แต่แรก
ตอนนั้นท่านพี่ขโมยตราอาญาสิทธิให้หลี่เหลียง ท่านพ่อใช้กฎทหารมัดนางเอาไว้เพื่อประหาร แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ เขาก็ถูกท่านอ๋องอู๋ประหารก่อน
ครานี้ตนเองไม่ได้ทำเพียงแค่ขโมยตราอาญาสิทธิ แต่ยังต้อนรับฮ่องเต้เข้ามาถึงในเมืองอู๋…ท่านพ่อไม่ประหารนางถึงจะแปลก
แต่เฉินตันจูไม่มีทางปลิดชีพของตนเองจริงๆ
“ข้ารู้ว่าท่านพ่อคิดว่าข้าทำผิด” เฉินตันจูมองดาบยามที่ถูกโยนมาตรงหน้า “แต่ข้าเพียงแค่ชักนำให้ราชทูตของราชสำนักเข้าพบท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ไม่เกี่ยวกับข้า”
เฉินเลี่ยหู่โกรธจนตัวสั่น เขามองเด็กหญิงที่ยืนอยู่หน้าประตู ร่างกายของนางผอมบาง รูปลักษณ์อ่อนโยนงดงาม อายุสิบห้านี้เต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ การยิ้มการมองล้วนอ่อนนุ่ม แต่บุตรสาวคนนี้เป็นผู้สังหารหลี่เหลียง อีกทั้งชักนำฮ่องเต้เข้าเมืองอู๋ เมืองอู๋จบสิ้นแล้ว ท่านอ๋องอู๋กำลังจะถูกฮ่องเต้รังแกเหยียดหยามแล้ว!
นางไปเอาความกล้าจากไหนมาก่อเรื่องเช่นนี้
เฉินเลี่ยหู่รู้สึกว่าตนเองไม่รู้จักบุตรสาวคนนี้แล้ว เฮ้อ เป็นเพราะเขาไม่ได้สั่งสอนนางให้ดี เขาผิดต่อภรรยาที่ตายไป เมื่อรอเขาตายไปค่อยไปรับผิดกับภรรยา เวลานี้เขาทำได้เพียงลงมือประหารบุตรเนรคุณคนนี้ด้วยมือของตนเอง…
“หากเจ้ายังมีความรู้สึกผิดเพียงเล็กน้อย ข้ายังถือว่าเจ้าเป็นบุตรสาวของข้า” เสียงของเขาสั่นเทา ดาบในมือกวัดแกว่งไปมา เดินกะเผลกมาทางเฉินตันจู “ในเมื่อเจ้าไม่รู้สึกผิด เช่นนั้นข้าจะเป็นคนลงมือเอง”
เหล่าบ่าวรับใช้ร้องเสียงหลงออกมา “นายท่านอย่าขอรับ” คนที่เข้าไปรั้งถูกเฉินเลี่ยหู่กระแทกออกไป อาเถียนยืนบังอยู่ด้านหน้าของเฉินตันจู “คุณหนูรีบหนีไปเจ้าค่ะ”
จะไปก็ต้องไปด้วยกัน เฉินตันจูจูงมือของอาเถียนเอาไว้ ภายในเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายอีกครั้ง มีคนจำนวนมากพุ่งเข้ามา ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดินจากไปของเฉินตันจูชะงักลง นางเห็นท่านย่าที่ศีรษะเต็มไปด้วยผมสีขาวถูกสาวใช้สองคนพยุงเอาไว้ อีกทั้งท่านอาทั้งสอง คนหนึ่งรูปร่างอ้วน อีกคนรูปร่างผอม ตามมาด้วยท่านป้าสองคนที่พยุงท่านพี่เอาไว้…
“หู่เอ๋อ! หยุดเดี๋ยวนี้!” “พี่ใหญ่ อย่าวู่วาม!” “พี่ใหญ่ มีอันใดค่อยๆ คุยกัน!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกของพวกเขาถาโถมเข้ามา พลางรายล้อมเฉินเลี่ยหู่เอาไว้ ท่านป้ารองคิดจะเดินมาทางเฉินตันจู แต่ถูกท่านป้าสามใช้สายตาห้ามเอาไว้…
เฉินเลี่ยหู่สามารถผลักทุกคนออกไปได้อย่างไม่ยั้งมือ แต่ไม่กล้าลงมือกับมารดาที่ป่วยหนัก เขาคุกเข่าร่ำไห้ต่อมารดา “ท่านแม่ หากท่านพ่อยังอยู่ เขาก็คงต้องทำเช่นนี้”
ท่านมหาราชครูเฉินถูกส่งกลับมาจากพระราชวัง กองกำลังรายล้อมตระกูลเฉินเอาไว้ คนในตระกูลเฉินต่างตกตะลึง จากนั้นถึงรับรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทำให้พวกเขายิ่งตกตะลึง ตระกูลเฉินทั้งสามชั่วโคตรต่างจงรักภักดีต่อท่านอ๋องอู๋ ไม่คิดว่าพริบตาเดียวในตระกูลจะปรากฏสองคนที่ยอมจำนนต่อราชสำนัก ทรยศเมืองอู๋ เฮ้อ…
ท่านย่าตระกูลเฉินสายตามองไม่เห็นอันใดแล้ว เขาเอื้อมมือลูบไหล่ของเฉินเลี่ยหู่ “จูจูยังเล็ก เฮ้อ หู่เอ๋อร์ ตันหยางตายแล้ว หลานเขยทรยศแล้ว จูจูยังเป็นแค่เด็ก”
นางไม่รู้ว่าควรจะห้ามอย่างไร เฉินเลี่ยหู่พูดถูก หากท่านมหาราชครูคนก่อนยังอยู่ เขาคงจะประหารแม้จะเป็นสายเลือดตัวเอง แต่เมื่อมาถึงเวลานี้…นั่นคือสายเลือดของตนเอง
เฉินเถี่ยเตาน้องใหญ่ของเฉินเลี่ยหู่พูดอยู่ด้านข้าง “อาจูถูกราชสำนักหลอก นางยังเล็ก คำพูดไม่กี่คำก็ถูกหลอกแล้ว”
“อายุน้อยไม่ใช่ข้ออ้าง ไม่ว่าจะยินยอมเองหรือถูกบังคับ เรื่องนี้ก็เป็นฝีมือนาง” เฉินเลี่ยหู่ก้มกราบมารดา ถือดาบลุกขึ้นยืน “กฎตระกูล กฎกองทัพ กฎเมืองต่างไม่อาจรับได้ พวกเจ้าอย่ารั้งข้า”
ท่านฮูหยินรองและท่านฮูหยินสามต่างหวาดเกรงต่อพี่ใหญ่คนนี้ เวลานี้พวกนางยิ่งไม่กล้าพูด เพียงแต่โบกมือให้เฉินตันจูอยู่ด้านหลัง ท่านฮูหยินสามที่มีใบหน้ากลมพูดกับเฉินตันจูอย่างไร้เสียง “หนีเร็ว”
เฉินตันจูยิ้มให้พวกนาง ดึงอาเถียนหันหลังจากไป…เฉินเลี่ยหู่ตะโกนด้วยความโกรธ “ปิดประตู!”
คนเฝ้าประตูไม่รู้ต้องทำอย่างไร เขาปิดทางไปตามสัญชาติญาณ เฉินเลี่ยหู่ยกดาบในมือขึ้นทำท่าจะโยนเข้ามา ฝีมือการขว้างดาบของเฉินเลี่ยหู่มีความแม่นยำ ถึงแม้ขาจะพิการ แต่กำลังของเขายังคงอยู่ ดาบนี้พุ่งตรงไปยังแผ่นหลังของเฉินตันจู…
คนรอบด้านร้องเสียงหลงออกมา แต่ดาบไม่ได้ถูกโยนออกไป ร่างผอมบางอีกร่างยืนขวางอยู่ด้านหน้าดาบของเฉินเลี่ยหู่
“อาเหยียน!” เฉินเลี่ยหู่ตะโกน กำมีดยาวในมือแน่นเพื่อป้องกันหลุดมือ
เฉินตันจูหันหลังกลับมา เห็นพี่สาวคุกเข่าต่อบิดา นางหยุดฝีเท้าลงเรียกขานพี่สาว เฉินตันเหยียนหันกลับมามองนาง
เมื่อเทียบกับคราก่อน สีหน้าของเฉินตันเหยียนแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ร่างกายของนางผอมบางราวกระดาษ เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวราวกับแขวนไว้เท่านั้น
“เจ้าไปเถิด” เฉินตันเหยียนไม่มองนาง สีหน้าเรียบเฉย “ไปเถิด”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดคุย เพียงแค่คนยังอยู่ย่อมมีโอกาสได้พบ เฉินตันจูดึงสายตากลับมา คนเฝ้าประตูหลบไปด้านข้างหนึ่งก้าว เฉินตันจูดึงอาเถียนเดินออกไป ประตูด้านหลังปิดลงเสียงดัง
เฉินเลี่ยหู่ถือดาบส่ายไปมา ใช้กำลังทั้งหมดถึงยันดาบลงบนพื้น “อาเหยียน เจ้าคิดว่านางไม่ผิดหรือ”
เฉินตันเหยียนดึงแขนเสื้อของเขาเรียกขานท่านพ่อ “นางมีความผิดจริง แต่ที่นางพูดก็ถูก นางเพียงแค่ชักนำให้ราชทูตของฮ่องเต้เข้าพบท่านอ๋อง เรื่องต่อจากนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องตัดสินใจเอง”
เฉินเลี่ยหู่ถอนหายใจ “อาเหยียน หากไม่ใช่นาง ท่านอ๋องคงไม่มีโอกาสตัดสินใจเช่นนี้”
“ท่านพ่อ” เฉินตันเหยียนมองเขา ถอนหายใจออกมา “ท่านโน้มน้าวท่านอ๋องมานานเพียงนี้ ท่านอ๋องไม่ตัดสินใจที่จะออกรบเผชิญหน้ากับราชสำนักสักครั้ง ทั้งยังไม่ยอมร่วมมือกับท่านอ๋องโจวและท่านอ๋องฉี ท่านคิดว่า ท่านอ๋องไม่มีโอกาสหรือ”
เฉินเลี่ยหู่สีหน้านิ่งไป ภายในดวงตาเต็มไปด้วยควมมืดมน เขาย่อมรู้ว่าท่านอ๋องใช่ว่าจะไร้โอกาส แต่เป็นท่านอ๋องเองที่ไม่เต็มใจ
“ข้าเข้าใจในความหมายของเจ้า” เขามองใบหน้าที่ผอมแห้งของเฉินตันเหยียน พยุงนางขึ้นมา “แต่อาเหยียน เรื่องนี้ผู้ใดจะเป็นคนทำก็ได้ แต่บุตรสาวของข้าเฉินเลี่ยหู่ทำไม่ได้”
น้ำตาของเฉินตันเหยียนหลั่งไหลออกมา พยักหน้า “ท่านพ่อ ข้ารู้ ข้ารู้ ท่านไม่ได้ทำผิด เฉินตันจูสมควรตาย”
ดวงตาของเฉินเลี่ยหู่หยาดคลอไปด้วยน้ำตา มือใหญ่กอบกุมใบหน้าเฉินตันเหยียนเอาไว้ ก่อนจะหันหลังลากดาบเดินกะเผลกเข้าไปด้านใน
นายท่านรองและนายท่านสามมองเขาด้วยความกังวล พึมพำเรียกพี่ใหญ่ ท่านย่าพิงอยู่ในอ้อมกอดของสาวรับใช้ ถอนหายใจยาวหลับตาลง ร่างของเฉินตันเหยียนโซซัดโซเซ ฮูหยินรองและฮูหยินสามรีบพยุงนางเอาไว้
“ท่านป้า” เฉินตันเหยียนลมหายใจไม่นิ่ง นางกอบกุมมือของคนทั้งสองเอาไว้ “เรื่องในจวนต้องมอบให้พวกท่านแล้ว”
ฮูหยินสามจับมือของนางแน่น “เจ้าอย่ากังวลเลย ยังมีพวกเราอยู่”
ฮูหยินสามรีบให้คนแบกเสลี่ยงที่เตรียมเอาไว้มา แบกเหล่าฮูหยินและเฉินตันเหยียนขึ้นมาเข้าไปด้านใน
ฮูหยินสามเดินอยู่ด้านหลัง มองดูผู้คนในจวนที่บ้างชรา บ้างพิการ บ้างป่วยหนัก นึกถึงตันหยางที่ตายไป หลี่เหลียงที่ทรยศ เฉินตันจูที่ถูกไล่ออกจากจวน ก่อนจะนึกไปถึงเหล่าทหารที่รายล้อมอยู่ด้านนอก เพียงแค่พริบตาเดียว ตระกูลเฉินมหาราชครูแห่งเมืองอู๋ก็ล้มลงแล้ว…
เฉินสั่วเสิงนายท่านสามหัวเราะออกมา บีบมือไปมาด้านหน้าตัว “ตระกูลเราล้มไม่แปลกอันใด เมืองอู๋นี้ใกล้จะล่มสลายแล้ว…”
ฮูหยินสามตกใจ “เวลาใดกันแล้ว เจ้าอย่าพูดเหลวไหล”
ถึงแม้เฉินสั่วเสิงจะเป็นบุตรแห่งตระกูลเฉิน แต่เขาไม่เคยจับดาบตั้งแต่กำเนิด ร่างกายอ่อนแอจึงหาตำแหน่งง่าย ๆ เวลาส่วนมากล้วนใช้ไปกับการศึกษาตำราทำนาย เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา เขาก็คัดค้านขึ้น“ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล ข้าแค่ไม่กล้าพูด จากดวงชะตาเผยให้เห็นว่า พื้นดินของเหล่าท่านอ๋องขัดขืนต่อหนทางแห่งสวรรค์ มีสิทธิในการล่มสลายไม่อาจ…”
ฮูหยินสามจับเขาเดินเข้าไปด้านในอย่างขุ่นเคือง “หากเจ้ายังกล้าพูดเรื่องนี้อีก ข้าจะเผาตำราทั้งห้องของเจ้าทิ้งเสีย ในจวนเกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ เจ้าไม่ช่วยก็อย่าก่อความวุ่นวายเพิ่ม”
นายท่านสามถูกภรรยาลากไป ทางนี้กลับคืนสู่ความสงบ คนเฝ้าประตูทั้งหลายมองหน้ากันก่อนถอนหายใจ เฝ้าประตูด้วยความกังวลและความระแวง ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นต่อไป