บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 109 ที่ว่าการ
เหมือนดั่งคดีของหยางจิ้งเหมือนครั้งก่อน ล้วนเป็นชนชั้นสูง แต่ครั้งนี้ยังล้วนเป็นเหล่าคุณหนู การสอบสวนไม่อาจอยู่บนที่ว่าการได้ ยังคงอยู่ด้านหลังที่ว่าการของหลี่จวิ้นโส่ว
ครั้งนี้เฉินตันจูพาสาวรับใช้สามคนและองครักษ์สามคนมา คนของตระกูลเกิ่งมีมากกว่า นายหญิงเกิ่ง นายท่านเกิ่ง สาวรับใช้ บ่าวรับใช้ ด้านหลังที่ว่าการเบียดแน่นจนหลี่จวิ้นโส่วและเหล่าขุนนางไม่มีที่ยืน แต่ยังไม่จบสิ้น ยังมีคนเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง…
ตระกูลที่คุ้นเคยหรือไม่คุ้นเคย ทะเบียนสีเหลืองที่ยื่นมานั้น เปิดออกมาล้วนเป็นรายชื่อตำแหน่งขุนนาง บนหัวของหลี่จวิ้นโส่วมีเหงื่อผุดขึ้น
“คนเหล่านี้ล้วนอยู่ในเหตุการณ์?” เขาถามเสียงเบา “เหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกมาทั้งหมด”
ถึงแม้เฉินตันจูจะบอกว่ามีคนอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก จะเรียกมาเป็นพยาน อีกทั้งให้จู๋หลินเขียนชื่อ แต่พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเรียกทุกคนมาตามที่นางบอก
ซักถามตระกูลเกิ่งกับเฉินตันจูก่อน สามารถยอมความได้ก็ยอมความ ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เวลานี้มากันทั้งหมด เรื่องคงจัดการได้ยาก เกรงว่าด้านนอกคงมีข่าวแพร่กระจายไปแล้ว ปวดหัวเสียจริง
ขุนนางทั้งสองก็ปวดหัว “ใต้เท้า คนเหล่านี้พวกข้าไม่ได้เรียกมา แต่เป็นตระกูลเกิ่ง”
หลี่จวิ้นโส่วเห็นคนที่เดินทางมาถึงทักทายนายท่านเกิ่ง พวกเขาต่างมีสีหน้าหนักใจ สายตาขุ่นเคือง…นายท่านเกิ่งคนนี้ก็ไม่ธรรมดา หลี่จวิ้นโส่วปวดหัวยิ่งขึ้น
เขาต้องการทำให้เป็นเรื่องใหญ่ นายท่านเกิ่งทักทายกับคนที่รู้จัก ก่อนจะมองไปยังเฉินตันจูที่นั่งอยู่ทางนั้น สายตาของเขาเย็นชา เจ้าทำร้ายคนก่อนยังกล้ามาฟ้องที่ว่าการ หากครั้งนี้ไม่สั่งสอนหญิงสาว ตระกูลเกิ่งของพวกเขาจะหยัดยืนในเมืองใหม่อย่างไร!
“เรื่องนี้ล้วน…” หลี่จวิ้นโส่วปวดหัวเพียงใดก็ต้องพูด ทุกคนต่างเดินทางมาถึงแล้ว
แต่ทันทีที่เขาพูด นายท่านเกิ่งก็ขัดขึ้น “นางทำร้ายคน”
คนอื่นต่างตอบรับทันที “พวกข้าเป็นพยานได้ คนในตระกูลพวกข้าอยู่ในเหตุการณ์”
เฉินตันจูก็ไม่ยอม นางยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ “ข้าทำร้ายคน แต่ข้าก็ถูกคนทำร้าย” นางชี้มาที่ตัวเอง ก่อนจะชี้ไปที่เหล่าสาวใช้ “พวกท่านอยู่ในเหตุการณ์ตาบอดมองไม่เห็นหรือ”
ยโสโอหังตามคำร่ำลือ อีกทั้งยังอวดฉลาด นายท่านเกิ่งไม่อยากเถียงกับหญิงสาว “คุณหนูตันจู เพราะว่าท่านเริ่มลงมือก่อน”
เฉินตันจูไม่ปฏิเสธ “เพราะว่านางด่าพ่อข้า…” พูดจบก็หัวเราะเสียงเย็น “หากข้าด่านายท่านเกิ่งเวลานี้ คิดว่าคุณหนูเกิ่งก็คงจะทำร้ายข้าเหมือนกัน หากไม่ทำร้ายข้า คุณหนูเกิ่งก็คงอกตัญญู”
ยังด่าคนเก่งอีก…นายท่านเกิ่งยังไม่ทันพูด เกิ่งเสวี่ยโกรธจนดันตัวขึ้นมา “เฉินตันจู เจ้าอย่าเหลวไหล เจ้าทำเรื่องอันใดทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ”
เฉินตันจูพูด “ท่านดู คุณหนูเกิ่งกตัญญูเสียจริง ข้ายังไม่ทันได้ด่านายท่านเกิ่ง นางก็เริ่มด่าข้าเสียแล้ว”
เหตุใดจึงมีคนไร้ยางอายเพียงนี้ เกิ่งเสวี่ยโกรธจนร้องไห้ นายหญิงเกิ่งรีบปลอบบุตรสาว ก่อนจะพูดแทน “คุณหนูตันจู ลูกข้าเที่ยวเล่นบนภูเขา ท่านเป็นคนหาเรื่อง…”
“ไม่ใช่ นางเป็นคนหาเรื่องต่างหาก นางไม่ยอมให้สาวรับใช้ข้าตักน้ำ” เฉินตันจูย่อมมีเหตุผล
“พวกข้าไม่รู้” คุณหนูอีกตระกูลทนดูความร้ายกาจของเฉินตันจูไม่ได้ ยืนออกมาอย่างกล้าหาญ “เจ้าไม่พูดจาดีๆ เข้ามาก็หาเรื่องด่าคน”
เมื่อมีคุณหนูคนหนึ่งพูดขึ้น คนอื่นต่างก็ไม่ยอมพูดขึ้นเช่นเดียวกัน ในเมื่อติดตามคนในตระกูลมา ก่อนหน้านี้ย่อมตกลงร่วมกันแล้ว พวกนางจะสั่งสอนเฉินตันจู
เหล่าหญิงสาวพูดจารวดเร็ว เหล่านายท่านเล่าเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีการเสริมจากบ่าวรับใช้ ปะปนไปด้วยการโต้เถียงจากเฉินตันจูและสาวรับใช้ ภายในโถงโกลาหล หลี่จวิ้นโส่วรู้สึกเพียงหูอื้อ
“ใต้เท้า” ขุนนางถามอยู่ข้างหู “ทำอย่างไร ปล่อยให้พวกนางโต้เถียงกันเช่นนี้หรือ?”
หลี่จวิ้นโส่วโบกมือ “ปล่อยไปก่อนเถิด เหนื่อยเมื่อใดค่อยว่ากัน”
บนถนนด้านนอกจวิ้นโส่วฝู่ยังมีรถม้าเดินทางมา เมื่อได้รับข่าวจากตระกูลเกิ่ง ทุกคนพักอยู่ใกล้ไกลต่างกัน เวลาที่หารือและตัดสินใจก็ต่างกัน
แต่ว่าส่วนใหญ่ล้วนเลือกเดินทางมา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องปากเสียงของบุตรสาว ถึงแม้จะเผยแพร่ออกไป ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องเล็กนี้ก็เกี่ยวข้องกับหน้าตา
ชนชั้นสูงจากเมืองซีจิงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แต่สองตระกูลเมืองอู๋ลำบากใจเล็กน้อย เพราะว่าเฉินตันจูน่ากลัวอย่างมาก แม้แต่ท่านอ๋องและจางเจี้ยนจวินยังเสียเปรียบ
สุดท้ายมีหนึ่งในสองตระกูลนี้เดินทางมา รถม้าเคลื่อนที่ไปยังจวิ้นโส่วฝู่ดึงดูดสายตาของผู้คนในทันที
“รถม้าของตระกูลซ่ง ขุนนางอู๋เก่า เหตุใดพวกเขาก็ไปจวิ้นโส่วฝู่”
“หรือว่าพวกเขาก็ถูกฟ้อง ใกล้จะถูกขับไล่แล้ว”
การเคลื่อนไหวทางจวิ้นโส่วฝู่ได้รับความสนใจในทันที
เหยาฝูก็คอยสังเกตเฉินตันจู เมื่อกลับพระราชวังไม่นานก็รู้ข่าว นางทั้งตกตะลึงทั้งอดขำไม่ได้ เฉินตันจูสมปรารถนายิ่งนัก นางไม่ต้องทำสิ่งใดทั้งสิ้น…
นางกำชับองครักษ์เสียงต่ำ “ไปแพร่กระจายข่าวบนถนน ให้ทุกคนรู้ว่าเฉินตันจูทำร้ายคน”
องครักษ์นั้นตอบรับก่อนจะถอยออกไป
เหยาฝูหัวเราะจนพอใจ ก่อนจะมองใบหน้าของตนเองในกระจก เมื่อคำนวณเวลาพระชายาก็ใกล้จะตื่นจากการนอนกลางวันแล้ว ในขณะที่เตรียมไปปรนนิบัติ เมื่อเดินไปถึงวังของพระชายาก็ถูกนางในรั้งเอาไว้
“พระชายาไม่อยู่ในวังเจ้าค่ะ” นางในพูด “ท่านไปหาฝ่าบาทแล้วเจ้าค่ะ”
เหยาฝูสงสัย ถาม “ฝ่าบาทมีคำสั่งอันใดหรือ” ก่อนจะพูดอย่างดีใจ “ท่านพี่รอบคอบอย่างมาก ฝ่าบาทให้ความสำคัญ”
นางในถูกนางชมจนเผยยิ้มออกมา จึงพูดมากขึ้นหนึ่งประโยค “ไม่รู้ว่าเรื่องใดเจ้าค่ะ ราวกับมีผู้ใดกลับมาแล้ว องค์รัชทายาทไม่อยู่ พระชายาจึงเดินทางไปพบ”
ผู้ใดกัน เหยาฝูสงสัย แต่เมื่อถามอีกนางในก็ตอบว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่าไม่รู้จริงๆ หรือไม่ยอมบอกนาง แต่นางคิดว่าเป็นอย่างหลัง เหยาฝูโกรธแค้นภายในใจ แต่บนใบหน้าอมยิ้มกล่าวขอบคุณก่อนจากไป นางยืนมองไปยังวังของฮ่องเต้ ก่อนจะเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านไปในระยะไกล ภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่ายสามารถมองเห็นชุดผ้าไหมที่เปล่งประกาย เหล่าองค์ชายหรือ
เสียดายที่ถึงแม้นางจะเป็นน้องสาวของพระชายา แต่ก็ไม่อาจเดินไปทั่วได้ในพระราชวัง เดิมทีเหยาฝูดีใจเพราะเรื่องของเฉินตันจู แต่เวลานี้กลับไม่ดีใจอีกครั้ง…เฉินตันจูโชคร้ายก็ไม่อาจทดแทนความเสียหายของนางได้
พระราชวังยามบ่ายทั้งสงบและน่าเกรงขาม บนท้องถนนยามบ่ายเต็มไปด้วยความคึกคัก
คุณชายเหวินนั่งอยู่ริมหน้าต่างของโรงเหล้ามองดูท้องถนน คนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดอะไรบางอย่างจากนั้นต่างวิ่งไปทิศทางเดียวกัน
“วุ่นวายเสียจริง” เขาส่ายหัว
ด้านหน้าโต๊ะภายในห้องมีชายวัยกลางคนที่ใบหน้าไร้หนวดเคราสวมชุดผ้าไหมกำลังดื่มชา เมื่อได้ยินจึงพูดขึ้น “ดังนั้นจวนที่คัดเลือกให้องค์ชายห้าต้องเงียบสงบ”
คำว่าองค์ชายห้าทำให้จิตใจของคุณชายเหวินร้อนรุ่ม เขารีบวางผ้าม่านลง ก่อนจะเดินกลับมา “ท่านวางใจ เลือกตามความสูงส่งของเชื้อสายราชวงศ์อย่างแน่นอน”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า พูดอีก “แต่ก็ไม่อาจโดดเด่นเกินไป เพราะจวนองค์ชายกำลังสร้างอยู่ในเมืองใหม่”
แต่เหล่าองค์ชายจะไปพักทางนั้นจริงๆ ได้อย่างไร เพียงแค่ตอบรับฝ่าบาท เป็นตัวอย่างให้เหล่าราษฎร จวนที่สร้างใหม่พักอาศัยได้อย่างไรกัน จวนที่ดีล้วนใช้คนหล่อเลี้ยงขึ้นมา
“ข้าวาดจวนเหล่านี้ลงมาแล้ว” คุณชายเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นคนไปดูและวาดลงมาเอง เมื่อรอองค์ชายห้ามาถึง ย่อมเห็นได้กระจ่าง”
ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ได้ยินว่าเมืองอู๋คนเก่งที่ดินดี แต่ละคนล้วนมีความสามารถหลากหลาย ข้าคงต้องเห็นฝีมือการวาดของคุณชายเหวินเสียหน่อยแล้ว”
คุณชายเหวินพูด “เพียงแค่ฝีมือเล็กน้อยเท่านั้น” พูดพลางเรียกบ่าวรับใช้หยิบภาพวาดมา
“ข้าต้องดูเสียหน่อย” ชายชุดผ้าไหมพูด ก่อนจะเสริมขึ้น “ข้าไม่ปิดบังคุณชายเหวิน อันที่จริงจวนนี้ไม่ใช่องค์ชายห้าอยู่เอง ท่านต้องการมอบให้คนอื่น”
แต่มอบให้ผู้ใดไม่พูด สีหน้าของเขามีนัยยะ
คุณชายเหวินดูก็เข้าใจ ผู้ที่ทำให้องค์ชายห้ามอบจวนให้ได้จะมีผู้ใด ย่อมต้องเป็นองค์รัชทายาท
ครานี้เขามีโอกาสรู้จักองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลา ภารกิจที่ท่านพ่อมอบหมายให้เขา อนาคตของตระกูลเหวิน…
แต่ผู้ติดตามของชายชุดผ้าไหมเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ก่อนจะกระซิบข้างหูของอีกฝ่าย ชายชุดผ้าไหมทำสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะลุกขึ้นยืน ขัดความตื่นเต้นของคุณชายเหวิน
“องค์ชายห้ามาไม่ได้แล้ว” ชายหนุ่มวัยกลางคนพูด “มีเรื่องเล็กน้อย รอครั้งหน้ามีโอกาสเถิด”
เกิดอันใดขึ้น คุณชายเหวินใจหายวาบ ก่อนจะถามโพล่งขึ้นมา จากนั้นจึงพูดเสริม “ไม่รู้มีเรื่องใดที่ข้าช่วยได้หรือไม่ เรื่องอื่นไม่กล้าพูด แต่เรื่องเล็กน้อยข้าทำได้อย่างแน่นอน”
ชายวัยกลางคนรู้ความคิดของเขา ยิ้มปลอบประโลม “อย่ากังวล ไม่มีเรื่องใด” เขาชะงักไปก่อนพูด “มีคนกลับมาแล้ว รอเข้าพบฝ่าบาท”
คุณชายเหวินจับคำว่ารอได้ แสดงว่าองค์ชายห้าเป็นผู้ขอรอ อีกทั้งยังต้องรอ…
ผู้ใดกัน