บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 304 เกาะดาราเปิด คุนหมิงออกจากการปิดด่าน
บทที่ 304 เกาะดาราเปิด คุนหมิงออกจากการปิดด่าน
อะไรคือ ‘ตำแหน่งติดตามจริงโชคลิขิต’
ง่ายมาก คือตัวเอกสามารถจับตำแหน่งโชคลิขิตของอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเกาะโชคลิขิตทุกครั้ง จะเห็นขั้นตอนการได้โชคลิขิตทั้งหมดเหนือศีรษะเป้าหมาย จากนั้นเขาค่อยกำหนดสัญลักษณ์จากเส้นทาง ป้ายบอกทางหรือแผ่นป้ายเป็นต้น คาดการณ์ออกมาเป็นตำแหน่งที่เป้าหมายได้โชคลิขิต
แม้วิธีการเกาะโชคลิขิตเช่นนี้จะมีประโยชน์ไม่น้อย แต่ก็มีขีดจำกัดมากเกินไป ยุ่งยากและพลาดได้ง่าย
ก่อนหน้านี้ตอนที่ดวงชะตาเสิ่นเทียนสีเขียวก็เคยคาดการณ์พลาด จนเอาหัวปักเข้าไปในหุบเขาหมอกลับแล เกือบถูกดูดจนแห้ง
ต่อมาเกิดแสงสีแดงขึ้นในวงรัศมีสีเขียว เสิ่นเทียนถึงได้ความสามารถคาดการณ์เวลาการเกิดโชคลิขิต จากนั้นมาทุกครั้งที่เขามองโชคลิขิตของเป้าหมาย ก็จะเห็นเวลาโดยละเอียดที่อีกฝ่ายได้โชคลิขิตอย่างแม่นยำ
แต่นี่ยังไม่มั่นคงพอเลย!
เหตุผลง่ายมาก เพราะโชคลิขิตส่วนมากเปลี่ยนแปลงได้
ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะไปถึงก่อนหรือไปสาย ก็อาจจะพลาดโชคลิขิตนี้ได้
ก็เหมือนก่อนหน้านี้ในเมืองภูเขาดำที่เขาไปนั่งเฝ้ารอยุง ต้องออกมือขัดขวางในเวลาที่แม่นยำที่สุด
มาช้าไปก็ไม่เจอปีศาจยุง ได้แต่รออย่างอดทน แต่หากมาช้าเกินไป ก็คงไม่ได้ดื่มแม้แต่น้ำแกง
ตอนนี้เสิ่นเทียนจะเข้าไปฝึกฝนในเกาะดาราเบิกฟ้า ฟังจากคำพูดของพวกคุณชายไป๋ เกาะดาราเบิกฟ้านี่ถูกหมอกแห่งเบิกฟ้าปกคลุม มหัศจรรย์ยิ่ง
ทุกเกาะดาราลอยอยู่บนผิวทะเล ถูกหมอกเบิกฟ้าล้อมรอบและดันเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ แทบจะเปลี่ยนตลอดเวลา
เนื่องจากผลของหมอกเบิกฟ้า ทำให้รอบยอดค่ายกลธรรมชาติถูกหมอกเบิกฟ้าบดบัง ยากจะแยกแยะทิศทางได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้เสิ่นเทียนจะเห็นโชคลิขิตก่อนก็ยากจะหาทรัพยากรพบ
……
แต่หลังจากได้ความสามารถ ‘ตำแหน่งติดตามจริงโชคลิขิต’ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
สมมุติว่าหากเสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนในบางเกาะ แต่ตำแหน่งของเกาะดาราเบิกฟ้าเปลี่ยนไปตลอด หากใช้วิธีเมื่อก่อน เสิ่นเทียนจะต้องขึ้นเกาะในเวลาที่กำหนดโดยเฉพาะ
หากพลาดช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ต่อให้เสิ่นเทียนพบตำแหน่งชัดเจนในภาพโชคลิขิต เกาะนั้นก็อาจจะออกจากที่เดิมไปแล้ว
ขณะเดียวกันในเกาะดาราเบิกฟ้ายังเปลี่ยนภูมิประเทศไปตลอดเวลา การที่เสิ่นเทียนจะหาโชคลิขิตที่แม่นยำเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว
ขอแค่เสิ่นเทียนเห็นขั้นตอนการได้โชคลิขิตนั้นของฉีเซ่าเสวียน เช่นนั้นเขาก็จะระบุตำแหน่งของโชคลิขิตนั้นได้ ไม่ว่าโชคลิขิตนั้นจะย้ายที่อย่างไรก็หนีไม่พ้น
ความสามารถใหม่นี้ทำให้เสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มการผจญภัย ถึงกับกดอารมณ์ชั่ววูบเอาไว้ไม่อยู่!
จีพีเอสนี่ มาได้จังหวะพอดีเลย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เผยรอยยิ้ม
อีกด้าน การทุบแก่นเป็นดรุณของฉีเซ่าเสวียนเริ่มมาถึงช่วงท้ายแล้ว
ดวงจิตดรุณของเขากระแทกแขนขาและศีรษะออกมาจากแก่นพลังทองทั้งหมด สุขสบายไปทั้งตัว
น้ำตาดาวเทพสมุทรยังคงถูกฉีเซ่าเสวียนหลอมรวมต่อไป เปลี่ยนเป็นพลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุด
ดวงจิตดรุณของเขาส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ มองไปเหมือนกับคนเล็กที่แกะสลักขึ้นจากหยกม่วง
กึก~
แก่นพลังทองสิบรอบเริ่มแตกออกทั้งหมด ฉีเซ่าเสวียนฉบับย่อส่วนสวมชุดเกราะสีม่วงคนหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน องอาจห้าวหาญมาก
ฉีเซ่าเสวียนฉบับย่อส่วนเงยหน้าขึ้นช้าๆ ทั้งที่ร่างมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ แต่กลับแผ่อำนาจมังกรล้นฟ้า
แสงม่วงในมือรวมเป็นง้าวมังกรสวยงาม ขณะวาดออกไปยังเหมือนกับมังกรเทพมาเยือน อหังการที่สุดแห่งยุค
เวลานี้ทุกคนทั้งหอเสียงสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงอำนาจคุกคาม
ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนแกร่งกว่าเมื่อครู่อย่างชัดเจน!
…….
ภายในห้องพิเศษแห่งหนึ่งของชั้นสอง
ปี้เสวียนชิงแลบลิ้นงู ดวงตาเปล่งแสงมืดหม่น
เขามองไปทางห้องของเสิ่นเทียนด้วยความหวาดกลัว “เจ้านั่นทะลวงพลังแล้ว”
ฉีเซ่าเสวียนทะลวงพลังไม่ได้ตั้งใจอำพรางพลัง ทำให้ปี้เสวียนชิงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากสายเลือดมหาศาล
พึงรู้ไว้ว่า ก่อนที่ฉีเซ่าเสวียนจะรวมดรุณสำเร็จก็ปราบปี้เสวียนชิงได้แล้ว กระทั่งเคยเอาชนะเขามา
ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น หากสองคนต่อสู้อย่างยุติธรรมอีกครั้ง ปี้เสวียนชิงรู้สึกว่าตนไม่มีโอกาสชนะเลย อาจจะพ่ายแพ้อย่างอนาถด้วยซ้ำ
บัดซบ เผ่ามนุษย์ยุคนี้ไฉนถึงเกิดโอรสสวรรค์มากมายเช่นนี้ สวรรค์รักเผ่ามนุษย์เช่นนี้เชียวหรือ
หากให้เวลาเจ้านี่อีกสามร้อยปี ต่อให้เป็นคุนหมิงก็อาจจะเอาชนะเขาไม่ได้กระมัง!
………
ชั้นยอดสุด ห้องขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณของฉีเซ่าเสวียนพลันเพิ่มขึ้น อวี้เผียนเซียนก็หน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในโลกนี้สมบัติล้ำค่าที่เสริมความแกร่งให้พลังจิตวิญญาณได้มีน้อยมาก จะหามาได้ง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร อีกทั้งเสิ่นเทียนยังรีบร้อนกลับ เพิ่งกลับถึงห้องไม่นาน พลังจิตวิญญาณของฉีเซ่าเสวียนก็เริ่มเพิ่มขึ้น นี่อาจจะบังเอิญไปหน่อยกระมัง
อวี้เผียนเซียนยกสองมือขาวเนียนขึ้นช้าๆ ประสานมุทราเป็นมุทราลี้ลับ ค่อยๆ รวมออกมาเป็นแสงสว่างสีฟ้าขึ้นจากมวลอากาศ
นัยน์ตานางเผยความแปลกใจเสี้ยวเล็ก ‘บุตรศักดิ์เทพสวรรค์เด็ดเดี่ยวมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะมอบน้ำตาดาวเทพสมุทรช่วยฉีเซ่าเสวียนทะลวงพลัง’
ต้องรู้ว่าอวี้เผียนเซียนฟังจากคุณชายไป๋เล่ามาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ลงรอยกันมาตลอด
อีกทั้งก่อนหน้านี้ไม่นานบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนยังทำเอิกเกริกยิ่งใหญ่บุกไปหาเรื่องเทพสวรรค์
ความสัมพันธ์เช่นนี้ เหตุใดเสิ่นเทียนถึงมอบน้ำตาดาวให้เขากัน
เพราะตนไร้พ่ายเกินไปในดินแดนบูรพา ดังนั้นจึงบ่มเพาะคู่ต่อสู้ให้ตัวเองหรือ
หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่เห็นฉีเซ่าเสวียนอยู่ในสายตาเลย จึงจะกำราบเขาด้วยราชธรรมโดยแท้หรือ
สมกับเป็นคนที่ข้าถูกใจ ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใคร แม้แต่การปฏิบัติตัวในสังคมยังมีความยิ่งใหญ่ทุกทาง!
หึ การผจญภัยเกาะดาราครั้งนี้ ข้าจะต้องหาทางมัดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไว้บนเตียงสนามรบบ้านข้าให้ได้
กลับไปบอกเสด็จพ่อว่าเผ่าเทพเงือกเราก็ต้องมีพันธมิตรมนุษย์เช่นกัน!
………….
ตอนนี้ทุกห้องในหอเสียงสวรรค์กำลังสนใจฉีเซ่าเสวียน
ทว่าในสายตาฉีเซ่าเสวียนกลับมีเพียงเสิ่นเทียน
“เสิ่นเทียน ชีวิตนี้แซ่ฉีไม่อ่อนแอกว่าใคร และไม่อยากติดค้างเจ้า!”
ทุบแก่นเป็นดรุณสำเร็จ แต่ในใจฉีเซ่าเสวียนกลับไม่ได้มีความสุขอะไรมาก
ในทางตรงข้าม การถูกเสิ่นเทียนมัดไว้ทั้งยังถูกเถาวัลย์ยัดปากต่อหน้าทุกคน แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเสิ่นเทียนหวังดีกับตน แต่เขาก็ยังรู้สึกอับอายและโกรธ เรียกว่าสิ้นชีพทางสังคม
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น “น้ำตาดาวเทพสมุทรนี่ถือว่าแซ่ฉียืมเจ้าก่อนแล้วกัน รอจบการผจญภัยครั้งนี้จะคืนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้รอสหายเสิ่นทุบแก่นเป็นดรุณเมื่อไร แซ่ฉีก็หวังว่าจะได้สู้กับสหายเสิ่นอีกครั้ง ถึงแซ่ฉีจะยังเทียบกับสหายเสิ่นไม่ได้ในตอนนี้ แต่ก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”
เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนรวมดรุณสำเร็จและองอาจห้าวหาญขึ้นมาแล้ว เสิ่นเทียนเหม่อไปเล็กน้อย นี่คิดว่าตัวไหวหรือ
หรือว่าเจ้าคือฉี ซาซึเกะ เซ่าเสวียนในตำนานกัน
แต่คนหนุ่มมีไฟก็เป็นเรื่องดี เจ้าไม่ยอมแพ้ก็ออกไปฝึกฝนเยอะๆ ข้าจะได้มีโอกาสเกาะโชคลิขิตเจ้าเยอะๆ ไง!
พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ตบบ่าฉีเซ่าเสวียนพลางพูดปลอบใจ “สหายฉีหัวแข็ง มีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิจริงๆ แซ่เสิ่นรับปากได้ว่าเมื่อทุบแก่นเป็นดรุณแล้วจะสู้กับสหายฉีอีกครั้ง แต่แซ่เสิ่นมีเงื่อนไขบางอย่าง”
ฉีเซ่าเสวียนตาเป็นประกายขึ้นมา เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “สหายเสิ่นบอกมาได้เลย”
เสิ่นเทียนหัวเราะเบาๆ “น้ำตาดาวเทพสมุทรนี่ องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนให้กับแซ่เสิ่น เพื่อเป็นการตอบแทน แซ่เสิ่นจึงรับปากว่าจะคุ้มกันนางรอบด้านในการผจญภัยครั้งนี้ แซ่เสิ่นหวังว่าสหายฉีจะร่วมเดินทางไปกับข้าด้วย”
ให้แซ่ฉีเดินทางไปกับสหายเสิ่น คุ้มกันองค์หญิงเงือกนั่นหรือ
ฉีเซ่าเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สารภาพตามตรง ในเกาะดาราเบิกฟ้ามีทั้งอันตรายและโชคลิขิต ฉีเซ่าเสวียนคิดว่าไม่เหมาะจะเดินทางไปเป็นกลุ่มหลายคน
หากมีเสิ่นเทียนกับเอ๋าอูไปกับเขาด้วย ฉีเซ่าเสวียนย่อมไม่คัดค้านอะไร สี่คุณชายก็พอจะฝืนรับได้
แต่การพาตัวถ่วงอย่างองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนไปผจญภัยด้วย ฉีเซ่าเสวียนเกิดความลังเลเล็กน้อย
ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ว่ากำลังรบของเผ่าเงือกไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก
หากเจออันตรายในเกาะดาราเบิกฟ้า องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนอาจจะเป็นตัวถ่วงได้
ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนด้วยแววตามืดหม่น “ในเมื่อสหายเสิ่นตัดสินใจแล้ว แซ่ฉีก็จะตอบตกลงสหายเสิ่น”
เมื่อพูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปนอกห้อง “แซ่ฉีทะลวงพลังมาไม่นาน ต้องปรับเสถียรระดับพลังสักพัก ขอตัวก่อน เกาะดาราเบิกฟ้าเริ่มเมื่อไร แซ่ฉีค่อยออกด่านบำเพ็ญมารวมกับทุกท่าน แซ่ฉีขอตัวลาก่อน”
เสียงของฉีเซ่าเสวียนค่อยๆ ห่างไกลออกไป ไม่นานเขาก็หายไปจากสุดทางเดิน
ตอนเดินไปยังเหมือนรีบร้อนนิดๆ รีบเร่งหน่อยๆ
อืม อาจจะเกี่ยวกับความตายทางสังคม
……
ฉีเซ่าเสวียนกลับไปปิดด่านบำเพ็ญดูแลตัวเอง
เสิ่นเทียนก็เที่ยวเล่นทั่วเมืองสุขาวดีภายใต้การต้อนรับจากสี่คุณชายใหญ่
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยจริงๆ ที่เมืองแห่งสุขาวดีถูกเรียกว่าเมืองแห่งสุขาวดีเพราะมีความพิเศษของมันจริงๆ
นอกจากเซียนหอยและองค์หญิงเงือกที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนในหอเสียงสวรรค์แล้ว ในเมืองยังมีอาหารเลิศรสจากทุกมุมของทะเล สุราชั้นเลิศและสมบัติแปลกมากมายนับไม่ถ้วน
ภายใต้การต้อนรับอย่าง ‘ร่ำรวย’ ของคุณชายเซี่ย ทำให้เสิ่นเทียนได้สัมผัสกับความสุขในแบบของเศรษฐีสุนัข
กินดื่มเที่ยวเล่นฟังดนตรี บางครั้งไปดูเซียนหอยที่หอเสียงสวรรค์ เต้นระบำพืชทะเล
เวลาหนึ่งเดือนนี้ผ่านไปเร็วกว่าปกติ
…..
เมื่อเข้าใกล้วันเปิดเกาะดาราเบิกฟ้าในรอบสามปีเข้ามา เมืองแห่งสุขาวดีก็มีผู้คนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นเทียนเจอปีศาจทะเลที่ไม่เคยเจอมากมาย ในนั้นส่วนใหญ่เป็นปีศาจปลา แน่นอนว่าต้องมีปีศาจม้าน้ำและปีศาจสิงโตทะเล
ปีศาจที่ไม่มีเผ่าใหญ่โตอยู่เบื้องหลังพวกนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีกำลังรบแข็งแกร่งอะไรมาก และไม่มีสิทธิ์ร่วมการผจญภัย
มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับการยอมรับจากเผ่าปีศาจทะเลพวกนั้น แหกกฎให้พวกเขาร่วมการผจญภัย ขณะเดียวกันก็เป็นการสงบอารมณ์ของปีศาจทะเลที่เอ้อระเหยอยู่
แน่นอนว่า ในปีศาจทะเล ‘หมาป่าเดียวดาย’ ที่ไม่มีขุมอำนาจใหญ่อยู่เบื้องหลังพวกนี้ มีหลายคนที่มีศักยภาพใช้ได้
อย่างเช่นปีศาจสิงโตทะเลระดับจุดสูงสุดดวงจิตดรุณบางคน ประลองไม่แพ้เอ้อทงเทียนได้
หนุ่มน้อยปีศาจหอยเป๋าฮื้อบางตน ก็เร็วกว่าปี้เสวียนชิง
สรุปคือ การผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้ารอบสามร้อยปีนี้ มีโอรสสวรรค์ปรากฏขึ้นมากมาย
ทั้งเมืองสุขาวดีเหมือนจุดพลังชีวิตขึ้นมาใหม่ในไม่กี่วัน กลายเป็นรุ่งเรืองและฟุ้งเฟ้อกว่าเดิม
ขณะเดียวกันก็มีข่าวใหญ่กระจายออกไป ทำให้ทั้งทะเลอุดรสั่นสะเทือน ทุกสายตาจับจ้องเสิ่นเทียน
ข่าวนี้คือ องค์ชายเผ่าคุนสุญตาคุนหมิงออกด่านบำเพ็ญอย่างเป็นทางการ บางทีอาจจะมาท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!
ควรรู้ไว้ว่าคุนหมิงคือผู้สูงศักดิ์ไร้พ่าย แต่กลับมาเล่นงานบุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มคนหนึ่ง
……
นี่คือการประณามเกาะมังกรดำทะเลอุดรอย่างร้ายแรง
………………….………..