ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 541 เหตุการณ์ผิดปกติในการทดสอบ 2
ผู้อาวุโสถังตัวแข็งทื่อ เขาหยุดนิ่งหันไปทางที่นั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ด้วยสีหน้าไม่ยินยอมเล็กน้อย
ฟงอี้หยุนไม่สนใจสายตาของผู้อาวุโสถัง เขากวาดตามองทุกคนก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา
“ผู้ที่เกี่ยวข้องกับศิษย์นอกถังเจาห้ามออกจากที่นี่!”
คำพูดของฟงอี้หยุน ชี้ให้เห็นว่า เขาปักใจเชื่อแล้วว่าถังเจามีอะไรผิดปกติ
ใบหน้าของผู้อาวุโสถังพลันเปลี่ยน เขาพยายามข่มความโกรธ
ชายวัยกลางคนดวงตาหรี่เล็กลอบยิ้มในใจ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวและหันไปยังฟงอี้หยุนและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านผู้นำ ผมขออาสาเป็นคนไปตรวจสอบเองครับ”
ทุกคนหันมามองเขาด้วยสายตาเดียวกัน
ฟงอี้หยุนมองชายวัยกลางคนดวงตาหรี่เล็กแล้วพยักหน้า
“ตกลงผู้อาวุโสชิงไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีอุบัติเหตุให้หยุดการทดสอบทันที”
“รับทราบ”ผู้อาวุโสชิงยิ้มรับ หันหลังกลับมองไปยังผู้อาวุโสถังและพยักหน้าเบาๆ
แต่ก่อนที่เขาจะออกไป
ภาพโฮโลแกรมก็กลับมา
ผู้อาวุโสชิงชะงัก มองไปที่ภาพโฮโลแกรม ดวงตาหรี่เล็กของเขาพลันเบิกกว้าง
ภาพที่กลับมาฉายทำให้ทุกคนตกตะลึง
“นั้นมัน!”
ในภาพจิวโมไป่กำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตร่างสูง 3 เมตร ที่มีร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามอันบิดเบี้ยวน่าสะพรึงกลัว ดูไม่เหมือนกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผิวหนังทั่วร่างปริแตก เลือดสีแดงอาบทั่วร่าง รัศมีพลังอันรุนแรงบ้าคลั่งและเย็นยะเยือก แผ่ออกมาจากภาพ ทำให้ผู้ที่มองอยู่ตกอยู่ในความหวาดกลัว
“นี่…นี่…”ผู้อาวุโสถังมองตาค้างพูดตะกุกตะกัก
เขาตกใจอย่างมาก ถังเจาไม่ใช้เพียงแค่ศิษย์ของเขาเท่านั้น ยังเป็นลูกบุญธรรมที่เกิดจากคนรักในวัยเด็กของเขา ที่เสียชีวิต เขาจึงรับถังเจามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ทำให้เขามีความผูกพันกลับถังเจามากกว่าลูกที่แท้จริงของเขาด้วยซ้ำ
ดวงตาของผู้อาวุโสถังเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก กฎแห่งธาตุลมและไฟพลันปะทุออกจากร่าง เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดอย่างรุนแรง โดยไม่สนใจเสียงห้ามปราม ร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปราวกับจรวด พริบตาเดียวก็เข้าไปในหุบเหวพายุคลั่ง
เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ไม่สามารถห้ามได้ทัน
ผู้อาวุโสชิงที่เห็นดังนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนไป เขาหันมาหาฟงอี้หยุนและพูด
“ท่านผู้นำ ผมขอตัว ตามผู้อาวุโสถังก่อนนะครับ”จบคำกฎแห่งธาตุลมก็ห่อหุ้มร่างของเขา ก่อนที่เขาจะหายวับไปราวกับสายลม
ทุกคนมองหน้าหัน ก่อนจะหันกลับไปดูการต่อสู้ด้วยสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง
ฟงอี้หนิงเขยิบร่างไปใกล้พี่ชายของเธอและกระซิบแผ่วเบา
“หรือว่า…เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ลอบสังหารเฟยน้อย”
ใบหน้าของฟงอี้หยุนเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที แต่เขาก็แสร้งทำเป็นเย็นชา เขาเงียบไม่ตอบ
ฟงอี้หนิงจึงดึงตัวกลับและมองโฮโลแกรมด้วยสีหน้าหนักอึง
ถ้าถังเจาเป็นคนของกลุ่มคนที่ลอบสังหารหลานชายของเธอจริงๆ มันแสดงให้เห็นว่า คนพวกนั้นได้แฝงตัวเข้ามาในตระกูลแล้ว และไม่ได้มีจำนวนน้อยๆ การที่จะนำสายลับเข้าตระกูลได้ จะต้องมีบุคคลระดับสูงของตระกูลช่วยเหลือ
ดูเหมือนว่าความสงบในยุคที่ปลอดภัยจะหมดไปแล้ว
ฟงอี้เฟยที่เห็นการเคลื่อนไหวของห้องโถง และมองถังเจาที่ร่างกายผิดปกติ เขาก็กระวนกระวายอยากไปช่วยเหลือจิวโมไป๋ แต่เขาต้องห้ามตัวเองเอาไว้ เพราะเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองดี
ในตอนที่ถังเจายังไม่เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายพอๆกับตัวเอง เขามีโอกาสชนะเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีอันน่าหวาดกลัวผ่านโฮโลแกรม เขาไม่มีทางสู้ได้เลย
ถ้าเขาไปจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับจิวโมไป๋มากกว่า
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสสองคนถูกส่งไป เขาก็เบาใจลง เขาเหลือบตามองเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่ยืนนิ่งมองโฮโลแกรมตาไม่กระพริบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะปลอบพวกมัน
“ไม่ต้องห่วง มีคนไปดูการต่อสู้แล้ว เจ้านายของพวกเธอไม่เป็นอะไรหรอก”
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยยังคงนิ่งไม่ตอบโต้ ฟงอี้เฟยถอนหายใจ คิดว่าพวกมันเป็นห่วงเจ้านาย เขาหันกลับไปมองโฮโลแกรม
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าร่างของเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยนิ่งผิดปกติ พวกมันแทบจะไม่หายใจเสียด้วยซ้ำ!
หุบเหวพายุคลั่ง
บนเสาหินกว้าง มนุษย์กล้ามเนื้อยักษ์ปกคลุมด้วยกลิ่นอายน่าสยองขวัญ พื้นที่เขายืนอยู่แตกร้าว ดวงตาสีแดงก่ำกรอกไปมา ลมหายใจสีขาวพ้นออกจากจมูกเสียงดัง
“อ๊าาาาาาก”ถังเจาร้องคำรามเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เพราะความเจ็บปวดมันทำให้สติของเขาเริ่มกลับมาอย่างช้าๆ
จิวโมไป๋มองถังเจาอย่างใจเย็น ทันทีที่ถังเจาใช้คลื่นรบกวนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เขาก็ใช้พลังวิญญาณปิดการทำงานของคลื่นรบกวนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้วทันที ทำให้กล้องวงจรปิดอินฟาเรดจึงกลับมาทำงานตามปกติ
เขาจึงไม่กังวลว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น จะถูกตัดสิทธิ์จากการทดสอบและอาจถูกลงโทษ โดยไม่มีหลักฐาน
เขาคาดเดาแผนการของถังเจา ที่ปิดภาพกล้องวงจรปิดได้อย่างง่ายดาย
โอสถที่ถังเจาใช้ ดูเหมือนจะเป็นโอสถปีศาจ ที่เพิ่มพละกำลังอันมหาศาล แต่ผลกระทบของการใช้โอสถ คือการเผาผลาญโลหิตแก่นแท้
โลหิตแก่นแท้เป็นสิ่งสำคัญของผู้บ่มเพาะพลังทุกคน ถ้าโลหิตแก่นแท้เสียหาย มันจะเป็นการทำลายพลังชีวิต ยิ่งโลหิตแก่นแท้เสียหายมากเท่าไหร่ พลังชีวิตก็ลดลงมากเท่านั้น ถ้าสูญเสียโลหิตแก่นแท้จนหมด มันหมายถึงสูญเสียชีวิต
ดูเหมือนว่าเจตนาของถังเจาคือต้องการที่จะฆ่าเขา แต่ถ้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ ก็จะผลาญโลหิตแก่นแท้จนหมด และฆ่าตัวตาย เพื่อทำให้เขาหมดสิทธิ์ทดสอบ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนฆ่าถังเจาเองก็ตาม แต่เพราะกล้องวงจรปิดอินฟาเรดไม่ทำงาน ทำให้ไม่มีหลักฐานยืนยัน เขาจึงหมดสิทธิ์ทดสอบ ไม่ว่าผลตรวจสอบจะเป็นยังไงก็ตาม
แผนการนี้ไม่ว่าทางใด ถังเจาก็ต้องสูญเสียอย่างหนัก หรือแม้แต่ต้องเสียชีวิต
เขาไม่รู้ว่าการได้รับฟงอี้เฟยมาเป็นผู้ติดตาม มันได้รับประโยชน์อะไร
ทำไมผู้อยู่เบื้องหลัง ถึงต้องใช้วิธีนี้ในการหยุดเขา การให้สายลับที่ซ่อนอยู่ในตระกูลฟงมาอย่างยาวนาน และเป็นถึงศิษย์หลักของตระกูล เสียสละตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นการใช้คนอย่างเปล่าประโยชน์และไม่คุ้มค่าเลย
การได้รับฟงอี้เฟยเป็นผู้ติดตาม อาจมีอะไรเบื้องหลังที่เขาไม่รู้ก็เป็นได้