บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 921: โกรธสุดขีด
ตอนที่ 921: โกรธสุดขีด
ตอนที่ 921: โกรธสุดขีด
เมื่อตัวตนน่าสะพรึงอย่างจักรพรรดิกระดูกขาวกับท่านเทพดาราคล้อยลงมือจัดการ สถานการณ์ทั้งหมดก็พลิกผัน
ครืน!
สถานที่ต่อสู้แห่งนี้ตกอยู่ในสภาวะระส่ำระสาย ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังการทำลายล้างราวกับคลื่นลูกใหญ่ถาโถม
“ทูตรับใช้กาฬราตรี? ข้าอยากจะศึกษาระดับวิถีของเจ้ามานานมากแล้ว!”
เสียงของจักรพรรดิกระดูกขาวเย็นยะเยือก พอปรากฏตัวก็ควงหมัดพุ่งเข้าใส่ทูตรับใช้กาฬราตรี
กระดูกของเขาใสสว่างเรืองรอง ลวดลายมหาวิถีสีเลือดไหลชโลมอยู่ภายใน ถึงแม้จะควงหมัด แต่คล้ายกับกำลังควงหอกด้ามยาวที่สามารถแทงทะลุทุกสิ่งอย่างได้ แหวกท้องฟ้าลงมา แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
แม้แต่ทูตรับใช้กาฬราตรีผู้แข็งแกร่งก็ยังจำต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเข้าต้านทาน
“โดน!”
เสียงตะโกนดังขึ้น ท่านเทพดาราคล้อยชักแส้ขนม้าออกมา กลายเป็นน้ำตกที่เกิดจากการรวมตัวของดวงดาราสีโลหิต พุ่งเข้าใส่ทูตรับใช้กาฬราตรีอีกคน
พลังอานุภาพเช่นนี้ไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิกระดูกขาวเลย!
ส่วนตัวตนน่ากลัวอย่างจักรพรรดิโฉดฉือเลี่ยนกับอสูรเฒ่าเมฆาฝันต่างก็เลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง แสดงฝีมืออย่างเต็มที่
สวบ!
จักรพรรดิโฉดฉือเลี่ยนพุ่งเข้าใส่ผู้ชายร่างอ้วนในชุดเพ้าสีเหลือง
คนผู้นี้คือนักบวชลำดับที่ห้าของวัดเสวียนหมิง อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นต้น
ก่อนหน้านี้สู้กับพวกของอวิ๋นซงจื่อกับหลูฉางหมิง
เมื่อจักรพรรดิโฉดฉือเลี่ยนบุกเข้ามา ผู้ชายร่างอ้วนในชุดสีเหลืองถึงกับสีหน้าเปลี่ยน พวกเขาเบี่ยงตัวหลบ
“ตาย!”
เสียงตะคอกอย่างแรงดังขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ฉับพลันหมอกเลือดก็ปรากฏขึ้น กลายเป็นผู้ชายร่างใหญ่โตมีผมสีแดงดวงตาสีเขียว ซัดฝ่ามือออกไป
อสูรเฒ่าเมฆาฝัน!
ปัง!
ร่างของผู้ชายร่างอ้วนกระเด็นออกไปในทันใด เลือดไหลทะลักออกจากเจ็ดทวาร พลังวิถีในตัวแทบสลาย
เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน
ดาบวิถีสีหิมะสว่างที่เฟิงอวี่จือถืออยู่ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แทงทะลุอกของเขา
เพียงชั่วพริบตา ผู้ชายร่างอ้วนร่างกระจุย เลือดสาดกระเซ็น
นักบวชลำดับที่ห้าของวัดเสวียนหมิงคนนี้วิญญาณแตกสลายภายใต้การจู่โจมของจักรพรรดิโฉดฉือเลี่ยน อสูรเฒ่าเมฆาฝัน กับเฟิงอวี่จือ!
ครู่ถัดมา เสียงหวีดร้องโอดครวญก็ดังขึ้น
อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นซงจื่อกับหลูฉางหมิงได้โอกาส ฆ่าผู้เฒ่าชุดสีม่วงผมเคราดำสลับขาวตาย
นั่นคือนักบวชลำดับที่หกของวัดเสวียนหมิง ร่างของเขาถูกซัดจนเละ จิตวิญญาณเพิ่งหนีออกมาได้ก็โดนเพลิงเทวะของหลูฉางหมิงเผาผลาญจนไม่เหลือ
ก่อนหน้านี้ นักบวชลำดับที่ห้าของวัดเสวียนหมิงกับสามทูตรับใช้กาฬราตรีร่วมมือกัน บุกกระหน่ำใส่พวกเขาไม่หยุด ต้องทนฝืนรับมือ
ทว่าเวลานี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!!
“ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!”
ในการต่อสู้ ราวกับเหล่าจักรพรรดิกำลังตะลุมบอน เสียงประหัตประหารดังสะท้านไปทั่วฟ้าดิน อากาศผันผวน ทุกอย่างแปรปรวน
เพียงแค่ไม่กี่อึดหายใจเท่านั้น
นักบวชลำดับที่สองร่างสูงใหญ่สวมชุดนักรบ กับนักบวชลำดับที่สี่ที่ใส่ชุดเกราะสีเขียวล้วนถูกปิดล้อมและประหาร
ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากจะหนี แต่เป็นเพราะโดนตัวตนน่ากลัวทั้งหลายปิดล้อม พวกเขาจึงไม่อาจหลบหนี ไร้ซึ่งที่จะหลบ!
“แกร่งเหลือเกิน การต่อสู้กันเช่นนี้แตกต่างจากสงครามแห่งเทพเทวาตามที่เล่ากันในตำนานเสียเมื่อไร?”
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้ว ผู้เป็นจักรพรรดิบางคนส่งเสียงพึมพำ
ศึกในครั้งนี้แทบจะกลายเป็นเวทีสำหรับตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ พลังมหาวิถีที่ถูกนำมาใช้สามารถถล่มทลายผืนพสุธาได้เลย!
มีคนพูดด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ทูตรับใช้กาฬราตรีน่ากลัวมากพอแล้ว ทว่าเมื่อตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ของแดนต้องห้ามทั้งหลายอย่างเช่นจักรพรรดิกระดูกขาวกับท่านเทพดาราคล้อยปรากฏตัว ทุกคนจึงรู้และเข้าใจได้ว่าเมืองมรณะแห่งนี้มีความน่ากลัวและอันตรายถึงเพียงใด
สายตาที่มองดูซูอี้ของผู้เป็นจักรพรรดิบางคนเปลี่ยนไป
ชายหนุ่มชุดเขียวที่นอนสบายเอนกายอยู่บนเก้าอี้หวายคนนี้ ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ทำตัวราวกับผู้ชมเหตุการณ์ เขามองดูการประหัตประหารราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ดื่มสุราด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ
แต่ใครจะคาดคิดว่า วัตถุที่แข็งแกร่งเยี่ยงโคมสงบวิญญาณเทียนหยา และตัวตนที่น่ากลัวเช่นพวกจักรพรรดิกระดูกขาวจะยอมถูกใช้งานง่าย ๆ เช่นนี้ได้?
ไม่น่าเชื่อเลย!
ศึกใหญ่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้เป็นจักรพรรดิที่แข็งแกร่งดับสลายลงได้ทุกเมื่อทุกเวลา ผืนแผ่นดินเกิดความปั่นป่วน เสียงรบราฆ่าฟันสอดแทรกอยู่ในความสั่นสะเทือนของเสียงวิถี ถักทอเป็นภาพสงครามแห่งวันสุดท้าย
พลังแข็งแกร่งภายใต้การควบคุมของมันถูกนำมาใช้จนหมดไม่เหลือแล้ว ทว่าเมื่อเทียบกำลังการต่อสู้ระดับสุดยอดแล้วยังคงด้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามอีกมากอย่างเห็นได้ชัด!
“เจ้าตัวน้อย สมควรตาย!!!”
ดวงตาของอีกาเก้ามืดมิดปูดโปน
หลายปีที่ผ่านมา มันวางแผนเพื่อช่วยยมบาลมาตลอด
เพื่อการนี้ มันจึงได้ระดมทูตรับใช้กาฬราตรี สร้างวัดเสวียนหมิง รวบขุมกำลังผู้ฝึกตนจำนวนมากในภูมิมืดมิด และสร้างค่ายกลแห่งบวงสรวงวิญญาณ…
เดิมที หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน การปฏิบัติการในคืนนี้สำเร็จ ก็สามารถจับตัวผู้เป็นจักรพรรดิมาบวงสรวงต่อยมบาล
ทว่าใครกันจะคาดคิดว่า การปรากฏตัวของซูอี้จะทำลายแผนการของเขาจนปั่นป่วนไปหมด!
เช่นนี้จะให้อีกาเก้ามืดมิดไม่เคียดแค้นใจได้อย่างไร?
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมากยิ่งกว่าก็คือ คืนเทศกาลหมื่นโคมไฟเมื่อไม่นานมานี้ ก็เป็นชายหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณคนนี้เช่นกันที่ทำลายแผนการของมัน!
แค้นใหม่กับแค้นเก่าก่อตัวสะสมอยู่ในใจของอีกาเก้ามืดมิด ทำให้มันรู้สึกคับแค้นจนอยากจะสู้กับซูอี้จนถึงที่สุดโดยไม่สนใจกับสิ่งใดอีก
“ตาเฒ่า เจ้าควรจะตายได้แล้ว!”
ทันใด เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
โยวเสวี่ยขับเคลื่อนดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาลัดแผ่นฟ้าพุ่งไปที่ภิกขุซื่อเอ้อร์นักบวชลำดับใหญ่
ขณะที่กำลังเข้าใกล้ อวิ๋นซงจื่อ เฟิงอวี่จือ กับหลูฉางหมิงก็ควบคุมตัวภิกขุซื่อเอ้อร์ไว้ได้แล้ว
“อยากจะฆ่าข้า เพียงแค่พวกเจ้ายังไม่พอ” ภิกขุซื่อเอ้อร์กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ
เขาได้รับบาดเจ็บจนมีบาดแผลเต็มตัว
ทว่ากลิ่นอายพลังในตัวยังคงแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถึงแม้จะอยู่ในการโอบล้อมโจมตี พลังกลับไม่ได้ลดลงเลย
ครืน!
เขาพนมมือขึ้น และหยิบลูกประคำสีดำพวงนั้นออกมา
ร่างอสูรเทพยี่สิบสี่ตน!
กำลังการต่อสู้ของร่างอสูรเทพแต่ละตนเทียบได้กับขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ
ถึงแม้ว่าหลังจากบุกโจมตีแล้ว ร่างอสูรเทพเหล่านี้จะแตกสลาย ทว่าอานุภาพขนาดนั้นก็สามารถทำลายตัวตนในขอบเขตเดียวกันได้!
เดิมทีของสิ่งนี้เป็นสมบัติที่ร้ายกาจที่สุดของภิกขุซื่อเอ้อร์ ทว่าเวลานี้เพื่อเอาตัวรอด เขาจึงนำออกมาใช้
ครืน!
ร่างอสูรเทพยี่สิบสี่ตนหายไป ผืนแผ่นดินตั้งนั้นถล่มทลายตามไปด้วย มหาวิถีถูกทำลายล้างไม่มีเหลือ
เพียงแต่ว่า อานุภาพการบุกโจมตีนี้ยังปล่อยออกมาไม่หมด
ชิ้ง!!
เสียงดาบที่แปลกประหลาดเสียงหนึ่งดังกึกก้องไปทั่ว
ชั่วขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวตนน่ากลัวอย่างเช่นจักรพรรดิกระดูกขาวกับท่านเทพดาราคล้อย หรือผู้แข็งแกร่งของวัดเสวียนหมิงเช่นทูตรับใช้กาฬราตรีล้วนพากันตัวแข็งทื่อ ความหวาดกลัวรุมเร้าเข้ามาในหัวใจ
นี่เป็นดาบที่มีความน่ากลัวเพียงใดกัน มันจึงปล่อยเสียงดาบเช่นนี้ออกมาได้?
ภิกขุซื่อเอ้อร์ได้รับผลกระทบทางจิตใจเช่นกัน
หรือกล่าวอีกอย่างได้ว่า เสียงดาบเสียงนี้เจาะจงมาที่เขา!
ชั่วขณะที่เสียงดาบดังขึ้น จิตวิญญาณของเขาราวกับโดนคมดาบแทงทะลุ เจ็บหัวใจจนแทบแตกสลาย ภาวะจิตถูกบีบรัดโดยอานุภาพดาบอันน่ากลัว มหาวิถีในตัวเกิดความผันผวนแปรปรวนขึ้นมา
และในชั่วขณะนี้เอง…
ดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาฟาดลงบนตัวเขาอย่างแรง
ครืน!
เสียงสั่นสะเทือนอย่างแรงดังกึกก้องสะท้านฟ้า
ร่างของภิกขุซื่อเอ้อร์ถูกไฟไร้วจีเผาผลาญ เลือดเนื้อกระดูกและเอ็นกลายเป็นผงธุลี
ในชั่วขณะก่อนตาย โดยสัญชาตญาณ เขาแหงนหน้ามองดูภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้วที่อยู่ห่างออกไปไกล
ที่นั่นมีชายหนุ่มนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้หวาย เขาดื่มสุราของตัวเองอย่างเพลิดเพลิน
เขาไม่เคยมองมาทางนี้แม้สักครั้ง!
“แม้กระทั่งฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็ยังไม่แม้แต่จะมองเช่นนั้นหรือ…”
ภิกขุซื่อเอ้อร์ลอบถอนใจ
จากนั้นจิตวิญญาณของเขาก็ดับสลาย
ครืน!
กลางอากาศ ร่างอสูรเทพยี่สิบสี่ร่างนั้นยังไม่ทันได้แสดงฤทธิ์เดชก็สูญสลายไปแล้ว
จนถึงตอนนี้ นักบวชทั้งห้าท่านของวัดเสวียนหมิงล้วนตายกันหมดสิ้น!
ในสถานที่นั้นจึงเหลือแต่เพียงสามทูตรับใช้กาฬราตรีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังพยายามต้านทานรับมือ
ก่อนที่สงครามยิ่งใหญ่เช่นนี้จะเกิดขึ้น กองทัพวิญญาณร้ายที่มีอยู่ดาษดื่นเต็มภูเขาเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากมดตะนอย ไม่มีใครให้ความสนใจ
เพราะทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า ผู้ที่ตัดสินผลแพ้ชนะของศึกใหญ่ครั้งนี้ที่แท้จริงคือผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเหล่านั้น!
เห็นได้ชัดว่า ศึกใหญ่ครั้งนี้ กองทัพของอีกาเก้ามืดมิดไม่อาจพลิกโอกาสกลับมาได้อีก
และในชั่วขณะนี้เอง เสียงราบเรียบของซูอี้ก็ดังขึ้น
“โยวเสวี่ย เจ้ากับจักรพรรดิกระดูกขาวแล้วก็ท่านเทพดาราคล้อยจงไปจัดการกับอีกาน้อยตัวนั้น หากว่ามันเป็นฝ่ายเด็ดหัวตัวเอง ให้ทำตามความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็ช่วยเขาให้ทำตามความเหมาะสม”
“ได้”
โยวเสวี่ยรับคำ จากนั้นนางก็หมุนตัวพุ่งออกไป
จักรพรรดิกระดูกขาวกับท่านเทพดาราคล้อยตามติดข้างหลัง
ตัวตนน่ากลัวอย่างจักรพรรดิโฉดฉือเลี่ยนอยู่กับพวกของเฟิงอวี่จือ กำลังล้อมโจมตีสามทูตรับใช้กาฬราตรี
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้ว
ชิงเถิงกับหยวนหลินหนิงเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้แล้วต่างก็โล่งอกถอนใจยาว
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยไปสถานที่ต้องห้ามแต่ละที่กับซูอี้เพื่อขอให้ตัวตนน่ากลัวเหล่านั้น ‘ช่วยเหลือ’ ตนก็คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วเช่นกันว่าเมื่อซูอี้ลงมือ กองทัพใหญ่โดยมีอีกาเก้ามืดมิดเป็นผู้นำกองทัพนี้จะต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง ๆ พวกเขาก็ยังคงรู้สึกตื่นตระหนกและคาดไม่ถึงอยู่ดี
ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ซูอี้ราวกับผู้คอยดูสถานการณ์อยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ
แต่มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเขาคอยคุมอยู่จึงทำให้ศึกใหญ่ในครั้งนี้เกิดความพลิกผัน?
“ที่แท้นี่ก็คือความองอาจของใต้เท้าซู วางกลยุทธ์ ยิ้มรับสถานการณ์ ชั่วขณะที่พลิกฝ่ามือ ทุกอย่างก็แปรผัน!”
ใจของชิงมู่ฮึกเหิมตื่นตัว
ชิงเถิงกลับรู้สึกเสียดาย
หากว่าเป็นช่วงเวลารุ่งโรจน์ที่สุดของใต้เท้าซู หนึ่งคนหนึ่งดาบก็สามารถสยบศึกครั้งนี้ได้อย่างราบคาบภายในระยะเวลาสั้น ๆ!
ทันใด ณ ดินแดนที่ไกลโพ้น เสียงร้องตะโกนที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของอีกาเก้ามืดมิดดังขึ้นฟ้า
“ไอ้หนู ความแค้นในวันนี้ วันข้างหน้าข้าจะคืนให้เจ้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า!!”
โดยไม่ต้องสงสัย อีกาเก้ามืดมิดรู้ว่าโอกาสของตัวเองไม่เหลือแล้ว
ไม่รอให้โยวเสวี่ยกับจักรพรรดิกระดูกขาวบุกเข้าหา มันก็จิกยันต์สีเทาจนแตก
ปัง!
พลังวิถีลึกลับปรากฏขึ้นกลางอากาศ
จากนั้นร่างของอีกาเก้ามืดมิดก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย แม้กระทั่งกลิ่นอายพลังก็ไม่มีเหลือ
ในชั่วขณะนั้นซูอี้เงยหน้าขึ้นมาราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “โยวเสวี่ย พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ ประเดี๋ยวข้ากลับมา”
พูดจบ เขาสะบัดเสื้อแล้วเก้าอี้หวายก็หายไป
สวบ!
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวร่างเตี้ยราวกับคนแคระปรากฏตัวขึ้น
“ใต้เท้าซู ถึงตาข้าน้อยได้ลงมือแล้วกระมัง?”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวทำหน้ามีความหวัง ราวกับอยากจะลงมือเต็มทีแล้ว
“ไปยังศิลาหลุมศพแห่งนั้นแทนข้าที” ซูอี้ออกคำสั่ง
“ขอรับ!” ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวรับคำโดยเร็ว