บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 259 คนกับหมาป่าประลองกำลังกัน
“ถ้ารีบแล้วแกจะพูดมากทำไม? รีบกลับมา!” พอลวี่ฮุยได้ยินว่ามีเด็กถูกลักพาตัวก็ตัดสายลวี่เหลียงทันที ขณะเดียวกันยังเริ่มเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมด
ลวี่เหลียงขานรับ ก่อนรายงานไปพลางรีบกลับบ้านไปพลาง…
ฟางเจิ้งเห็นทางด้านตำรวจโอเคแล้วจึงไม่ได้อยู่ต่อ แต่พาหมาป่าเดียวดาย ลิงและกระรอกไปยังบ้านของซุนเฉียนเฉิง ซุนเฉียนเฉิงไม่อยู่บ้าน ในบ้านไม่มีคน แต่ประตูบ้านไม่ได้ล๊อก ฟางเจิ้งเข้าไปเดินรอบหนึ่ง หาของเล่นของเหมิงเหมิงส่งให้หมาป่าเดียวดาย “ครั้งนี้ต้องพึ่งนายแล้ว อย่าทำให้อาตมาผิดหวังนะ หากลิ่นนี้ให้อาตมา! หาเจอจะเพิ่มข้าวให้ หาไม่เจอหักข้าวครึ่งเดือน!”
หมาป่าเดียวดายได้ยินดังนั้นก็ตาเหลือก มันสมัครใจจะช่วยงาน แต่ไหนกลายเป็นถูกกดขี่ใช้แรงงานไปได้? แต่มันก็ยังพยายามดมกลิ่นเหมิงเหมิง ความไวต่อกลิ่นของมันดีกว่าหมาป่าและสุนัขทั่วไปมาก ร่างกายได้รับน้ำบริสุทธิ์กับข้าวผลึกชะล้างทุกคืนวัน ความสามารถจึงเหนือกว่าหมาป่าตัวอื่นในเผ่าพันธุ์เดียวกัน เพียงดมครั้งเดียวก็จำกลิ่นนี้ได้
หมาป่าเดียวดายดมกลิ่นแล้ววิ่งออกไปทันใด ฟางเจิ้งตามไป หลังดมกลิ่นอยู่หน้าหมู่บ้านแล้วก็เริ่มเลาะไปตามริมหมู่บ้าน ผ่านแม่น้ำ ผ่านถนนบนที่นา ถึงตรงนี้หมาป่าเดียวดายเงยหน้าขึ้นมองทอดไกล “พวกเขาน่าจะนั่งอยู่บนรถ เจ้าอาวาส ถ้าฉันวิ่งท่านจะตามทันไหม?”
ฟางเจิ้งอึ้งงัน นึกถึงความเร็วของหมาป่าเดียวดายแล้ว เหมือนว่าจะ…ห่างชั้นกันอยู่นิดๆ!
ตอนนี้เองฟางเจิ้งกัดฟัน “หวังว่าดวงจะไม่แย่เกินไปนะ อิทธิวิถี เปิด!”
ต่อมามีอักษรใหญ่สีทองเพิ่มมาในความคิดฟางเจิ้ง ‘ย่อแผ่นดินเป็นนิ้ว!’
ฟางเจิ้งมองแวบแรกพลันยิ้มร่า หัวเราะเสียงดัง “ไม่อยากเชื่อว่าจะได้อภินิหารนี้ ฮ่าๆ…ใช้ได้! เจ้าหมาป่า วิ่งไปเลย! อาตมาจะตามไป! เจ้าลิง นายกลับวัดไปเฝ้าบ้าน”
ไม่ว่ายังไงลิงก็วิ่งเร็วไม่เท่าหมาป่าเดียวดาย ตามไปไม่มีประโยชน์มากนักจึงพยักหน้าแล้วกลับไป ส่วนกระรอก เจ้านี่เกาะหูฟางเจิ้งไว้แน่น เห็นได้ชัดว่ามันไม่อยากกลับ แต่อยากร่วมขบวนการช่วยเหมิงเหมิง
ฟางเจิ้งคิดว่ากระรอกตามมาอาจจะมีประโยชน์จึงให้ตามไปด้วย
“เจ้าอาวาสตามมา!” หมาป่าเดียวดายเอ่ยจบก็พุ่งทะยานไป
ฟางเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก สี่อักษรใหญ่ในความคิดเปล่งแสงทองวูบวาบ เขายกเท้าเดินหน้า รู้สึกเพียงว่าเสียงสายลมรอบกายดังสนั่น ความเร็วน่าตกใจ! ทว่าในสายตาเขา เขากำลังเดินอยู่เท่านั้น เดินไปทีละก้าวเหมือนไม่เร็ว ความรู้สึกนั้นราวกับกำลังขับรถเร็ว สองข้างเป็นกระจกลดความเร็ว มองไปข้างนอกยังคงนิ่งๆ แต่จีวรกลับปลิวไสวตามสายลม เห็นได้เลยว่าเขาเดินเร็วมาก!
วันนี้เจียงเยี่ยอารมณ์ดี ออกมาเที่ยว กินปิ้งย่าง รู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตสุขสบายขึ้นเรื่อยๆ ขณะขับรถกลับนั้นพลันมีบางสิ่งเพิ่มมาในกระจกมองหลัง ตนเป็นคนขับรถมือเก๋าที่มีมาตรฐาน มีทักษะตาดูหกทาง! ตอนนี้เองเขานำความสามารถในอาชีพนี้ออกมาใช้ มองเร็วๆ ปราดเดียวให้มั่นใจว่านั่นคืออะไร ดูว่ามีอันตรายหรือไม่ จากนั้นจะได้ขับรถต่อ แต่ว่า…
“เวร นั่นมันอะไรวะ? หมาป่าหรือหมา? จะแซงรถด้วย?” เจียงเยี่ยร้องขึ้น
แฟนเจียงเยี่ยได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองด้วยความแปลกใจ ร้องขึ้นตาม “พระเจ้า หมานี่วิ่งเร็วมาก! ข้างหลังมีหลวงจีนด้วย วิ่ง…เอ่อ เขาเหมือนกำลังเดินนะ…”
“จะเป็นไปได้ยังไง? เอ่อ เหมือนเดินอยู่จริงๆ แต่ว่าเขาจะเดินตามรถเราทันได้ยังไง?” เจียงเยี่ยถามหน้ามึน เขาเกิดความรู้สึกว่ากำลังขับรถปลอม…
แฟนเจียงเยี่ยส่ายหน้าตาม “ไม่รู้ แต่หลวงจีนนี่หล่อมาก เท่มากด้วย”
“ถุย ไม่มีผมสักเส้น เท่ตรงไหน? คอยดูผมเถอะ!” เจียงเยี่ยเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์ส่งเสียงดังสนั่น รถกระบะคันใหญ่ทะยานไป
หมาป่าเดียวดายกำลังวิ่งพลันเห็นรถคันใหญ่เอ้อระเหยที่จะถูกมันแซงคันนั้นพลันส่งเสียงดัง พุ่งไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น!
“เฮ้ย แค่จะแซงรถไม่พอใจรึไง? ดูฉันนี่!” หมาป่าเดียวดายอ้าปากกว้าง ลิ้นตวัดออกมา สี่กรงเล็บก้าวไปอย่างถึงที่สุด เพิ่มความเร็ว เร็วอีก เร็วอีก!
ฟางเจิ้งข้างหลังเห็นหมาป่าเดียวเร่งความเร็วจึงตามไปเช่นกัน แต่ปัญหาคือตอนใช้ความเร็วก่อนหน้าเขาเสียบุญกุศลหนึ่งแต้มต่อหนึ่งวัน! ตอนนี้กลายเป็นสองแต้มต่อหนึ่งวัน ราคานี้น่าปวดใจชะมัด! แต่พอนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบวิ่งไปช่วยเหมิงเหมิงจึงกัดฟันอดกลั้นไว้! บุญกุศลหมดยังหาใหม่ได้ แต่ถ้าเหมิงเหมิงถูกขายไปจริงๆ นั่นจะเป็นความเสียใจไปชั่วชีวิต
หลังเจียงเยี่ยเหยียบคันเร่งก็หัวเราะเสียงดังลั่น “สัตว์ก็เป็นสัตว์ ยังมีหน้ามาคิดจะแข่งกับรถ น่าตลกจริงๆ”
สิ้นเสียง มีร่างเงาสีขาวปรากฏข้างหน้า เจียงเยี่ยเบิกตาโตพิจาณามอง เป็นก้นหมา! ดูจากความเร็วของตนตอนนี้อยู่ที่เจ็ดสิบ! ขับเจ็ดสิบบนถนนเล็กๆ ในชนบทถือว่าเร็วแล้ว แต่เจ้าหมาป่านี่แซงหน้าเขา!
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะมองหมาป่านี่เป็นหมาป่าธรรมดาไม่ได้ ถึงยังไม่เปิดภูมิปัญญา แต่กินข้าวผลึก ดื่มน้ำบริสุทธิ์ ฟังสวดมนต์ สูบรับกลิ่นอายพุทธทุกวัน จึงถือว่าเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งแล้ว
“พระเจ้า แกคิดว่าจะเร็วกว่าฉัน? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าลูกรักของฉันจะเร็วกว่าเดรัจฉานไม่ได้!” วันนี้เจียงเยี่ยเพิ่งนัดกับแฟนออกมาเดินเล่น ขับรถชมวิว กินปิ้งย่าง เที่ยวเล่น บ่มเพาะความรัก แสร้งหาเรื่องจะขอแต่งงานก่อนกำหนด แต่หมาป่านี่แย่งซีน จะไปยอมได้อย่างไร?
ฉะนั้นเจียงเยี่ยเลยเหยียบคันเร่งอีกครั้ง ส่งเสียงดังครึกโครม เครื่องยนต์รถกระบะส่งเสียงดัง ความเร็วไปถึงแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!
แฟนเจียงเยี่ยกังวลเล็กน้อย “คุณขับช้าๆ หน่อย ถนนมันแคบ ถ้ามีรถสวนมาจะอันตราย”
“วางใจ ผมขับรถมาห้าหกปีแล้ว ชำนาญทางแบบนี้ ทางตรงเรียบแบบนี้มีรถมาผมจะเห็นได้แต่ไกลๆ ถึงตอนนั้นค่อยลดความเร็วก็ได้” เจียงเยี่ยพูดด้วยความมั่นใจ อยู่ต่อหน้าสาวผู้ชายจะพูดว่าไม่ได้ได้อย่างไร? แม้จะเร็วไปบ้าง จะกังวลอยู่หน่อยๆ แต่ก็ต้องลุยเข้าไป!
หมาป่าเดียวดายรู้สึกว่ามีสายลมผ่านข้างกาย ต่อมาควันดำอัดใส่หน้ามัน ขนสกปรกไปหมด จึงโกรธ “ไอ้กระป๋องเหล็กนี่คิดจะข่มท่านหมาป่าเรอะ? ถ้าท่านหมาป่าไม่แสดงบารมี แกคงคิดว่าร่างกายฉันไม่สมประกอบสินะ!” หมาป่าเดียวดายหอนก่อนเร่งความเร็วจนถึงแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง กระทั่งยังเร็วกว่าเล็กน้อย!
เจียงเยี่ยเพิ่งเร่งความเร็ว เดิมทีคิดว่าสลัดหมาป่าเดียวดายได้แล้ว แต่พอเห็นหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ไล่ตามมาในกระจกมองหลัง แถมยังแซงหน้าเขาไปอีกครั้ง!
“ฉันอยากรู้นักว่าแกจะวิ่งเร็วได้แค่ไหน!” เจียงเยี่ยโกรธแล้วเช่นกัน เร่งความเร็วอีกเป็นเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!
หมาป่าเดียวดายโมโหยิ่งกว่า ท่านหมาป่าออกมาทำงานราชการข้างนอก ยังต้องกินควันดำของแกข้างหลัง? นี่จะทำให้วัดเอกดรรชนีเสียชื่อรึเปล่า? มันจึงเร่งความเร็วอีก! ไล่ตามมาอีกครั้ง!
เจียงเยี่ยเร่งความเร็วแซงหน้าตาม!
………………………….