บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 8 แผนการ
บทที่ 8 แผนการ
เวลา 16.00 น. ทั้งสองออกจากห้องสมุด จากการศึกษาตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมานี้ทำให้ถานเสี่ยวเทียนได้รับประโยชน์อย่างมาก เขาขอยืมโน้ตทั้งหมดของฉู่ถิงมาคัดลอกเพราะเชื่อว่าด้วยความทรงจำของเขา ตราบใดที่เขาได้คัดลอกบันทึกด้วยมือตั้งแต่ต้นจนจบ เขาควรจะจดจำมันได้เกือบทั้งหมด
เขาจุดบุหรี่ ขึ้นคร่อมจักรยานแล้วปั่นออกไป
เนื่องจากการสอบเข้าวิทยาลัยใกล้เข้ามาแล้ว ทำให้ทางโรงเรียนได้อนุญาตให้นักเรียนมัธยมปลายเข้าไปใช้โรงเรียนได้แม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม
ถานเสี่ยวเทียนจอดจักรยานไว้ที่ด้านข้างของสนามเด็กเล่น ถอดเสื้อออกและเริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สวมเสื้อ แสงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าตกกระทบบนร่างกายสีขาวของเขา กล้ามเนื้อที่แน่นหนาและสวยงามของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความเร่าร้อน ถ้าหากมีหญิงสาวคนใดมาเห็นฉากนี้เข้า เธอคนนั้นจะต้องกรี๊ดออกมาแน่นอน
รอบที่สิบ!
เมื่อถานเสี่ยวเทียนเหงื่อออกมากๆ ก็มีไอความร้อนออกมารอบๆ ตัวเขาราวกับเป็นพลังฉีของผู้ฝึกกำลังภายใน
วิญญาณของผู้ใหญ่ในร่างกายที่อ่อนเยาว์ กล้ามเนื้อทุกตารางนิ้วอัดแน่นไปด้วยพลัง ถึงจะวิ่งไปกว่า 4,000 เมตร แต่ถานเสี่ยวเทียนกลับไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองตัวเบาราวกับบินได้เสียมากกว่า เขารู้ว่านี่คือสารเอ็นดอร์ฟินที่หลั่งออกมาจากสมองหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก สารเอ็นดอร์ฟินนี้จะทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและพึงพอใจและยังช่วยให้ผู้คนคลายความเครียดและความทุกข์ได้อีกด้วย
ถานเสี่ยวเทียนสะบัดหัวอย่างแรงจนหยดเหงื่อจำนวนมากตกลงบนพื้นทรายสีเหลือง เขาพยายามขจัดความมัวหมองและความวิตกกังวลจากอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรงที่ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานในชีวิตก่อนหน้านี้ออกไป
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขากำลังจะสอนบทเรียนให้กับหลิวเสี่ยวกวงและซานอิง ในตอนนั้นความรู้สึกกระหายเลือดได้เอ่อร้นขึ้นมาทั่วร่างกายของเขาอีกครั้ง ภาพที่โหดร้ายมากมายในอดีตได้ย้อนกลับมาและไม่สามารถลบมันออกไปได้จนทำให้เขาต้องออกมาวิ่งเพื่อปรับสภาพจิตใจของตัวเองแบบนี้
ทุกครั้งที่เขายกขาขึ้นและเหยียบลง ความหงุดหงิดในใจของเขาก็จะลดลงไปหนึ่งจุด หลังจากวิ่งไป 4000 เมตร ถานเสี่ยวเทียนก็ฟื้นคือความสงบของเขากลับมาได้อีกครั้งและเมื่อเขาสงบลงเขาก็เริ่มคิดถึงวิธีแก้ปัญหา
พ่อของหลิวเสี่ยวกวงคือหลิวจุน คนส่วนใหญ่จะเรียกเขาว่าจุนเย่ซึ่งเป็นพี่เขยของลำไส้หมูและเป็นนักเลงใหญ่ที่มีชื่อเสียงแถวๆ ถนนซานเฉิง
และก็เป็นเขาคนนี้เองที่ต้องการให้ลำไส้หมูช่วยแก้ปัญหาเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของหลิวเสี่ยวกวง เพราะการสอบเขามหาวิทยาลัยนั้นไม่สามารถใช่เงินแก้ปัญหาได้
ส่วนลำไส้หมูนั้นก็รู้จักหลานชายของตัวเองดีและก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้วิธีปกติอย่างเช่นการให้หลิวเสี่ยวกวงตั้งใจเรียน
ดังนั้นลำไส้หมูเปลี่ยนเป้าหมายมาที่การสอบคัดเลือกนักกีฬาระดับ 2 ระดับประเทศในสัปดาห์หน้าแทนโดยการให้หลิวเสี่ยวกวงเข้าไปอยู่ในทีมบาสเกตบอล เดิมทีเรื่องนี้ควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถานเสี่ยวเทียนในฐานะกัปตันทีมบาสเกตบอล เขากลับไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด… และการปฏิเสธนี้เองที่บังคับให้ลำไส้หมูต้องใช้วิธีขโมยกางเกงในของถานเสี่ยวเทียนและจัดการใส่ร้ายถานเสี่ยวเทียน
ในชาติก่อน ด้วยนิสัยที่ร้อนแรงของถานเสี่ยวเทียนทำให้แผนนี้ใช้ได้ผลอย่างดี เขาตีได้ลำไส้หมูต่อหน้าทุกคนจนทำให้ตัวเองต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ฟู่!
ถานเสี่ยวเทียนหยุดและพยายามสงบลมหายใจ
แน่นอนว่าหลิวเสี่ยวกวงจะต้องเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องหลิวจุนแน่นอน และก็แน่นอนว่าหลิวจุนคงจะไม่มีทางยอมด้วยเช่นกัน
ช่วงก่อนการสอบเข้าวิทยาลัยแบบนี้ถานเสี่ยวเทียนไม่ต้องการจะถูกรบกวนจากอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้เขามีหลายร้อยวิธีที่จะทำให้หลิวจุนเงียบหายไปตลอดกาล แต่เขาไม่ต้องการทำมัน เนื่องจากเขาได้มีโอกาสอีกครั้ง เขาหวังว่าในชาตินี้เขาจะได้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ สะอาดหมดจดและสงบสุข
จะฆ่าหรือปล่อยไปดี?
ถ้าเป็นมู่หยู เธอจะทำอย่างไร?
ถานเสี่ยวเทียนยืนคิดเงียบๆ จนกระทั่งเหงื่อบนร่างกายของเขาแห้งลง และแผนที่เขาคิดว่าดีที่สุดก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเขา
เขาขี่จักรยานไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที่สุดและกดหมายเลข
“หม่าเหว่ย? ฉันอยู่ใกล้ๆ บ้านนาย ฉันอย่างจะไปที่บ้านนายตอนนี้ นายสะดวกไหม?”
หลังจากได้รับคำตอบที่แน่ชัดแล้ว เขาก็ขี่จักรยานตรงไปยังบ้านของหม่าเหว่ยและขึ้นไปที่ชั้นบน
อย่างที่คาดไว้ มีเพียงหม่าเหว่ยและแม่ของเขาเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน พ่อของหม่าเหว่ยไม่อยู่บ้านเพราะเป็นเรื่องปกติที่ตำรวจจะใช้ชีวิตอยู่ที่หน่วยมากกว่าอยู่ที่บ้าน
ถานเสี่ยวเทียนคุ้นเคยกับหม่าเหว่ยมากและเขาเองก็มาที่นี่บ่อยๆ หลังจากพูดคุยทักทายกับแม่ของหม่าเหว่ยอย่างสุภาพแล้ว แม่ของหม่าเหว่ยก็กลับเข้าไปดู “ซานจู้เก๋อเก๋อ” ในห้องตามเดิม (ละครทีวี มั้งนะ)
หม่าเหว่ยเดินไปล้างผลไม้ในครัว ถานเสี่ยวเทียนที่นั่งใกล้กับโทรศัพท์ก็หยิบสมุดโทรศัพท์สีดำข้างๆ โทรศัพท์ขึ้นมาดู ที่หน้าปกสมุดมีตัวอักษรปิดทองขนาดเล็กแถวหนึ่งเขียนว่า “สมุดที่อยู่ กระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะเมืองซานเฉิง”
ถานเสี่ยวเทียนเปิดไปที่หน้าแรกอย่างรวดเร็วและกวาดมองไปหลายสิบบรรทัดและพบกับ “รองผู้อำนวยการจินปิงชาง 2247986 รองผู้อำนวยการโจวซินเฟย 2247987″
หน้าสอง “เจียงไห่ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสากลเขตเต้าตง 5568321″
หน้าสาม “หลี่เต๋อหวู่ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสากลเขตเต้าซี 6688479″
…
สมองของถานเสี่ยวเทียนหมุนอย่างรวดเร็ว ความทรงจำของเขาช่างน่าอัศจรรย์ที่สามารถจดจำทั้งหมดนี้ได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างพิเศษ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด
เมื่อหม่าเหว่ยกลับมาพร้อมกับผลไม้ ถานเสี่ยวเทียนก็วางสมุดโทรศัพท์ลงแล้ว หลังจากที่คุยกับหม่าเหว่ยเกี่ยวกับเรื่องเรียนอยู่พักหนึ่งเขาก็กล่าวคำอำลาจนทำให้หม่าเหว่ยงงงวยที่ถานเสี่ยวเทียนมาหาตนแค่แป๊บเดียว ยังไม่ทันได้พูดอะไรเท่าไหร่ก็กลับเสียแล้ว
ที่อาคารเล็กๆ ในตรอกซิงฟู่ อำเภอเต้าซี ยังคงเป็นห้องไพ่นกกระจอกที่ท่วมไปด้วยควันบุหรี่ห้องเดิม หลิวจุนเล่นไพ่นกกระจอกด้วยใบหน้าจริงจัง ร่างใหญ่ของเขาเกร็งเป็นครั้งเป็นคราว ดวงตาสามเหลี่ยมของเขาจะกะพริบด้วยแววตาชั่วร้าย
ซานอิงยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู
เกมไพ่กินเวลาตั้งแต่ 20.00 น. ไปจนถึง 02.00 น. ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ซานอิงไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย เขายืนนิ่งเหมือนหอกที่ปักพื้นโดยที่เป้ากางเกงของเขามีคราบของเสียสีเหลืองเปื้อนอยู่
เขาอยู่กับหลิวจุนมาหลายปีแล้ว เขารู้ดีถึงอารมณ์และความชั่วร้ายของอีกฝ่ายดีและคราวนี้จุนเย่ก็โกรธจริงๆ
หลังจากเกมไพ่จบลง เมื่อผู้เล่นอีกสามคนออกจากห้องไป หลิวจุนก็พูดออกมาว่า “แกเข้ามาได้แล้ว แค่นักเรียนมัธยมปลายคนเดียวยังจัดการไม่ได้ แถมยังปล่อยให้ลูกชายของฉันถูกทุบตีมาอีก แกมีอะไรจะอธิบายไหม?”
ซานอิงเงยหน้าขึ้น “จุนเย่ เด็กนักเรียนคนนั้นไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่ผมเลย ต่อให้เป็นเต้าตง เหลาจื่อ หลี่ซาน ไห่หงหรือจิ้วเป่า ก็ไม่สามารถต่อสู้กับเด็กนักเรียนคนนั้นเพียงลำพังได้…”
ฟิ้ว…ปึก!
ถ้วยชาในมือของหลิวจุนปลิวไปในสายลมพุ่งตรงเข้าที่หน้าผากของซานอิง บาดแผลเก่ายังไม่หาย บาดแผลใหม่ก็เพิ่มเข้ามา
เลือดและน้ำชาผสมกันและไหลอาบแก้มของซานอิง เข้าแลบลิ้นออกมาเลียไปหนึ่งคำและมองไปที่หลิวจุนอย่างสงบ
หลิวจุนตะโกนต่อว่า “แกคิดว่าฉันโง่หรือไง? ไอ้สารเลวนั่นมันเป็นแค่นักเรียนมัธยม แม้ว่ามันจะเล่นบาสเกตบอลเก่ง แต่มันก็เป็นแค่เด็ก! นี่แกจะหาข้อแก้ตัวที่มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงวะ”
“จุนเย่ผมพูดเรื่องจริง ไม่ว่าจะหลี่ซานหรือไห่หงก็ไม่สามารถเทียบกับกับเด็กคนนั้นได้จริงๆ จุนเย่จำได้ไหมว่าเมื่อปีก่อนผมใช้เวลากว่าหนึ่งปีในติดคุก ข้างในนั้นผมได้เจอพ่อค้ายาจากทางใต้ เขาฆ่าคนไปหลายสิบคนและถูกตัดสินประหารชีวิต ในเช้าวันประหารเขาได้เดินผ่านห้องขังของผม มันทำให้ผมได้เห็นแววตาของเขา… และแววตาของไอ้เด็กเสี่ยวเทียนคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับนักโทษคนนั้นเลยแม้แต่น้อย…” เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา ซานอิงก็อดใจสั่นขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
เมื่อพูดถึงขนาดนี้หลิวจุนก็อดไม่ได้ที่จะต้องเชื่อ เขาก้มหน้าคิดอยู่นานและพูดออกมาว่า “แต่ฉันจะยอมเสียหน้าไม่ได้ เนื่องจากเด็กคนนี้อันตรายมากเกินไป ฉันก็จำเป็นจะต้องใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาแทน แกไปถามไห่หงกับเสี่ยวเตี่ยสิว่ายินดีทำงานนี้ไหม บอกพวกเขาไปว่าฉันยินดีจ่าย….” เขาเหยียดสองนิ้วออกมา