(นิยายแปล)【หง่ำหง่ำค่ะ】สกิล『ยิ่งกินมอนสเตอร์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น』ของคุณหนูผู้ถูกขับไล่เป็นสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์เลเวลอัพ1ทุกการกิน1ครั้งกลายเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดใน3วันไปซะแล้วค่ะ~ - ตอนที่ 38 ชาร์ลอตต์วีรชนของเมืองสร้างตำนานความกล้าหาญครั้งใหม่อีกแล้ว
- Home
- (นิยายแปล)【หง่ำหง่ำค่ะ】สกิล『ยิ่งกินมอนสเตอร์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น』ของคุณหนูผู้ถูกขับไล่เป็นสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์เลเวลอัพ1ทุกการกิน1ครั้งกลายเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดใน3วันไปซะแล้วค่ะ~
- ตอนที่ 38 ชาร์ลอตต์วีรชนของเมืองสร้างตำนานความกล้าหาญครั้งใหม่อีกแล้ว
ตอนที่ 38 (มุมมองนักผจญภัยตัวประกอบ) ชาร์ลอตต์วีรชนของเมืองสร้างตำนานความกล้าหาญครั้งใหม่อีกแล้ว
ในค่ำคืนของงานเทศกาล
ภายในกิลด์นักผจญภัยก็เต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงเช่นกัน
ภายในอาคารเองก็ถูกตกแต่งและมีเหล่านักผจญภัยล้อมวงดื่มกันมากกว่าปกติ
ทว่า มีพนักงานต้อนรับอยู่ตรงใจกลางเหล่านักผจญภัยอย่างทุกที
「วันนี้ 3พี่น้องยูคซึ่งได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบจะมารับหน้าที่ในฐานะผู้บรรยายค่ะ」
พอถูกแนะนำโดยพนักงานต้อนรับ3พี่น้องยูคที่รับเบรซของไวเวิร์นเข้าไปได้ปรากฏตัวขึ้น
「โอ้ว โล่นั่นในข่าวลือ……สุดยอด……!」
1ในนักผจญภัยพึมพัมออกมาโดยไม่ตั้งใจ ทาวเวอร์ชิลด์อันใหญ่โตส่องแสงสะท้อนมันวาว
และ3พี่น้องยูคได้เริ่มเล่าเรื่องการต่อสู้กับเรดไวเวิร์นในงานเทศกาล
「――ทั้งที่รับเบรซเอาไว้ได้แล้วแต่ไม่เชิงว่าทำได้อย่างสมบูรณ์พวกเรา3คนถูกเป่ากระเด็น สร้างท่าเตรียมพร้อมใหม่ไม่ได้ โล่ของฉันเองก็ร้อนกลายเป็นสภาพเกือบหลอมละลายด้วยเบรซของไวเวิร์น รับการโจมตีไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว」
พี่ชายคนโตแห่ง3พี่น้องยูคเคาะทาวเวอร์ชิลด์อันใหญ่โตที่แสนภาคภูมิดังป๊อกๆ
「ทั้งที่พวกเราลุกขึ้นไม่ได้เพราะรับความเสียหายไปแท้ๆ แต่ทางไวเวิร์นยังยิงเบรซลูกต่อไปมาอีกละนะ ทำเอาคิดขึ้นมาเลยละว่า『อา ฉันต้องตายที่นี่สินะ』ในเวลาแบบนั้นก็มีคุณหนูวัยรุ่นแต่งตัวดีมีชาติตระกูลออกมาจากตรอก」
เหล่านักผจญภัยรอบๆตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ
「แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยละ ว่าคุณหนูที่ห่างไกลกับคำว่านักผจญภัยและดูเหมือนจะไม่เคยผ่านการต่อสู้มาก่อนจะเข้ามา รับรู้ได้ทันทีเลยละว่า 『อา เด็กคนนี้คือคุณชาร์ลอตต์ผู้โด่งดังคนนั้นละมั้ง เป็นคุณหนูผู้งดงามและบอบบางยิ่งกว่าที่คิดอีกแฮะ』บอกตามตรงมองไม่เห็นว่าจะเป็นคนที่ต่อสู้ได้เลยละ ในตอนแรก ฉันไม่เชื่อข่าวลือเลยด้วยซ้ำและคิดว่า『คนที่รับการโจมตีพุ่งชนของแกรนด์บอร์ด้วยตัวคนเดียวได้มันจะไปมีได้ยังไงกัน พวกนักผจญภัยขี้เมาคงจะแค่เสริมเติมแต่งเข้าไปในข่าวลือล่ะมั้ง』ตอนที่เห็นคุณชาร์ลอตต์ครั้งแรกเองก็ด้วย ฉันไม่รู้สึกถึงสิ่งที่เหมือนกับความทะเยอทะยานที่เป็นลักษณะเฉพาะของนักผจญภัยมากประสบการณ์เลย ไม่เคยคิดเลยว่าโชคชะตาของพวกเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเพราะการมาถึงของคุณหนูผู้นี้――แต่ว่าชั่วพริบตาต่อมาคุณชาร์ลอตต์ได้ปัดเบรซของเรดไวเวิร์นกระเด็นไป“ด้วยมือเปล่า”」
「「「ด้วยมือเปล่า!?????」」」
ภายในร้านเหล้าเกิดความแตกตื่นในพริบตา
「ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยละ เพราะรับเบรซของไวเวิร์นนั่นเข้าไปโดยไม่มีแผลไฟไหม้สักแผลแต่แค่โบกมือไปมาเพราะเหมือนจะร้อนนิดหน่อยละนะ ――ฉันตอนนี้เชื่อแล้วละตำนานความกล้าหาญจนถึงตอนนี้ของคุณชาร์ลอตต์ ทั้งหมดเลย ที่บอกว่าหยุดแกรนด์บอร์10ตัวได้ในคราวเดียวก็เชื่อ」
พี่ชายคนโตเล่าด้วยแววตาจริงจัง
「จากตรงนั้นมันเป็นการเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวแล้วละนะ คุณชาร์ลอตต์ในตอนแรกนั้นหักล้างเบรซของไวเวิร์นด้วยเวทมนตร์เปลวเพลิงแต่ทว่า คงเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะไปโดนคนทั่วไปรอบๆล่ะมั้ง จึงเริ่มหักล้างเบรซด้วยเวทมนตร์ธาตุน้ำแข็ง」
「!? หักล้างเบรซของไวเวิร์นด้วยเวทมนตร์ธาตุน้ำแข็งที่เสียเปรียบด้านความเข้ากันได้!?」
「อา การใช้เวทมนตร์โจมตีหักล้างด้วยธาตุที่เสียเปรียบด้านความเข้ากันได้น่ะจำเป็นต้องใช้พลังเป็น2เท่าใช่ไหม? พวกเราใช้กิฟต์และร่วมมือกัน3คนสามารถป้องกันเบรซได้แค่1ครั้ง แต่คุณชาร์ลอตต์สามารถป้องกับเบรซได้หลายครั้งพร้อมกับแสดงความเยือกเย็นและคำนึงถึงผู้คนโดยรอบไปด้วย จากนั้นทางฝั่งไวเวิร์นคอก็เกิดการอักเสบขึ้นเพราะการยิงเบรซอย่างต่อเนื่อง จึงบินหนีไป ที่จริงแล้วมันเป็นการต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเลยละ」
「「「โอ้ววววว」」」
「……แต่ว่ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่1เรื่อง ในตอนแรกคุณชาร์ลอตต์พุ่งออกมาแล้วพูดว่า『ไม่ยอมให้มาขัดขวางงานเทศกาลหรอกค่ะ』คนระดับคุณชาร์ลอตต์ทำไมถึงยึดติดกับงานเทศกาลกันนะ ฉันไม่เข้าใจเลย ถึงแม้ทุกคนจะตั้งตารอก็ตามแต่ก็เป็นแค่งานเทศกาลธรรมดา ทั้งที่ถึงไม่มีมันก็ไม่มีใครตายแท้ๆ」
「――คำถามนั้นผมจะตอบให้เอง」
ผู้ที่พูดแบบนั้นออกมาคือ――เจ้าชายอัลเซสนั่นเอง ซึ่งบริเวณโดยรอบมีองครักษ์ที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศของกิลด์นักผจญภัยอยู่
นับตั้งแต่ถูกชาร์ลอตต์ช่วยในป่า เจ้าชายอัลเซสก็ได้ทุ่มเทให้กับการฝึกดาบพร้อมกับทำงานราชการในเวลาเดียวกัน ในช่วง1สัปดาห์ช่วงเวลาอิสระนั้นมีเพียงน้อยนิด
และช่วงเวลาอันน้อยนิดนั้นได้ถูกใช้ในกิลด์นักผจญภัยแห่งนี้ พูดคุยเกี่ยวกับตำนานความกล้าหาญของชาร์ลอตต์ ช่วงเวลาแบบนั้นแหละคือช่วงเวลาสนุกที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเจ้าชายอัลเซส
ในตอนแรกนั้นเหล่านักผจญภัยรอบๆทำตัวสงบเสงี่ยมและไม่เข้าใกล้ แต่พอรู้จักนิสัยใจคอของเจ้าชายอัลเซสมากขึ้นระยะห่างนั้นก็ลดลงแล้ว ในตอนนี้เจ้าชายอัลเซสกลมกลืนเข้ากับกิลด์นักผจญภัยจนถึงขนาดนั่งพิงไหล่กับนักผจญภัยคนอื่นๆอย่างคุ้นเคย
「งานเทศกาลนั้นจริงอยู่ที่มันเป็นแค่ความสนุกสนานสำหรับประชาชนทั่วไป แต่อย่างแรกเลยมันมีผลกระทบทางเศรษฐกินอย่างมาก ผลกระทบทางเศรษฐกิจของงานเทศกาลในเมืองนี้1ครั้ง บางทีอาจจะมีประมาณ1000เหรียญทองละมั้ง 」
เสริมให้อีกนิด 1เหรียญทองนั้นเทียบเท่ากับรายได้ต่อเดือนของคนทั่วไป
「พ่อค้าที่ถนัดงานเทศกาลเองก็มีเช่นกันอย่างร้านแผงลอย สำหรับคนเหล่านั้นแล้ว การยกเลิกงานเทศกาลถือเป็นปัญหาความเป็นความตาย แน่นอนว่ามีการให้เงินช่วยเหลือแต่คนที่ล้มเลิกกิจการเองก็มีอยู่ใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นเทศกาลในปีหน้าพ่อค้าที่เข้าร่วมจะน้อยลง ขนาดของงานเทศกาลน่าจะเล็กลงจริงไหม พอคิดไปถึงตรงนั้นแล้ว ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการยกเลิกงานเทศกาล1ครั้งนั้นมันประเมิณค่าไม่ได้เลย」
「ยะ อย่างนี้นี่เอง……」
「นอกจากนี้งานเทศกาลน่ะมีความหมายในการระบายความไม่พอใจของประชาชนรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองที่ปรีชาสามารถแบบไหนแต่การจะไม่ทำให้ประชาชนในเขตปกครองไม่พอใจเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะงั้นแหละ จึงจำเป็นต้องให้สนุกสนานเอะอะเสียงดังในงานเทศกาลก่อนที่จะถูกประชาชนที่สะสมความไม่พอใจไว้ก่อกบฏน่ะนะ ……ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ฝั่งที่ถูกก่อกบฏเถอะนะ」
กิลด์นักผจญภัยฮือฮากับมุกตลกของเจ้าชายอัลเซสที่ขยิบตาอย่างขี้เล่น
「คิดว่าทุกคนคงเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของงานเทศกาลกันแล้ว รวมถึงสติปัญญาของคุณชาร์ลอตต์ที่มองทะลุสิ่งนั้นแล้วปกป้องงานเทศกาลไว้ก็ด้วย……ถ้างั้นขอพูดอีกครั้ง แด่ตำนานความกล้าหาญครั้งใหม่ของคุณชาร์ลอตต์วีรชนของเมือง คัมปาย!」
「「「คัมปาย!!」」」
ด้วยเหตุนี้กิลด์นักผจญภัยในวันนี้เองก็คึกคักเช่นเคย และเจ้าชายอัลเซสสนุกสนานเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้พูดคุยเกี่ยวกับชาร์ลอตต์