[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 3 ชีวิตประจำวันของเมดสาวสมบูรณ์แบบที่อยู่ในห้วงรัก
- Home
- [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 3 ชีวิตประจำวันของเมดสาวสมบูรณ์แบบที่อยู่ในห้วงรัก
ตอนที่ 3 ชีวิตประจำวันของเมดสาวสมบูรณ์แบบที่อยู่ในห้วงรัก
ในวันนี้ เหล่าข้ารับใช้แห่งตระกูลแฟร์มิลก็ยังคงยุ่งวุ่นวายเฉกเช่นทุกวัน
ดิฉันต้องตื่นแต่เช้า เพื่อทำความสะอาด และเตรียมอาหารเช้าให้เสร็จก่อนที่เหล่านายท่านจะตื่น
ดิฉันเหลือบมองเหล่าเมดที่ทำงานเสร็จแล้วเดินไปมาอยู่ที่ทางเดิน ก่อนวางซุปลงบนถาดซึ่งมีขนมปังและผลไม้พร้อมเสิร์ฟ แล้วจึงปิดฝา
ดิฉันจะนำไปเสิร์ฟให้ฮัททีเรียซามะก่อน แล้วจึงกลับมาในยามที่น้ำซุปเย็นลงจนอุ่นกำลังดีสำหรับอริซซามะ นี่คือกิจวัตรประจำวันยามเช้าของดิฉัน น๊อกซ์เบล
เอาละ ดิฉันถือถาดอาหารเดินตรงจะออกจากห้องครัว เมดสาวผมแดงที่ถือไม้ถูพื้นและถังน้ำรีบวางของพิงกำแพงและเปิดประตูให้ฉันทันที เธอสบตากับฉันก่อนที่จะก้มหัวเคารพฉัน
“แมม…… การทำความสะอาดภายในอาคารเสร็จสิ้นแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมาก หลังจากพักผ่อนกันเสร็จแล้ว ช่วยจัดการซื้อของมาเตรียมพร้อมไว้หน่อยได้ไหม?”
“รับทราบค่ะ ถ้าเช่นนั้นขอตัวก่อนนะคะ!”
เธอตอบรับอย่างแข็งขัน และรีบกลับไปที่ทางเดินอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
ดิฉันพูดหลายครั้งแล้วว่าไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพกับดิฉันก็ได้ เพราะพวกเราต่างก็เป็นคนรับใช้เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครยอมฟังเลย ดิฉันค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อยต่อท่าทางมีมารยาทที่ทุกคนมอบให้ ม๊า แต่ดิฉันก็ชินแล้วละ
จวนจะถึงเวลาที่ฮัททีเรียซามะจะตื่นแล้ว ดิฉันเดินถือถาดอาหารที่พึ่งทำเสร็จออกจากห้องครัว และเข้าร่วมความวุ่นวายบนทางเดิน เหล่าเมดทำความเคารพดิฉันทุกครั้งที่เดินผ่าน
อ้า ทักทายแล้ว ก็รีบทำความสะอาดให้เสร็จเร็ว ๆ และรีบไปพักกันซะทีสิ~ รู้ไหมว่าการต้องมาตอบกลับทีละคน ทีละคน มันยุ่งยากเสียเวลามากเลยน้า ดิฉันต้องการให้ทุกคนรีบ ๆ ตั้งใจทำงานเข้า
ดิฉันเดินขึ้นบันไดด้วยจังหวะที่คุ้นเคยไปจนถึงประตูที่สุดทางเดิน ดิฉันเคาะประตูห้องทำงานของฮัททีเรียซามะ
“ฮัททีเรียซามะ ดิฉันนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟแล้วค่ะ”
“….อ้า、เข้ามาได้เลย”
ดิฉันเปิดประตูเข้าไป หลังจากได้รับอนุญาตจากเสียงที่เหนื่อยล้าและง่วงนอน
“วันนี้เป็นซุปไก่และแอปเปิ้ลค่ะ”
“ขอบใจ ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องกินสินะ”
ดิฉันวางอาหารเช้าลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเก้าอี้สูงในขณะที่พูดถึงเมนู นายท่านเหยียดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานข้างหน้าต่างที่โดนกองเอกสารทับถมจนแลดูคับแคบ เดินย้ายมายังเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง
“ทำไม ถึงเริ่มมีแอปเปิ้ลมาเยอะแบบนี้ทุกวันเลยละ”
“เรื่องนั้น….ค่ะ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ หากนายท่านไม่ต้องการ ดิฉันจะรีบเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นทันทีค่ะ”
“อ้า ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้รังเกียจหรอก ข้าก็แค่กำลังคิดอะไรบ้างอย่างนะ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้เบื่อเจ้าแอปเปิ้ลที่ถูกหั่นมาอย่างดีนี่หรอกนะ มันค่อนข้างดีสำหรับร่างกายที่พึ่งตื่นด้วย”
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
อันที่จริงดิฉันเตรียมแอปเปิ้ลเอาไว้มากพอที่จะเป็นอาหารเช้าของที่นี่ได้ตลอดทั้งปีได้เลย แต่ดิฉันก็ไม่ได้พูดออกไป ถึงจะละส่วนสำคัณไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเบื่อ จริงอยู่ที่ว่าถ้าใครมาทำตามดิฉันละก็พวกเขาจะต้องรู้สึกเบื่อแน่ ๆ ที่ต้องทำอะไรซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ วันพรุ่งนี้ดิฉันก็จะเตรียมมาอีก
“มีใครบางคนสั่งซื้อมามากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจยังงั้นรึ?”
“ไม่ค่ะ นั่น….เป็นของโปรดของอริซซามะค่ะ”
เสียงทานน้ำซุปหยุดลง หลังจากเงียบไปสักพักนึง นายท่านก็เริ่มขยับช้อนอีกครั้ง
“…งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้าง ยัง…..สบายดีอยู่ใช่ไหม?”
ดิฉันพยายามจะตอบว่า “ใช่ค่ะ” ไม่สิ แน่นอนว่าอริซซามะแข็งแรงดี ถ้าจำกัดเอาไว้แค่ในขอบเขตของร่างกายละก็นะ
หากไม่นับว่าแสดงความสนใจเฉพาะกับแค่หนังสือภาพ และชอบกอดตุ๊กตาเอาไว้เสมอ ๆ ก็คงนับว่าสบายดี
“……เป็นเด็กดีมากเลยค่ะ ไม่เคยที่จะร้องไห้ตอนกลางดึก สามารถนอนหลับบนเตียงได้ทั้งคืนค่ะ”
“……..เติบโตขึ้นมากแล้วสิ….นะ”
“ค่ะ”
มันเป็นคำที่เจ็บปวดจนทำให้นายท่านปรากฎสีหน้าขมขื่นก้มหน้าหลบสายตา ลูกสาวที่เติบโตขึ้นมาในสภาวะเช่นนั้น นอกจากนี้ คงเพราะรู้ตัวดีว่าตนเองก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
นั่นเป็นเพตุผลที่ดิฉันยอมกลืนบางคำลงคอ ถ้าพูดกระหน่ำ”ต่อเนื่อง”ก็น่าจะทำให้นายท่านยอม… แต่หากทำเช่นนั้นอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น และดิฉันไม่อยากเห็นอริซซามะที่โศกเศร้าเช่นนั้นอีก และดิฉันได้สัญญาแล้วว่าจะให้เธอได้เจอกับท่านพ่อ ได้พบกับฮัททีเรียซามะ
“….ฮัททีเรียซามะ แม้ดิฉันจะไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของท่านได้ แต่คิดจะไม่ไปพบคุณหนูสักครั้งเลยรึคะ”
“…ข้ากลัว ข้ากลัวที่จะจดจำได้ถึงความรู้สึกยามที่ต้องสูญเสียอลิเซียอีกครั้ง และกลัวอารมณ์ด้านลบพวกนั้นของข้าจะเปลี่ยนแปลงเด็กคนนั้นไป”
“อริซซามะเป็นเด็กที่ปราดเปรื่องมาก ๆ ค่ะ ดิฉันเองก็ทำผิดพลาดด้วยเช่นกัน ไม่สิ คุณหนูสามารถสังเกตเห็นได้เองค่ะ”
อริซซามะสามารถเรียนรู้ความหมายของพ่อแม่ได้ด้วยตนเอง แม้จะไม่เคยได้พบเลยสักครั้ง
“ตอนนี้ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน มาถึงป่านนี้แล้วมันสายไปแล้ว……..”
“ฮัททีเรียซามะ ดิฉันนะ….ตราบที่ดิฉันยังสามารถทุ่มเทความรักให้อริซซามะได้ ดิฉันจะเป็นคนรับภาระทั้งหมดไว้เอง แต่ถึงกระนั้น เด็กๆก็ยังต้องการความรักที่แท้จริงจากพ่อแม่อยู่ดีค่ะ”
“จะดีแน่งั้นรึ ในฐานะพ่อ การที่แสดงใบหน้าที่อ่อนแอของผู้เป็นพ่อให้เด็กคนนั้นเห็น จะดีแน่รึ”
“เรื่องนั้น เป็นเรื่องที่อริซซามะจะเป็นผู้ตัดสินใจต้วยตนเองค่ะ ……..แต่อย่างน้อย ก็จะได้รับการให้อภัยแน่นอนค่ะ”
หากได้พบกับท่านพ่อ ดิฉันเชื่อว่าความมืดที่แช่แข็งตวงตาสีทองแสนสวยของอริซซามะจะต้องหายไปในไม่ช้าแน่นอน หรืออย่างน้อย ก็คงจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง โอยะๆ แต่กับนายท่านที่เริ่มเพ้อถึงนายหญิงแล้ว อาจจะทำในแบบที่ดิฉันหวังไว้ไม่ได้
“โอ้ อลิเซีย….เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว…..”
ดิฉันไม่สามารถเข้าใจจิตใจของนายท่านที่ลูบแหวนที่นิ้วนางด้วยความรักได้ เพราะความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียคนที่รัก คนที่จะเข้าใจก็มีเพียงคน ๆ นั้นเท่านั้น นายท่านหลับตาและเริ่มพูดบางอย่าง
“ขอโทษที่ให้รอมานาน ――― เมื่ออลิซกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ข้าจะไปที่ห้อง “
“ฮัททีเรียซามะ….ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ!”
นายท่านตัดสินใจแล้ว
ความเศร้าโศกและความสำนึกผิดถูกชะล้างออกไป
นายท่านตัดสินใจแล้ว
จนถึงตอนนี้ในฐานะพ่อ เขาปล่อยปะละเลยลูกของตนมานานเกินไปแล้ว จนมันเป็นเหตุให้ลูกสาวของตนเองใจสลาย
――― แต่ถึงยังไงเขาก็ยังคงเป็น”พ่อ”
“….ถ้าเช่นนั้นดิฉันจะรีบไปเตรียมอาหารเช้าให้อริซซามะ และแจ้งข้อความให้ทราบทันทีค่ะ”
“ฝากด้วย”
ดิฉันยิ้มผ่านแววตาในขณะที่ยังสั่นไปทั้งตัว ดิฉันรีบเก็บจานเปล่าลงบนถาดและขอตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ดิฉันไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ได้แต่หวังว่าความมืดที่ปกคลุมอริซซามะจะหายไป แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี―――
“โอ๊ยยยยยยย……..”
หนัก หนัก เพราะว่าฉันดื่นเร็วกว่าปกตินิดหน่อย เลยเล่นฆ่าเวลาด้วยการเอาเหล่าตุ๊กตาสัตว์มาสร้างเป็นหอคอย ตอนแรกมันก็ดูดีหรอก แต่พอวางตัวที่ห้าลงไปเสร็จ หอคอยก็เสียสมดุลแล้ว ตัวบนยอดก็ตกลงมาใส่หัวของฉัน และที่เหลือก็ล้มลงมาทับทั้งตัว
ฉันพยายามแหวกทะเลฟูกและเหล่าตุ๊กตาสัตว์ ตะเกียกตะกายดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมดที่มีเพื่อขึ้นสู่ผิวน้ำตุ๊กตาสัตว์
“――― ฟุ ฮ้า ฮ้าๆๆๆ……..”
ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไปแทบไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวเท่าไรเลยทำให้กว่าจะออกมาจากทะเลตุ๊กตาได้ก็เล่นเอาหมดแรง ในขณะที่กำลังเหนื่อยหอบ ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ทางเดิน น่าจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ฉันจะตื่นนอนตามปกติ
น่าจะเป็นเบลล์ซังที่มาพร้อมกับอาหารเช้า
“ขออภัยด้วยค่ะ อริซซามะ――― “
“อา..อารุณ…สาหวัด”
ฉันเผลอตอบด้วยเสียงประหลาดๆที่ชวนน่าอาย เบลล์ซังเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดที่มีอาหารเช้าวางไว้ตามปกติ
เบลล์ซังมองมาที่ฉันที่ตอนนี้ก็ยังนอนหอบหายใจอยู่ที่ใจกลางทะเลตุ๊กตาสัตว์อยู่ด้วยความสงสัย เธอวางถาดไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆฉัน
“…..ยังคง ฝันร้ายอยู่เช่นนั้นรึคะ”
มุกิ้ว กิ้วววววววว
“อืม”
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะ อริซซามะ”
ไม่เป็นไรงั้นรึ ฉันพึ่งเผลอทำเรื่องน่าอับอายไปไงละ อะ หรือนี้คงกำลังแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วปลอบประโลมฉันอยู่สินะ ใจดีจังเลยน้า
“เดจาวู”
“…คะ?”
“อือ อึ…..”
เบลล์ซังถามอย่างงงงวยในขณะที่กอดฉันอยู่ การที่เด็กเล็กสามารถพูดพึมพำภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแคล่ว คงจะน่าขนลุกนิดหน่อย ต้องตั้งสติให้ดีแล้วสิ
ม๊า ยังไงซะคนในโลกนี้คงไม่มีใครที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นหรอก ไม่สิ ไม่แน่อาจมีภาษาที่คล้ายๆกันอยู่ในโลกนี้ก็ได้
“เดล・ จา・ วิว เหรอคะ ภาษาของจักรวรรดิที่ไหนงั้นเห…..อ้า จากหนังสือภาพเล่มนี้รึเปล่าคะ?”
“……อะ เอ๊ะ?”
อะไรละนั่น กลายเป็นเรื่องเกินคาดไปซะแล้ว เบลล์ซังหยิบหนังสือภาพขึ้นมาเล่มหนึ่งหลังจากค้นกองหนังสือที่ตกกระจายอยู่รอบเตียง อ้า มันเขียนด้วยภาษาที่ฉันไม่รู้จัก อ่านไม่ออกเลยสักนิด
“นี่ไม่ใช่ เดจาวู หรอกนะคะ อ่านว่า เดลจาวิว ต่างหากค่ะ มันหมายความว่า วิวทิวทัศน์สองข้างทางที่เห็นเสมอ หรือก็คือเรื่องรางของชีวิตประจำวันค่ะ อริซซามะ”
เบลล์ซังยิ้มพร้อมลูบหัวฉัน อ่านได้เก่งมากเลยค่ะ ฉันได้ยินเสียงเบาๆราวกับกระซิบข้างหู ดูเหมือนว่าการออกเสียงจะคล้ายกันโดยบังเอิญ หลายๆอย่างผิดพลาดไปหมด แต่ก็ยังโอเคอยู่ คิดซะว่าได้ความรู้เพิ่มก็แล้วกัน
“ขอบคุณ”
“ฟุๆๆ ครั้งนี้ดิฉันอ่านให้ก่อนนะคะ”
“อืม”
จากนั้นเบลล์ซังก็คลายกอดและย้ายไปนั่งที่ปลายเตียง เปิดฝาถาดบนโต๊ะ ซุปและแอปเปิ้ลนั้นเย็นลงจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสมเหมือนทุกครั้ง มีขนมปังกับสลัดจานเล็ก ๆ อยู่คู่กัน ถึงแม้เมนูจะเหมือนกันทุกวัน แต่เพราะรสชาติแตกต่างกัน ฉันเลยไม่รู้สึกเบื่อ
ดูเหมือนว่าแอปเปิ้ลจะถูกคิดว่าเป็นที่ชื่นชอบด้วยสมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าฉันไม่ได้เกลียด เพราะมันอร่อยมากๆ
“มาทานอาหารเช้ากันเถอะค่ะ”
“อืม”
ฉันยกตุ๊กตารอบๆตัวออก ก่อนขยับเข้าไปใกล้ ๆ เบลล์ซัง ฉันละล้าละลังนิ้วพันกันมองช้อนสลับกับตาของเบลล์ซัง
“ค่ะ อ้า~ม….?”
“อะ อืม…อ้า~ม”
นั่นสิน้า ฉันยอมแพ้และเปิดริมฝีปาก ฉันอยากจะร้องเรียนเสียงดัง ๆ ให้ตัวเองสามารถกินอาหารเองคนเดียวได้ แต่ฉันรู้ดีว่าฉันยังเป็นแค่เด็ก ――― ถึงจริงๆแล้วจะแค่ร่างกายก็เถอะ ――― แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจที่จะปฏิเสธ เพราะมันเป็นความสุขของเบลล์ซัง
และไม่ว่าจะพูดยังไงนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกแย่ เพราะว่า ทำอะไรไม่ได้ ใช่…….ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“แฮม ……”
“ไม่ร้อนเกินไปใช่ไหมค่ะ?”
“ม๊ายเป็น ร๊าย”
น้ำซุปเนื้อสัตว์งั้นเหรอ ลิ้มรสน้ำซุปด้วยด้วยลิ้นอย่างช้าๆ ก่อนกลืนลงคอ
อร่อย ตั้งแต่มาที่โลกนี้ สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจมากที่สุดคือ อาหารอร่อย
(TN. ปกติมีแต่โลกเดิมอาหารดีกว่า แต่เรื่องนี้อาหารโลกใหม่อร่อยกว่า คิดเอาว่าเยลลี่โภชนาการจะรสชาตินรกแตกกว่าMREขนาดไหน ฮา)
“…..อริซซามะ หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว….”
ฉันหยุดกินซุปด้วยความสงสัย ดวงตาสีดำจ้องมองมาที่ตาของฉันอย่างอ่อนโยน
“….กะ?”
เบลล์ซังหายใจเข้าออกก่อนจะทำสายตาจริงจัง อึก ฉันกลืนซุปที่เหลือในปากลงคอเตรียมตัวฟัง เรื่องอะไรกันนะ หรือว่า ไม่มีทาง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะสำเร็จการศึกษาจากผ้าอ้อมแล้วสินะ
“ท่านพ่อของอริซซามะสามารถมาพบได้แล้วค่ะ”
“ไม่ใช่”
“……?”
“ปะ เปล่า…..”
ฉันนึกว่าในที่สุดมันก็จะจบลงแล้ว เพราะระยะหลังๆฉันทำสำเร็จแล้ว ฉันไม่ฉี่รดที่นอนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ฉันใช้โถฉี่ได้แล้ว แต่ฉันรู้สึกมันเป็นอะไรบางอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ ดังนั้นฉันอยากจะให้นิ่งเงียบมากกว่านี้
ถึงอย่างงั้น พ่องั้นเหรอ ฉันจัดระเบียบความรู้สึกที่หยี่งลึกอยู่ภายใน
ถึงจะได้เจอกันบาดแผลในหัวใจก็จะไม่มีทางหาย ถ้าต้องการ”เด็กดี”ละก็ ก็ต้องวิ่งฝ่าทุกอย่างรับผิดชอบให้ถึงที่สุดเซ้
…..เดี๋ยวก่อน นี่ฉันประหม่าอยู่งั้นเหรอ
“ท่าน…พ่อ”
“ค่ะ …..ท่านพ่อของอริซซามะล่ะค่ะ”
ฉันสงสัยว่าตัวเองควรทำหน้าแบบไหนยามพบกันดี เป็นหน้าที่มีรอยยิ้มดีที่สุดรึเปล่านะ?
ไม่ใช่ว่าฉันรู้สึกประหม่าหรือเครียด ฉันแค่ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะยิ้มได้ดีเท่าไรเลย
ถ้ากังวลมากเกินไปคงไม่ดี ตั้งสติแล้วทำตัวตามปกติดีกว่า
“….อืม”
“ไม่แปลกเลยที่อริซซามะจะไม่รู้สึกอะไร แต่ว่าฮัททีเรียซามะรักอริซซามะมากๆเลยนะคะ”
“ขอบคุณ”
อาจเป็นเพราะฉันเงียบ เบลล์ซังเลยคิดมากแน่ ๆ ฉันว่าไม่เป็นไร และยิ้มให้ จากนั้นฉันก็โดนเบลล์ซังกอดหัวแนบอกใหญ่ ๆ รู้สึกว่าเร็ว ๆ นี้เบลล์ซังจะสกินชิพกับฉันมากขึ้น เพราะความรู้สึกแจ่มชัดแล้วรึเปล่านะ
“ซ้า มาทานที่เหลือให้หมดกันเถอะค่ะ?”
“อืม”
“อ้า~ม”
“……อ้า~ม”
ในขณะที่ทานซุปที่เย็นลงกว่าเดิมเล็กน้อย ฉันก็รู้สึกใจเย็นลง
ไม่สำคัญว่าจะดูเหมือนโดนเอาใจมากเกินไป ฉันรู้สึกว่าการแสดงท่าทางที่ดูผ่อนคลายออกไปจะเป็นการดีที่สุดแล้ว
“ค๊า อ้า~ม….?”
“มิ้ว”
จะว่าไปฉันยังไม่รู้อายุของพ่อเลย ฉันคิดว่าเขาคงยังไม่แก่เท่าไรเพราะฉันเองก็พึ่งอายุสี่ขอบ แต่แม่ของฉันเสียชีวิตเพราะร่างกายที่อ่อนแอลงหลังจากคลอดฉัน บางทีอาจจะเป็นการท้องตอนแก่แล้วก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจมีความแตกต่างในการนับปีของโลกนี้กับโลกเก่าก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
ค่อยๆไม่ต้องรีบ ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ตอนนี้เบลล์ซังเปลี่ยนจากป้อนซุปมาป้อนแอปเปิ้ลให้ฉันแทนแล้ว อ้า แต่มีหน้าที่ประจำตำแหน่ง งั้นก็อาจจะเป็นคุณปู่ก็ได้ บางที
“อริซซามะชอบแอปเปิ้ลจริงๆเลยนะคะ”
“อ้า~ม”
“ค๊า นี่ชิ้นสุดท้ายแล้วนะคะ?”
“ก๊า”
ร่างกายของฉันเคลื่อนไหวแบบกึ่งอัตโนมัติเข้าหาแอปเปิ้ล ระหว่างที่กำลังจินตนาการถึงพ่อของตัวเอง
จะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหนกันนะ ถึงจะรู้สึกอายที่ต้องภูมิใจในรูปร่างตัวเอง แต่ฉันนะน่ารักสมบูรณ์แบบไปเลย แบบที่ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ บางทีฉันอาจจะสืบทอดมาจากแม่ของฉันมากกว่าพ่อก็ได้
นิสัยใจคอล่ะจะเป็นยังไง ไม่สิ ฉันควรกังวลเรื่องนี้ก่อนสุดๆเลยไม่ใช่รึไง คนที่ปิดกั้นตัวเองเป็นเวลาหลายปีจากการที่คนรักตายไป แบบนั้นจิตใจเขาจะยังดีอยู่รึเปล่านะ
ยังไงก็ไม่รู้สิ ยังไงก็น่าจะเป็นคนดีละนะ ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากความสงสัยเท่านั้น
“อ้า~ม”
“อาร๊าๆๆ ฟุๆๆ ขออภัยด้วยนะคะ ไม่มีแอปเปิ้ลเหลือแล้วละค่ะ อริซซามะ?”
อืมอืม เบลล์ซังกล่าวอย่างอ่อนโยน ก่อนยิ้มและพยักหน้าให้เป็นการสรุป ดูเหมือนว่าฉันจะกินอาหารเช้าเสร็จก่อนที่จะทันได้รู้ตัว พูดได้เลยว่าท้องตอนนี้ทั้งแน่นทั้งป่อง
อ้า~ม สติฉันหลุดลอยไปพร้อมปากที่ยังอ้าค้าง และแน่นอนว่าทั้งหมดอยู่ในสายตาของเบลล์ซัง ฉันเข้าใจแล้วว่าเลือดที่สูบฉีดไปทั่วใบหน้าของฉันทันทีมันรู้สึกยังไง
ฉันรีบปิดปากทันทีที่ตั้งสติได้
“…..อู๊”
ถ้า สมมติว่า ถ้า สมมติว่า เบลล์ซังสามารถมองใบหน้าของฉันที่ซ่อนอยู่หลังตุ๊กตาที่ถูกกอดบังได้
――― แน่นอนที่สุดว่า เธอจะได้เห็นใบหน้าที่ถูกย้อมเป็นสีแดงสดจนแลดูเหมือนแอปเปิ้ล