[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 71 - 048:งานเปิดตัวแห่งความร้าวฉาน⑫ บรรยากาศกวนใจ
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 71 - 048:งานเปิดตัวแห่งความร้าวฉาน⑫ บรรยากาศกวนใจ
048:งานเปิดตัวแห่งความร้าวฉาน⑫ บรรยากาศกวนใจ
――ในโอกาสงานเปิดตัวครั้งนี้ดยุคเวลซัค แกรนด์ ไม่ใช่แขกรับเชิญแต่เป็นเครือญาติ
พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อแสดงว่า เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังอำนาจของซาราเอล่าและลูน่า นั่นคือ หากมีดยุคคนใดกล้าทำตัวหยาบช้าต่อลูน่าเพราะคิดว่าลูน่าเป็นแค่มาร์ควิส นั่นก็หมายถึงการเป็นปรปักษ์ต่อดยุคเวลซัคด้วย
นอกจากนี้ด้วยความจริงที่ว่าแกรนด์จงรักภักดีต่อลูน่าเป็นการส่วนตัว จึงง่ายกว่าในการเคลื่อนไหวฝั่งเครือญาติมากกว่าเป็นแขกในงานนี้
อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่ข้าราชบริพารของแกรนด์ที่รู้จักลูน่าดี
ซึ่งไม่มีใครคิดจะกล้ามีเรื่องกับลูกสาวของแกรนด์ซาราเอล่าและหลานของเขาลูน่า
เพราะจากมุมมองของแกรนด์ตอนนี้มันไม่มีอะไรไปมากกว่าพวกกบฏที่รับใช้นายสองคนในเวลาเดียวกันสำหรับตัวแกรนด์
แน่นอนว่าแกรนด์เองก็ปฏิบัติต่อลูน่าเหมือนหลานสาวที่น่ารักของเขา แต่ลูน่ารู้สึกว่าคนอื่นๆจะไม่มองเป็นเช่นนั้น
ฉันเลยใช้โอกาสนี้ถามแกรนด์
「เอ่อลอร์ดแกรนด์ไม่มีทายาทหรือลูกชายอะไรทำนองนั้นเหรอ?」
แม้ว่าการต่อสู้กับพวกปีศาจครั้งล่าสุด ลูน่าก็ไม่เคยพบกับลูกชายหรือทายาทของตระกูลเวลซัคเลยและไม่เห็นมางานนี้ด้วย
หากไม่มีทายาทไว้สืบทอดตระกูลดยุคได้หายไปจริงๆแน่
แต่ว่าการเสียตระกูลดยุคซึ่งมีสัมพันธ์ทางสายเลือดกับราชวงศ์ และตำแหน่งที่คอยหยุดการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้าน จะเป็นผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออาณาจักรนี้
หากคิดตามสามัญสำนึก ถ้าไม่มีลูกชายไว้สืบทอดตระกูล ก็มีบ้างที่พวกขุนนางจะรับบุตรบุญธรรมมาเป็นผู้สืบทอด
「เอาหูมานี่สิ……」
จากนั้นคำตอบของดยุคนั้นช่างตรงไปตรงมา
「ก็ลูกที่หายไปคนนั้นหนีออกจากบ้านเมื่อสิบปีที่แล้วและไม่เคยกลับมาอีกเลย」
เห็นได้ชัดว่าลูกชายของแกรนด์และในขณะเเดียวกันก็เป็นพี่ชายของซาราเอล่า เป็นชายที่รับมือยาก
ดังนั้นเมื่อซาราเอล่าที่เป็นน้องสาวมีหลานสาวเป็นลูน่าซึ่งแต่งงานกับมาร์ควิสดิแซคอายุครบสองขวบ ก็แอบหนีไปเป็นนักผจญภัยไม่กลับมาอีกเลย
ตอนนี้คงกำลังออกเดินทางไปรอบโลกเพราะมันเหมือนกับนักผจญภัยที่ไม่ใช่นักผจญภัยจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าใช้ชีวิตโดยไม่ต้องการเงินได้ก็อีกเรื่อง แต่ถ้าอยากจะเดินทางไปรอบโลกมันก็ต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดเลยหล่ะ
ไม่งั้นก็คงไปล้มหายตายจากที่ไหนสักแห่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งการไม่ยอมรับผิดชอบเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งก็หมายความว่าตระกูลกำลังวิกฤต และต้องแสวงหาตัวเขาแทบเป็นแทบตายเพื่อให้มาสืบทอดตระกูล แต่ถ้าแบบนั้นมันก็สุดโต่งเกินไป เพราะมันไม่รุ่งก็ร่วงเท่านั้น
นั่นคือหลักการง่ายๆล่ะของเหล่านักผจญภัย
「ตอนนี้ ข้าวางแผนเอาไว้วางเจ้าลูกชายโง่นั่นไม่เคยมีจริงๆด้วยซ้ำ และตอนนี้คิดถึงแต่งานเปิดตัวของท่านให้สำเร็จก่อน」
「นั่นสินะ」
เธอพยักหน้าให้ดยุค เหลือบมองไปที่ห้องโถงประตูที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง
ในแง่หนึ่งมันเป็นสถานที่ๆชนชั้นสูงแออัดอยู่
ชุดที่สวมใส่ไม่มีอะไรนอกจากชุดที่เต็มไปด้วยความหรูหราและงดงามเป็นเกราะป้องกัน
จากนั้นฉันก็ก้าวไปข้างหน้า
หากได้แสดงโอกาสให้พวกไฮยีน่าได้กลิ่นเลือดและเนื้อ ก็คงไม่พ้นจะกลายเป็นเหยื่อมันเป็นแน่แท้
ขุนนางคิดว่าพวกสามัญชนไม่มีอะไรไปมากกว่าทาส และแม้แต่ขุนนางตระกูลอื่นก็ไม่มีอะไรนอกจากเหยื่อที่จะคอยเติมเต็มท้องอันว่างเปล่า ถ้าปล่อยให้เดินไปตามเกม พวกมันก็ไม่ต่างจากโจรที่จ้องจะขโมย พวกมันก็แค่หุ้มร่างกายด้วยสิ่งที่เรียกมารยาททางสังคม
ทำให้พวกมันตระหนักถึงตัวตนของมันเองและต้องยอมจำนนต่ออำนาจที่มากล้น
ตอนนี้ลูน่าตระหนักได้ว่านี่มันคืองานเปิดตัวที่จัดขึ้นโดยชนชั้นสูงที่อยู่ในคราบมาเฟีย
「――ก่อนอื่นต้องขอแสดงความขอบคุณทุกท่านที่ตอบรับคำเชิญของดิฉัน ดิฉัน ลูน่า เบลล์ ดิแซค จากตระกูลมาร์ควิสดิแซคค่ะ」
เมื่อพวกเราเช็คแล้วว่าแขกมากันพร้อม ฉันก็ออกจากทางเข้าและเดินผ่านห้องโถงที่ปูพรมแดงพร้อมกับท่านแม่ อลิซ่า คุณมิน่า และ ดยุคแกรนด์ที่อยู่ข้างหลังและไปขึ้นแท่น
จิลล์พ่อของฉันกำลังรออยู่ในชุดทักซิโด้ และฉันก็ขึ้นไปบนแท่นและหันหลังกลับเพื่อรับการทักทายของเหล่าแขก
ชุดเดรสสีขาวผมสีเงินมันวาวที่เรียบร้อยและงดงาม แขกที่เข้าร่วมต่างกล่าวขานชมว่าเหมือนเทพธิดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ที่เห็นความสวยของลูน่าจนแทบลืมหายใจ
「――พวกเราต้องขอขอบคุณที่ให้พวกเราได้ยืมห้องโถงของปราสาทออกัสต์ในงานเปิดตัวครั้งนี้ เพราะงั้นดิฉันขอใช้โอกาสนี้ในการแสดงความขอบคุณ」
ขณะที่เธอพูดเธอยกจีบกระโปรงขึ้นและย่อตัวลง
ในตอนท้ายก็จะเห็นได้ว่าองค์ราชา อัลดาโต้ ลูเทีย ฟอน อัลฟิเลีย ยืนอยู่กับครอบครัวของเขา
งานเลี้ยงเป็นแบบยืนทาน
ตอนแรกก็จะจัดเป็นโต๊ะจีนอยู่หรอกแต่ว่าเนื่องจากแขกเยอะเกินไปจนทำให้ไม่สามารถจัดได้ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นงานเลี้ยงแบบยืนทานแทน เพื่อไม่ให้ภาระของเหล่าบริกรมากเกินไปด้วย
ดังนั้นแม้ว่าต่อจะให้เป็นราชซงส์ ก็สามารถเข้าร่วมได้แต่ไม่มีที่นั่งให้หรอกนะ
แน่นอนว่ามีม้านั่งชิดขอบกำแพงอยู่และถ้าอยากนั่งก็จะจัดเตรียมเก้าอี้เป็นรายบุคคลให้ แต่ถ้าองค์ราชานั่งในขณะที่แขกทุกคนนั้นยืนอยู่คงเป็นขี้ปากเหล่าขุนนางว่า「เห้ย พวกเราอยู่เหนือราชาวะ」ไม่ก็「ราชาเดี๋ยวนี้ต่ำเตี้ยจนต้องนั่งเลยเหรอวะ」ประมาณนั้นแหละ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าพวกเขาต้องยืนเหมือนคนอื่นๆโดยไม่มีสิทธิ์บ่น
เอาล่ะ ถ้าการยืนมันยาก ก็หยั่งรากนั่งแม่งเลยสิ กล้าไหมล่ะ?
ไม่ไหวก็อย่าฝืน ทำตัวให้สบายเข้าไว้น่า
นั่นแหละนะ มาตราการตอบโต้ราชวงศ์หมายเลขหนึ่ง “ห้ามนั่ง”
แต่ว่าทางฝั่งนั้นก็ไม่ได้ไหวติ่งอะไรกับการยืน ในทางตรงกันข้ามมองมาทางนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกต่างหาก ราวกับกำลังชื่นชมรูปลักษณ์อันงดงามของลูน่า
(กึด……)
เธอยิ้มในขณะที่ส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
「――สำหรับดิฉันแล้วดิฉันไม่ใช่คนที่ชอบพูดชักแม่น้ำทั้งห้าสักเท่าไหร่ เพราะงั้นฉันขอจบการพูดแบบสั้นๆ ขอให้ทุกคนสนุกกับงานค่ะ」
หลังจากจบการกล่าวทักทายที่สั้นผิดปกติสำหรับงานเปิดตัวเธอโค้งคำนับและเดินลงมาทันที
ตามธรรมเนียมปกติแล้วหลังการกล่าวเปิดงานจะตามมาด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง แต่ขุนนางก็ได้แต่สับสนเพราะคิดว่าเธอน่าจะร่ายยาวมากกว่านี้ ทำให้ทุกคนพลาดจังหวะปรบมือไปซะสนิท
จากนั้นลอร์ดแกรนด์ก็เริ่มปรบมือเป็นคนแรก คนอื่นๆก็เริ่มตามน้ำไปจนกระทั่งดังไปทั่วห้อง
เพราะพวกเรามีวงจรความคิดไม่เหมือนกันยังไงล่ะ
โดยธรรมชาติแล้วพวกขุนนางนั้นติดหรูอยู่สบาย ใช้คำพูดจิกกัดทิ่มแทงกัน เน้นแต่น้ำเนื้อนิดหน่อย แต่ตรงกันข้ามกับลูน่าที่เน้นเนื้อไม่เอาน้ำไม่อยากใช้คำพูดให้มันมากและจบการกระทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความแตกต่างของจิตสำนึกของขุนนางที่ยึดติดกับความหรูหราและคำยกยอปอปั้นกับลูน่าที่เน้นประสิทธิภาพ ในคำพูดสั้นๆแต่ได้ใจความ เนื่องจากสถานที่ก็แออัดอยู่แล้วจะพูดเยอะให้คนร้อนกันทั้งห้องโถงไปเพื่ออะไร
เธอไม่สนใจหรอกว่าราชวงศ์จะชมชอบหรือรังเกียจเธอมากแค่ไหน แต่คนอื่นอาจจะไม่ได้มองแบบนั้นก็ได้
บางทีอาจจะมีคนกล่าวขอบคุณด้วยซ้ำที่ฉันไม่พูดเยอะเกินไปเพราะสถานที่มันแออัด บางคนก็อาจจะคิดเข้าข้างว่าฉันเกรงใจที่ปล่อยให้ราชวงศ์ยืนนานเลยพูดกล่าวสั้นๆแค่นั้นพอ ปล่อยให้พวกเขาจินตนาการต่างๆนาๆไปจะดีกว่า
ก็สำหรับขุนนางที่คิดบวกก็เอาไปร้อยคะแนน
เมื่อมองแวบแรกการตอบสนองของทางราชวงศ์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่ลูน่ารู้สึกว่ามันน่าจะมีอุบายที่ยุ่งยากหลายอย่างมากกว่านี้เป็นแน่แท้
อาจจะกล่าวได้ว่ามีความคิดที่ว่า “จะไม่กล่าวขอบคุณกับความมีน้ำใจของคนที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่อย่างงั้นเหรอ”
นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะสื่อและฉันไม่คิดจะขอบคุณให้กับพวกให้การช่วยเหลือโดยหวังสิ่งตอบแทน
จากนั้นเองวงออเคสตราก็เริ่มเล่นดนตรีงานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว
ผู้คนต่างเพลิดเพลินไปกับอาหารและดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อยและเหล้าชั้นเยี่ยม
ในเวลาที่เหมาะสมท่วงทำนองได้เปลี่ยนไป และแล้วก็ถึงเวลาแห่งการเต้นรำ
「คุณผู้หญิง ไม่ทราบจะช่วยเต้นกับผมสักหนึ่งบทเพลงได้ไหมครับ?」
คนแรกที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าชายอาเบลได้มาชวนฉัน
เขามีผมสีทองใบหน้าขี้หลี ที่มาเสนอตัวให้ลูน่าซึ่งเธอก็ตอบกลับว่า「ด้วยความยินดี」
ตรงกันข้ามกับท่าทางอันเงียบสงบเขาดุดันในการเต้นรำอย่างมาก
ถัดมาคือคาอินน้องชายของเขา
ชายหนุ่มที่มีผมสีขี้เถ้าและใบหน้าหยาบกร้านค่อนข้างเกร็งในการเต้นรำ เพราะเป็นห่วงผู้หญิงที่เป็นเหมือนวัตถุเปราะบางราวกับแตกหักได้ง่ายๆ
ไม่รู้ว่าเป็นแค่ฉันรึเปล่า แต่อย่างน้อยถ้าปฏิบัติแบบนั้นกับผู้หญิงทุกคนในอนาคต นายเองก็เป็นได้นะ “พ่อหนุ่มหน้ามน”
ลูน่าคิดว่าถ้าหมอนี่ได้เป็นราชาก็คงไม่มีปัญหาด้านครอบครัวหนักหรอก ดูกลัวเมียด้วยซ้ำ
หลังจากเต้นกับเจ้าชายทั้งสอง คู่ต่อมาที่มาเต้นรำคือดาร์ซิส
ชายหนุ่มผมแดงแกมส้มกำลังเต้นรำกับคริสทีนหวานใจของเขาและเมื่อเต้นเสร็จคู่รักของเขาก็กระซิบอะไรบางอย่าง「เอ๊ะ จริงเหรอไม่รู้เลย」จากนั้นก็เดินมาหาลูน่าด้วยท่าทางหยิ่งผยอง ซึ่งดูจะรังเกียจเป็นอย่างมาก แต่ก็ช่วยไม่ได้
「อย่ามาขัดแข้งขัดขากันล่ะ」
「อาระ นั่นคือวิธีการพูดกับสาวน้อยเหรอคะ ก็ได้ค่ะต่อให้คุณจะล้มหน้าแหกกลางงานเลี้ยงฉันก็ไม่ยื่นมือช่วยสักนิดเดียว และก็ถ้าคุณหน้าแหกไม่ใช่แค่คุณ แต่คริสทีนเองก็ต้องอับอายนะคะ」
「ไม่เป็นไรหรอกยัยนี่」
ลูน่ากระซิบและดาร์ซิสก็มองมาทางนี้ด้วยความโกรธ
จากนั้นลูน่าก็แกล้งเขาเล็กน้อย
「อึก !? แกกกก!」
「เอ๊ะ แม้แต่การเต้นรำแบบง่ายๆเช่นนี้ก็ยังทำพลาดแบบนี้จะมีหน้าไปเต้นกับคู่หมั้นอย่างคริสทีนได้เหรอคะ?」
「หนอย ยัยนี่!!」
เด็กชายคนนั้นมองมาทางนี้ด้วยความโกรธ แต่ก็ยังคงเต้นรำตามจังหวะต่อไปเพื่อไม่ให้ขายขี้หน้า
เมื่อการเต้นรำจบลงเขาหอบหายใจอย่างรุนแรง
「หนอยย จำเอาไว้เถอะยัยบ้า……..แฮ่ก …..แฮ่ก……」
「อาระ ถ้าแค้นฝั่งหุ่นขนาดนั้นล่ะก็ไว้จะมาแก้ตัวใหม่ที่บ้านฉันก็ได้นะ แต่ต้องพาคริสทีนมาด้วย และฉันจะช่วยสอนให้รู้ซึ้งเองค่ะ」
「ใครจะไปหาคนอย่างแกกัน……」
「จะให้คำแนะนำนะคะ ผู้หญิงน่ะชอบผู้ชายที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่ทั้งด้านการบู๊ แม้แต่ความโรแมนติกก็ด้วย ถ้าแข็งแกร่งกว่านี้สักสิบเท่า คริสทีนจะมองเพียงแค่นายเท่านั้นแน่นอนเลยล่ะ」
「……เอ๊ะ จริงงั้นเหรอ?」
โอ๊ะ อารมณ์เปลี่ยนอย่างรวดเร็วเลยนะ
หมอนี่มันหลงคริสทีนจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วสินะ ถือเป็นเรื่องที่ดี
น่าสนใจมาก เพราะงั้นฉันจะคอยซัพพอร์ตให้ความรักของนายไปได้อย่างราบรื่น
「ถ้าทำตามคำแนะนำของฉัน นายจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนี้เป็นสิบเท่า ไม่สิ ร้อยเท่าเลยล่ะ」
「โอเค เข้าใจแล้ว ถ้างั้นครั้งต่อไปขอคำแนะนำด้วย!」
ช่างเป็นคนที่งี่เง่าจริงๆ
ในขณะเดียวกันพวกผู้ชายนี่มันโง่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ลูน่ารู้สึกผิดบาปหน่อยๆ