[นิยายแปล] เพื่อนน้องสาวที่เป็นแยงกี้ JK สุดสวยที่ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้ - ตอนที่ 4: เกมทายขนาดหน้าอก
- Home
- [นิยายแปล] เพื่อนน้องสาวที่เป็นแยงกี้ JK สุดสวยที่ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้
- ตอนที่ 4: เกมทายขนาดหน้าอก
เมื่อผมกลับมาจากวิทยาลัยผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก็เปิดประตูหน้าบ้าน
ตรงทางเข้าเต็มไปด้วยรองเท้าวางระเกะระกะ
ดูเหมือนว่ายัยพวกเพื่อนแยงกี้ของน้องสาวผมจะมาอยู่ที่บ้านผมอีกแล้ว
วันนี้เองก็เช่นเคยผมจัดรองเท้าของพวกหล่อนที่เรียงรายอยู่ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปชั้นบน
เพื่อนของน้องสาวมาเล่นที่บ้านมันก็ไม่ผิดหรอกนะ ผมมีดีใจซะมากกว่าที่เธอมีเพื่อนเป็นตัวเป็นตนกับเขาได้สักทีผมถึงได้ไม่อยากที่จะไล่ตะเพิดพวกเธอออกจากบ้านเพียงเพราะแค่ทิ้งรองเท้าไว้เกลื่อนกลาดหรือเพราะส่งเสียงดัง
เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยแคร์สักเท่าไหร่นะแต่ว่า……
ผมพอผมล้างมือในห้องน้ำเสร้จและยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องของผม
อีกแล้วสินะ
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ
หลังจากที่เช็คจนแน่ใจแล้วว่าออกซิเจนบริสุทธิ์ไหลเวียนไปยังทุกอนูเซลล์ในร่างกายแล้ว
ผมก็เปิดประตูเข้าไปอย่างแน่วแน่
*-แอ๊ด-* (เสียงเปิดประตู)
“อ๊ะ! พี่ชายยินดีต้อนรับกลับ”
พอผมเปิดประตูเข้าไปมานะก็เป็นคนพูดก่อนแล้วก็ค่อยๆยกมือขึ้นมา
จากนั้นทั้งรูนะจังและอาริสะจังก็พูดตามว่า
“ยินดีต้อนรับกลับค่า”
……ส่วนเอริกะจังที่กำลังอ่านมังงะอยู่ก็หยุดอ่านแล้วเหลือบมองมาที่ผมแปปนึงแล้วก็กลับไปอ่านมังงะของเธอต่อไปโดยที่ไม่พูดอะไร
“กลับมาแล้ว…….”
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้ยินใครพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับ” ผมก็ต้องตอบกลับด้วย
“กลับมาแล้ว” มันถือเป็นมารยาทสำหรับคนที่ต้อนรับเราและคำนี้มันก็ออกมาจากปากของผมโดยเป็นการโต้ตอบก่อนที่หัวผมจะทันได้คิดซะด้วยซ้ำ……….มันทำให้ผมกลืนคำพูดที่ผมควรจะพูดออกมาจริงๆเมื่อตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามา
“แล้วก็นะ-”
แล้วมานะกับคนอื่นๆก็พากันสนทนากันต่อโดยไม่สนใจโลกภายนอก
มันคือกระแสที่ไหลไปอย่างธรรมชาติและบรรยากาศก็กำลังจะกลับไปเป็นเหมือนตอนก่อนที่ผมจะเปิดประตูเข้ามา
แต่แล้วผมก็ดึงสติกลับมาได้
“ไม่สิ ไหงพวกเธอถึงได้มานั่งชิลกันอยู่ในห้องของชั้นได้อย่างหน้าตาเฉยเลยล่ะเนี่ย?”
อันที่จริงผมควรจะพูดอย่างนี้ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาแล้วแต่ยังไงซะพอพวกหล่อนพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับ” ปุ๊บก็ทำผมเสียสมาธิไปครู่นึงเลย
จากนั้นมานะก็เดาะลิ้น
“ชิ คิดว่าพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับนะ’ แล้วจะยอมรับแต่โดยดีซะอีกแต่มันถ่วงเวลาไว้ได้ไม่กี่วินาทีเองสินะ”
สรุปคืออาชญากรรมที่วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วนี่เอง
สมแล้วที่เป็นน้องพี่หล่อนรู้จักผมดีเลยทีเดียว………..เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาประทับใจสักหน่อย!
ผมก็กำลังจะพูดบ่นกับมานะ
“ก็ต้องแหงอยู่แล้วน่ะสิ! ทำชั้นสติหลุดไปแว่บนึงเลย แต่นี่มันห้องของชั้นนะ! แล้วชั้นก็ควรจะเป็นคนๆเดียวที่ควรจะอยู่ที่นี่สิ!”
ยัยพวกแยงกี้ที่ผมพยายามจะไล่ตะเพิดไปเมื่อวานนี้ก็กลับมาอย่างง่ายดาย
แล้วก็ไม่มีทางที่ผมจะหลับหูหลับตาปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป
ในขณะที่ผมกำลังเคืองอยู่มานะก็ยักไหล่ของเธอ
“มันก็เป็นประสบการณ์ที่หายากโครตๆเลยไม่ใช่รึไง? ที่มี Jk ตั้ง 4 คนมาพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับนะ’ กับพี่น่ะ? ทำไมพี่ถึงไม่รู้สึกซาบซึ้งให้มันมากกว่านี้ล่ะ? ตั้ง 4 คนเลยนะ 4 คนเลย! ไม่ใช่ 1 หรือ 2 แต่มี JK 4 คนที่รายล้อมแล้วพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับ’ กับพี่ แล้วอีแบบนี้น่ะเป็นเซอร์วิสที่พี่ไม่มีทางจะได้รับเลยนอกจากไปใช้บริการคาเฟ่ JK ปลอมๆแถวๆย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าย่านนึงน่ะ”
(TL NOTE : อันนี้อ้างอิงถึงอากิฮาบาระที่เป็นย่านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่น)
“อย่ายัดเยียดเซอร์วิสอะไรนั่นให้กันตามใจชอบเซ่! แล้วถ้าจะพูดถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆลึกลงไปอีกล่ะก็ชั้นไม่ได้ถูกรายล้อมสักหน่อยแถมเอริกะจังก็ไม่ได้พูดต้อนรับกลับด้วยเพราะงั้นก็เลยมีแค่พวกหล่อน 3 คนเท่านั้น”
“หา? ไหงถึงไม่พูดล่ะเอริกะ? แล้วนี่พี่ชายอารมณ์เสียที่ไม่ได้ ‘ยินดีต้อนรับกลับ’ จากเอริกะอย่างงั้นเหรอ?”
แล้วมานะก็สะกิดเอริกะ
เอริกะจังเงยหน้าขึ้นมาจากมังงะของเธอแล้วมองมาที่ผมและเอียงหัวด้วยความสงสัย
“คุณพี่ชายอยากจะให้หนูพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับ’ ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ปะ-เปล่า ก็ไม่ได้พูดแบบนั้น”
“งั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ไม่ว่าหนูจะพูด ‘ยินดีต้อนรับกลับนะ’ หรือไม่พูดมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรใช่ไหมล่ะ?”
พูดง่ายจังนะ
มันก็อาจจะจริงอย่างที่เธอว่าแต่……….วิธีการพูดของเธอมันทำให้รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย
ราวกับว่าเอะใจได้ถึงอารมณ์มาคุแปลกๆที่เกิดขึ้นระหว่างเรา
มานะก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เอาน่าๆ สำหรับตอนนี้พี่ชายก็มีอิสระที่จะทำเรื่องของตัวเองได้ล่ะนะแล้วก็ไม่ต้องมาห่วงพวกเราหรอกนะ!”
ไอ้ความเห็นที่ไม่น่าให้อภัยนั่นมันอะไร?
“นี่มันห้องชั้นแท้ๆแล้วทำไมมานะถึงต้องมาบอกว่าชั้นมีอิสระจะทำอะไรก็ได้ล่ะ?”
“แล้วนี่คิดจะไล่ตะเพิดพวกเราอีกแล้วเหรอ? สึคัจจิจะใจแคบเกินไปแล้ว! เพราะงี้แหละถึงหาแฟนไม่ได้สักทีน่ะ”
รูนะจังถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“ก็-บอก-แล้วไง! ว่าทำไมถึงไม่ไปเอะอะกันที่ห้องของมานะแทนไงเล่า?”
“นี่สึคัจจิน่ะยังไม่เคยเห็นสภาพห้องของมานะใช่ไหม? เราอยู่สถานที่พรรค์นั้นไม่ได้หรอกนะ”
เพื่อนๆของเธอให้คำจำกัดความห้องของเธอว่า “สถานที่พรรค์นั้น” นี่ห้องของมานะมันรกขนาดนั้นเลยงั้นรึ?
เธอเคยเป็นคนละเอียดยิบแต่ตอนนี้กลายเป็นคนที่มีห้องรกไปซะได้…………
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลกระทบจากการที่เปลี่ยนคลาสไปเป็นแยงกี้อย่างงั้นรึ?
ขณะที่ผมจ้องมานะอย่างกังวลใจ อาริสะจังก็ชี้ไปที่ห้องของมานะแล้วก็พูดว่า
“ก็มันมีแต่ตุ๊กตาสัตว์น่ารักๆเต็มไปหมดจนไม่มีแม้แต่ที่จะวางเท้าเลยและถ้าหนูเผลอทำน้ำผลไม้หรือขนมหกใส่เธอก็จะโกรธมากที่ตุ๊กตาสัวต์พวกนั้นสกปรกน่ะมันก็นุ่มนิ่มน่ารักดีอยู่หรอกนะแต่ก็ทำตัวผ่อนคลายไม่ได้เลยน่ะสิ”
“อะไรล่ะนั่นแล้วทำไมถึงไม่เก็บพวกตุ๊กตาจัดที่จัดทางหาที่ว่างให้มันเรียบร้อยซะล่ะ?”
ก็ถ้าห้องไม่รกแล้วก็สิ้นเรื่องไม่ใช่รึ?
ผมคิดอย่างงั้นแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทุกคนก็มองมาที่ผม
มีอะไรล่ะ? หรือว่าที่ห้องจะมีแต่ตุ๊กตาสัตว์จนไม่แม้แต่จะมีที่ว่างเหลือแล้วน่ะ?
“ยังไงก็เถอะ! พวกเราอยากจะมาเอะอะโวยวายกันในห้องนี้ยังไงล่ะ! แล้วเราก็ทำมาโดยตลอด! พี่จะมาขอให้เราไปตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ!”
มานะพูดออกมาด้วยท่าทีสิ้นหวังสุดๆ
“ตอนที่เธอพากันมาเล่นกันที่นี่ชั้นก็เคยไม่อยู่มาก่อนล่ะนะแต่ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้วตอนนี้ชั้นได้กลับบ้านไวแล้วเพราะงั้นเธอก็ต้องแก้ปัญหาเอาเอง”
“โธ่เว้ย…….ไอ้พี่ขี้งก!”
“ไม่ได้ขี้งกเฟ้ย! มานะที่ไม่ยอมเก็บกวาดห้องของตัวเองนั่นแหละที่ขี้งกน่ะ!”
ในที่สุดศึกระหว่าง 2 พี่น้องก็ปะทุขึ้น
ในตอนที่ผมกับมานะกำลังฟัดกันอยู่ได้ครู่หนึ่งเอริกะจังก็เข้ามาเพื่อทำให้พวกเราสงบลง
“เอาล่ะๆ ใจเย็นก่อนนี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขด้วยการที่พูดคุยไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ล่ะ มาคุยกันให้รู้เรื่องให้มันจบๆไปเลยดีกว่า…….”
เธอได้ล้มเลิกความคิดที่ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ไปแล้ว……….
เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาผ่านการพูดคุยกันเลยสักนิด
“แล้วความคิดที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ?”
มานะถามเอริกะจังแล้วเอริกะจังก็ตอบกลับ
“นั่นสินะ……….งั้นเอาเป็นผู้ที่ชนะเกมจะได้อยู่ในห้องนี้เป็นไงล่ะ?”
“ไม่ดิ ไหงงั้นล่ะ? แล้วทำไมเจ้าของห้องถึงจะต้องมาถูกไล่ออกจากห้องโดยขึ้นกับว่าใครชนะใครแพ้เนี่ย? อย่างน้อยเอาเป็นให้แชร์ห้องด้วยถ้าเธอชนะก็แล้วกัน”
“ก็ดีนะงั้นก็มาเริ่มกันเลยคุณพี่ชาย”
เอริกะจังยิ้มกว้างมาที่ผม
รู้สึกเหมือนตัวเองโดนจับมัดมือชกเลยแฮะ……
“อ่า ก็ได้เข้าใจแล้ว….ว่าแต่เราจะเล่นเกมอะไรกันดีล่ะ? เล่นเกมแก้โจทย์คณิตศาสตร์ ม.ต้น ไหมล่ะ?”
“หา??? จะโหดร้ายกันเกินไปหน่อยไหมนั่น”
ไอเดียเกมที่ผมเสนอถูกมานะปัดตกทันที
‘ฟุฟุฟุ’ จากนั้นเอริกะจังก็เริ่มหัวเราะออกมา
“งั้นหนูจะแนะนำเกมที่เจ๋งที่สุดก็แล้วกันค่ะมันมีชื่อเกมว่า ‘เกมทายขนาดหน้าอก!’”
“ครับ?……”
ชักสังหรณ์ใจไม่ดีซะแล้วสิและใบหน้าของผมก็แข็งทื่อ
“หนูจะขอให้คุณพี่ชายเดาขนาดหน้าอกของพวกเราทั้ง 4 คนโดยบอกเป็นตัวอักษรมาค่ะถ้าเกิดว่าคุณพี่ชายเดาขนาดของพวกเราทุกคนได้ ห้องๆนี้ก็จะเป็นของคุณพี่ชายอย่างเป็นทางการ”
“ไม่เอา นั่นก็อำมหิตเกินไปไหม”
นี่ที่เธอกำลังขอให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงเลยสักนิดทำอะไรน่ะ?
มันก็ไม่มีทางที่ผมจะมานั่งเดาขนาดหน้าอกของพวกเธอในขณะที่พวกเธอยังสวมเครื่องแบบอยู่อย่างงั้นได้หรอก ไม่สิ…ต่อให้พวกหล่อนจะยอมให้ผมได้เห็นเรือนร่างจริงๆของพวกเธอน่ะผมก็ไม่อาจที่จะเข้าใจได้อยู่ดี
“ก็ดีนะ! แต่มันจะไม่ยากเกินไปเหรอถ้าไม่มีคำใบ้ให้เลยน่ะ? ก็พี่ชายน่ะเป็นไอ้เวอร์จิ้นนี่นะ”
ยัยมานะได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
“ก็ได้งั้นคำใบ้ก็คือหนูจะยอมให้คุณพี่ชายจับพวกมันก็ได้ค่ะ! จะจับหนูมากเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณพี่ชายต้องการเลยและจะวัดหน้าอกของหนูก็ได้!”
เอริกะจังอนุญาตผมด้วยสีหน้าที่เชื่อมั่นในตัวเอง
เธอดูเหมือนว่าเธอพร้อมที่จะฆ่าผมให้ตายในทางสังคมเลยแฮะ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเกาหัว
“มันก็ต้องไม่มีทางที่ชั้นจะไปแตะเนื้อต้องตัวเธออยู่แล้วน่ะสิ………เธอจะเอาเกมนี้จริงดิ? รูนะจัง อาริสะจัง พวกเธอโอเคที่จะให้ชั้นเดาจริงๆเหรอ?”
เมื่อผมถามเพื่อขอคำยืนยันรูนะจังก็ยิ้มอย่างอาจหาญและพูดว่า
“ถ้าคิดว่าเดาถูก ก็เดามาเลยจ้า” ส่วนอาริสะจังก็พูดพร้อมยิ้มแฉ่งว่า
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกถ้าพี่ชายเดาถูกหนูก็จะบอกตามตรงไปเลยว่าเดาถูกน่ะ”
ถ้างั้นมันก็ชัดเลยว่าวิธีเดียวที่จะเฉดหัวยัยพวกแยงกี้พวกนี้คือการชนะเกมนี่ซะ
ผมได้ยินมาอยู่ว่าขนาดหน้าอกของผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นคัพ B,C แล้วก็ D และก็อย่าลืมที่โฮชิโนะบอกกับผมว่าขนาดของหน้าอกคือความแตกต่างระหว่างช่วงบนและช่วงล่างหรือก็คือถ้าช่วงล่างนั้นมันมีน้ำมีนวลน้อยกว่า
ตัวหน้าอกก็จะดูเล็กกว่าที่พวกผู้ชายจินตการไว้แถมพวกเธอทั้ง 4 คนก็หุ่นบางร่างเล็กกันเพราะงั้นขนาดหน้าอกที่แท้จริงของพวกเธอจะต้องใหญ่กว่าที่ผมกะด้วยสายตาเป็นแน่แท้
เนื่องจากผมไม่สามารถไปสัมผัสพวกมันตรงๆได้ ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องอนุมานเอาเอง
แต่ยังไงซะก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดาให้หมดทุกคน
“มานะคัพ C”
“ห๋า!? แล้วไหงพี่ถึงได้รู้ได้ล่ะเนี่ย พี่ชายบ้าที่สุด!!”
พอผมพูดอย่างนั้นหน้าของมานะก็เปลี่ยนเป็นแดงแจ๋ดูเหมือนว่าผมจะถูกแฮะ
“อย่าบอกนะว่า……….พี่เช็คเสื้อผ้าของหนูน่ะ…….”
“ไม่ได้เช็คสักหน่อยก็เมื่อวันก่อนที่แม่ไปซื้อชุดชั้นในใหม่แล้วพอพวกเรากลับถึงบ้านเธอกับแม่ก็คุยกันเรื่องขนาดแล้วเธอก็เป็นคนพูดเองว่ามันใหญ่กว่าเดิมแล้วน่ะ”
“ก็อย่าฟังสิยะ!! อย่างน้อยๆก็ช่วยทำเป็นไม่ได้ยินซะเซ่!!!”
“ก็นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ชั้นทำเป็นไม่ได้ยินมาจนถึงตอนนี้ไงล่ะ!”
อย่าลืมว่าคนที่ทำให้ต้องโพล่งออกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเธอเองนั่นแหละ
“มานะคัพ C ……..บ้าจริง! ทั้งที่คิดว่าเราน่าจะเป็นพวกเดียวกันแท้ๆ……”
รูนะจังก้มหน้าลงด้วยความหงุดหงิดดูจากอาการแล้วผมว่า……….
“ถ้าอย่างนั้นรูนะจังก็คัพ B”
“ม่ายยยยยย!! หนูไม่อยากที่จะเล็กที่สุดในหมู่เพื่อนน๊า!!!”
รูนะจังทรุดตัวลงเข่าเช็ดพื้นทั้งน้ำตา
ก็ถ้าเธอมีเรื่องที่เป็นปมด้อยที่ซับซ้อนแบบนี้ไหงถึงได้อนุญาตให้เราเล่นเกมนี้ล่ะครับ?
อันนี้ถามจริงจังเลยนะ
“ถ้างั้นแล้วหนูล่ะ?”
อาริสะจังเข้ามายืนต่อหน้าผมด้วยท่าทางใจเย็น
หน้าอกหน้าใจของเธอดูใหญ่กว่ามานะแต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันใหญ่กว่าแค่ไหน
มันอาจจะเท่าๆกับมานะก็ได้เพราะงั้นอาจจะ C หรือไม่ก็ใหญ่กว่า…..
ไม่สิ เธอต้องมั่นใจในขนาดของตัวเองพอสมควรเลย ตัดสินจากท่าทางใจเย็นของเธอ
พูดอีกนัยก็คือเธอจะต้อง D หรือไม่ก็ใหญ่กว่ามานะ
“อยากจะลองจับดูไหมล่ะ?”
อาริสะจังจับหน้าอกตัวเองยกขึ้นมาและจากการเคลื่อนไหวนั้น
ผมก็ได้เห็นว่ามันมีขนาดที่กำลังพอดี
เคยได้ยินมาว่าปกติแล้วไซส์เบิ้มๆจะถือว่าเริ่มด้วยคัพ E งั้นก็หมายความว่า…….
ตัดสินใจล่ะ
“คัพ E?”
“ว้าว ถูกต้อง! เก่งจังเลยนะ!”
ก็ดีใจที่ชนะอยู่หรอกนะแต่ก็ยังงงๆอยู่มันคุ้มค่ารึเปล่านะ?
“เหลือหนูคนสุดท้าย”
และลาสบอสเอริกะจังก็มายืนอยู่ตรงหน้าผม
รู้สึกได้เลยว่าเอริกะจังใหญ่แน่นอนแต่ขนาดก็ยังเป็นปริศนา
ในขณะที่ผมครุ่นคิดจ้องไปที่เอริกะจังเธอก็ยิ้มให้ผม
“ก็ถ้าคุณพี่ชายไม่กล้าจะจับพวกมันดูล่ะก็ ทำไมไม่ให้หนูถอดออกแล้วโชว์ให้ดูแทนล่ะคะ?”
“ไม่เป็นไรขอบคุณ”
ผมรีบตอบทันทีเพื่อห้ามเธอ
ถึงแม้ว่าจะมีคำใบ้เพิ่มเติมแต่ก็ไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆว่าผมเดาถูกเพราะงั้นแผนที่ดีที่สุดคือตอบโดยให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุดละกัน
“F?”
ตอนที่ผมพูดแบบนั้นสีหน้าของมานะ รูนะจังและอาริสะจังก็เปลี่ยนไป
แล้วอาริสะก็เข้าไปคว้าแขนเอริกะจัง
“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะเอริกะน่ะคัพ E ใช่ไหมล่ะ?”
“เอ่อ…..งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่า F หรอกเหรอ?”
“ไม่ๆๆ ไม่ว่าเธอจะว่ายังไงมันก็จะโตเร็วเกินไปหน่อยไหมล่ะนั่น! เธอน่ะคัพ E แน่ๆ! พวกเราน่ะเท่าๆกันใช่ไหมล่ะ!?”
“เอ๋…..? ตอนที่ชั้นไปซื้อชุดชั้นในมาใหม่ชั้นว่าชั้นก็ซื้อของไซส์ของคัพ F มานะ…..?”
“ตั้งใจสินะ! เธอตั้งใจซื้อมาสินะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้นอาริสะจังก็เริ่มถอดเครื่องแบบของเอริกะจัง
“ดะ-เดี๋ยว! ทำอะไรเนี่ย!”
ผมเริ่มเลิ่กลั่กและอาริสะจังก็ตอบกลับ
“ก็ยืนยันขนาดของเธอไงคะ! หนูจะถอดเสื้อในของเธอออกแล้วเช็คขนาดที่มันเขียนไว้ตรงป้ายดู!”
“ไม่ได้สิเฮ้ย! อย่ามาทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าตรูเซ่!!!”
ผมตื่นตระหนกและรีบชิ่งออกมาจากห้อง
ขณะที่ผมถอนหายใจออกมาตรงโถงทางเดินผมก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญของยัยพวก Jk ที่อยู่ข้างในห้อง
“F จริงๆด้วย……….ตอบถูกหมดเลย…..”
ชัดเจนว่าผมชนะไอ้เกมทายขนาดหน้าอกนี่แล้ว
แต่ผมก็เป็นคนที่เดินออกมาจากห้องซะเอง
ผมยอมแพ้และมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้ตัวเองได้ยินพวกหล่อนพูดถึงหน่มน๊มในห้องของผมอีก
ผมไม่คิดว่าตัวเองจะกลับไปที่ห้องได้จนกว่ายัยพวกแยงกี้จะพากันกลับบ้านกันไปก่อน…..
ผมคิดอย่างนั้น……