[นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru - ตอนที่ 19.1 บทที่ 2 ส่วนเสริมครั้งที่ 2 เหล่านายพลปีศาจ
- Home
- [นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru
- ตอนที่ 19.1 บทที่ 2 ส่วนเสริมครั้งที่ 2 เหล่านายพลปีศาจ
ข้อความจากผู้แต่ง
ครั้งนี้จะเป็นการอธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับรายละเอียดของสิบสามนายพลปีศาจ
เช่นเคย ส่วนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก
นี่คือเรื่องราวในวันหนึ่ง ก่อนที่ ฮิยูกิ นายเหนือหัวผู้เป็นที่รักยิ่งของเหล่าประชาชนแห่ง อิมพีเรียลคริมสัน จะออกเดินทางไปยังเมืองหลวงโดยที่มี มิโคโตะ เป็นผู้ติดตาม
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา บรรยากาศในปราสาทอันธการสีชาดเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง แต่ทว่าในวันนี้ วันที่ถูกเรียกว่าเป็น วันX-Day ความตึงเครียดก็พุ่งถึงจุดสูงสุด บรรดาเหล่าข้ารับใช้ –โดยเฉพาะกลุ่มชายหนุ่ม– ต่างอยู่ไม่สุขกันตั้งแต่เช้าตรู่ อันที่จริงพวกเขาส่งสายตาเคียดแค้นและเขม้นมองมายังฮิยูกิ ผู้ที่อยู่ร่วมกันบนสรวงสวรรค์แห่งนี้
ในที่สุด แม้แต่ แม่ทัพปีศาจโต๊ะกลม ก็เริ่มเปิดศึกโต้เถียงกันด้วย “ภาษากาย” ที่ไร้เหตุและผล ส่งผลให้ มิโคโตะ และ อุสึโฮะ ซึ่งเป็นหนึ่งใน สี่จตุรเทพ ผู้ที่ก่อนหน้านี้เลือกเฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ ตัดสินใจว่าไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้ พวกเขาจึงหันไปขอคำตัดสินจาก ฮิยูคิ นายผู้เป็นที่รักและเป็นบุคคลเพียงผู้เดียวที่สามารถยุติความวุ่นวายครั้งนี้ได้
◆◇◆◇
เพราะผมมีเรื่องที่อยากปรึกษา ก็เลยจำเป็นต้องมา—แม้จะไม่อยากมาอย่างแรงก็ตาม ในตอนที่ผมมาถึงห้องบัลลังค์ เหล่า13 นายพลปีศาจ ก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
แน่นอนว่าทุกคนต่างคุกเข่ากันอยู่ แต่แทนที่ตัวจะดูเล็กลง สัดส่วนร่างกายของพวกเขานั้นต่างกัน บางคนยังมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน แถมขนาดตัวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นต่อให้จะมองไปตามปกติ ภาพที่เห็นจะทำให้ระยะใกล้ไกลมั่วซั่วไปหมดจนมึน
จะว่าไป 13 นายพลปีศาจ ล้วนเป็นบอสประจำดันเจี้ยนที่มีเลเวลตั้งแต่ 110 ถึง 130 ขณะที่เลเวลสูงสุดของผู้เล่นถูกจำกัดไว้ที่ 99 (แม้ว่าค่าสถานะจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับหลังการเกิดใหม่ครั้งที่ 1, 2 และ 3 ทำให้หลังจากเกิดใหม่ครั้งที่ 3 ผู้เล่นจะมีค่าพลังที่เทียบเท่ากับ เลเวล250 แต่ถึงกระนั้น สำหรับบอสในระดับนี้ซึ่งออกแบบมาเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้เล่นที่เลเวลตันแล้ว ก็ยังไม่ได้ช่วยให้เกิดความได้เปรียบมากนัก) พวกเขาก็เลยไม่ใช่แค่ แข็งแกร่ง ธรรมดา
แต่เป็นปีศาจชัดๆเลยละ
โดยทั่วไปแล้ว มอนสเตอร์ศัตรูธรรมดาๆที่พบในเกมสามารถจัดการได้ง่าย ๆ โดยผู้เล่นเพียงคนเดียวที่อยู่ในเลเวลใกล้เคียงกัน แต่ตามทฤษฎีแล้ว บอสที่สามารถล้มได้ด้วยคนคนเดียวนั้น มักจะมีเลเวลต่ำกว่าผู้เล่นราว 20 ถึง 30 เวลเพื่อสร้างช่องว่างความปลอดภัยให้เหมาะสม
ดังนั้น เจ้าพวกนี้จึงไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ปราบได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ต้องเป็นกลุ่มผู้เล่น (ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักที่ไม่ใช่สมาชิกกิลด์เดียวกันเพื่อปราบพวกมัน) แต่ถ้าถูกขอให้สู้คนเดียวล่ะก็… ผมว่าคงจะพอล้มตัวที่อ่อนแอที่สุดได้ในเวลาซัก2-3ชั่วโมง ถ้ามีอุปกรณ์ครบมือและมีโพชั่นไม่จำกัดละนะ..ไม่สิ…ชักจะลังเลแล้วแฮะ? แต่ว่าผมจะทำให้เต็มที่นั่นแหละ!… แต่ถ้าเกิดดันมีมอนสเตอร์อ่อนแอตัวอื่นอีกซักตัวการโจมตีใส่ผมกลางคัน ผมก็ตายแหง๋!!
มันจะเป็นการต่อสู้ที่ลำบากและเสี่ยงตายสุดๆ แล้วเจ้าพวกนี้ก็มักจะมีการโจมตีตายทันทีวงกว้างขนาด 16×16 ช่อง แล้วผมที่ใช้เกราะบางเป็นกระดาษ แถมเน้นหวดแล้วหนีค่อยๆลดพลังคู่ต่อสู้นะ เจ้าพวกนี้นับเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เข้ากับผมสุดๆแล้ว
–แต่ก็นะ ก็ยังมีไอ้บ้าบางคนรั้นจนเอาชนะบอสได้ด้วยตัวคนเดียว จนถึงขนาดได้ฉายา “ผู้ชนะหนึ่งเดียว(โดคุดันเซนโกะ)” จากทีมผู้พัฒนาด้วย! และแน่นอนว่า เจ้านั่นเป็นสมาชิกกิล์ของผมเองแหละ!!
…เพราะงี้ผมถึงรู้สึกไม่สบายใจกับเจ้าพวกนี้ยังไงละ
ต่อให้จะบอกว่าอยู่ฝั่งเดียวกับผมก็เถอะ แม้จะเป็นแค่การดีดหน้าผากเบาๆ ผมก็ตายได้เลยแหละ
แถมรูปลักษณ์ของเจ้าพวกนี้เองก็สมกับเป็นบอสดันเจี้ยนเช่นกัน ยิ่งใหญ่และน่ากลัวสุดๆ
ขนาดตัวที่เล็กที่สุดยังมีความสูง 10 เมตรเลยนะ(แถมไม่ใช่ความยาวโดยรวมด้วย!) ตัวใหญ่ที่สุดก็สูงกว่า 50 เมตร (แต่เข้าห้องไม่ได้ ก็เลยย่อขนาดตัวเองลงมา) ต่อให้มองยังไงก็ไม่ใช่ขบวนร้อยปีศาจแล้วละ แต่เป็นกองเทพของเทพปีศาจที่พร้อมจะมาล้างโลกชัดๆ เป็นพระคุณม๊ากมากเลยครับ!
หรือบางทีผู้พัฒนาอาจจะหมดไอเดียกันไปหมดแล้ว ก็เลยเอาตัว เดโมกอร์กอน ลิงบาบูนสองหัว ช่วงล่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานและมีหนวด ,ปูนีฟทาล หมอกที่มีรยางค์งอก และ กงกง งูที่มีหัวเป็นมนุษย์และมีผมสีแดง การที่เจ้าพวกนี้มามีตัวตนจริงๆมันไม่ตลกเลยนะ
ว่าแต่ เทพจากตำนานคธูลูที่แค่เห็นก็ทำค่า SAN (ค่าสติ)ลดฮวบๆไม่ใช่หรอ แล้วแบบนี้จิตใจของผมยังจะโอเคอยู่รึเปล่านะ? หรือจริงๆมันพังไปแบบไม่รู้ตัวแล้วกัน
ดังนั้น ผมที่เข้าไปในห้อง และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่สูงขึ้นไปหลายขั้น ก็มองหาทางออกฉุกเฉินด้วยความรวดเร็วเพื่อที่ผมจะหนีได้ทุกเมื่อ
จริงๆข้างหลังเก้าอี้ก็มีประตูบานคู่ยักษ์เบิ้มที่ผมใช้เข้าและออก อยู่ แต่เทนไกกับโคคุโยเป็นคนเปิด คนละข้าง ทั้งสองมือ –เห็นแบบนั้น ประโยคที่ว่า ‘ผู้ที่จะผ่านประตูนี้จงทิ้งความหวังทิ้งไปเสีย’ ก็ผุดขึ้นมาเลยละ– ถ้าจะต้องหนีฉุกเฉินจริงๆ ยังไงด้วยแรงของผมก็โดนจับได้แน่นอน
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นประตูทางเดินด้านซ้ายของผมสินะ
ตรงนั้นมีประตูอยู่ 3 บาน
ถ้าผมวิ่ง ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 วิถึง แต่ปัญหาคือผมใส่ส้นสูง 5 เซนมาในวันนี้นะสิ
ในสภาพไม่มั่นคงแบบนี้จะวิ่งเต็มแรงคงไม่ได้ เวลาที่เสียไปตอนผมถอดรองเท้าออกเพื่อวิ่งเท้าเปล่าหมายถึงสถานการ์ณเป็น-ตายได้เลย
ผมควรจะฝึกวิ่งด้วยส้นสูงบ้างสินะ
ระหว่างที่จมอยู่ในความคิด ตัวแทนของ13 นายพลปีศาจ อุมุร แอทาล ที่มีหน้าตาเป็นชายมนุษย์ผมขาว ผิวสีดำ และสวมผ้าคลุมหน้าจากตำนานคธูลู(เป็นร่างแยกของโยก-โซโทส) ก้าวออกมา
“ช่างเป็นเกียติรอย่างยิ่งที่พวกข้า 13 นายพลปีศาจได้ยลโฉมใบหน้าอันงามสง่าของท่านเทพหญิงฮิยูกิ”
หลังจากจบคำกล่าวทักทายอันแสนสุภาพ คนที่ยืนอยู่ข้างๆผม –เรียงตามลำดับคือ เทนไก มิโคโต ผม อุสึโฮะ และโคคุโย – มิโคโตะก็พูดขึ้น
“เงยหน้าขึ้นซะ ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดกับองค์หญิงได้”
หืม? ปกติแล้วเทนไกเป็นคนทำหน้าที่นี้นี่นา แต่วันนี้เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีท่าทางไม่พอใจอย่างแรง
“เช่นนั้น หาท่านจะกรุณา องค์หญิง ข้า ในนามตัวแทนของ 13 นายพงปีศาจมีเรื่องอยากจะยืนยันกับท่านครับ”
สายตาของเขาจับจ้องไปยังฝั่งขวาของผม ที่มีเทนไกและมิโคโตยืนอยู่
“องค์หญิง จริงหรือไม่ที่ว่าในงานนี้จะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับการโปรดปรานจากท่าน?”
อ๋าาา!! งานที่ที่ว่าในเวลาแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องที่ใครเป็นคนติดตามผมไปเมืองหลวงที่จะไปเยี่ยมชมพรุ่งนี้แหงเลย
ครั้งนี้ผมรับเอาคำแนะนำจากหัวหน้ากิลด์คอนราดมา และตัดสินใจว่าจะให้มิโคโตะไปด้วยกัน แล้วผมก็บอกทั้งพวกเขาและเหล่าสี่ราชามารสวรรค์ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติแหละนะที่เหล่านายพลโต๊ะกลมจะไม่ค่อยยินดีกันนัก ในเมื่อเป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจข้ามหัวพวกนี้ไปนี่นา
อีกอย่าง ครั้งล่าสุดที่มีแค่เทนไกคอยติดตามผมเพียงคนเดียว ก็ได้รับเสียงบ่นมาจาก7 อสูรแห่งหายนะมากมหาศาลเลยละ… พอมองย้อนกลับไปแล้ว แบบนี้คงจะดีกว่า
หลังจากตอนนั้น เราก็เข้ายึดดันเจี้ยนซากโบราณสถานที่ชายแดนของเมืองอาระ แล้วก็เข้าทำลายเสียจนเหลือแต่ซากเพื่อสงบเหล่า7 อสูรแห่งหายนะ พ่วงด้วยสำรวจพื้นที่ละนะ –อุสึโฮะบ่นว่าเข้ายึดทีละชั้นนะยุ่งยากเกินไป แล้วโคคุโยก็ฟาดทีเดียวระเบิดทะลุ10ชั้นไปจนถึงห้องบอสเลย (บอสคือไฮดร้า 5 หัวละ) หลังจากนั้น เราก็ตัดสินใจกันว่าทิ้งไว้แบบนี้คงจะไม่ดี ก็เลยส่งคนไปซ่อมแซมและปรับปรุงอยู่ เพราะงั้นตอนนี้พวก 7 ตัวก็เลยไม่อยู่ที่ปราสาทละนะ
ถ้าพวกเขายังอยู่ที่นี่ สถานการ์ณคงยิ่งแย่ไปใหญ่แหงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นผมจะทำยังไงดีละทีนี้? จำนวนที่พาไปได้ก็มีจำกัด แถมยังมี ‘ร่างมนุษย์ผู้หญิง’ ที่จำเป็นอีก บอกตามตรงเลยนะว่าไม่เหลือพื้นที่ให้13นายพลแล้วละ
แต่ถ้าพูดตรงๆไปแล้วเจ้าพวกนั่นคลั่งขึ้นมา ผมตายแหง
“…”
ขณะที่ผมยังคิดไม่ตกอยู่นั้น เทนไกก็ก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้า
“ก็มีแค่ความกังวลไร้สาระเท่านั้นแหละ! ความวิตกของเจ้านะผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว!”
ทว่า เหล่า 13 นายพลกลับมองเทนไกด้วยสายตาแสดงความเป็นศัตรูอย่างโจ่งแจ้ง
“——?!”
นะ-น่ากลัวโครต..!! สายตาของกองทัพเทพมารเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า และตัวผมที่โดนคลื่นความกดดันนั่นกระทบถึงกับหมดสติไปครู่นึงหลังจากไม่ได้เป็นมานาน
ตอนที่ฟื้นขึ้นมา ก็ได้เห็นเทนไกกับ13นายพลกำลังเถียงกันอย่างดุเดือด
“ก็ข้าบอกแล้วไง ว่าเลือดสดนั่นคือที่เตรียมไว้ให้องค์หญิงดื่ม!”
“แต่ปกติหน้าเจ้าก็ไม่ได้ผ่อนคลายขนาดนั้นไม่ใช่หรอไง!”
“มันคือเลือดของพราหมณ์สาวที่มีจิตใจแรงกล้า ข้าก็อยากให้องค์หญิงพอใจ–”
“เจ้าโกหก! เจ้าเป็นคนเดียวที่ได้รับความโปรดปรานจากพระนางใช่ไหม?!”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ไช่!!”
◆◇◆◇
“..พวกนายพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย?”
มิโคโตะถอนหายใจให้คำถามของผม
“วันนี้คือวันที่ 12 ของเดือนที่ 2 ตามปฏิทินปีศาจนะคะ เป็นวันวาเลนไทน์ พวกผู้ชายที่เห็นเทนไกเดินถือกล่องไปมาในมือ ทุกคนก็ตกใจกันใหญ่ ต่างก็นึกว่าเขาเป็นคนที่ได้รับช๊อกโกแล๊ตจากองค์หญิง..”
“เจ้าพวกนี้ควรหยุดก่อเรื่องกับของแค่นี้บ้างนะ”
อุสึโฮะสะบัดหน้าหนีจากความวุ่นวายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
เอ๋?
วันวาเลนไทน์? ทำไมถึงมีเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ได้ละ?!
ก็แบบว่า พวกนายมันเทพมารเทพปีศาจกันไม่ใช่หรอ? ทำไมเป็นบ้าอะไรกับเทศกาลของคริสเตียนกันเล่า?! ไม่แปลกไปหน่อยหรอ??
ขณะที่ผมยังเกาหัวอยู่ การโต้เถียงก็ร้อนแรงขึ้นแล้ว
ด้วยความช่วยเหลือจากมิโคโตะและคนอื่นๆ ผมก็เลยทำช๊อกโกแลตจำนวนมากและแจกจ่ายออกไปจนจัดการเรื่องราวทั้งหมดลงได้
แต่ตอนนี้ ผมชักจะกลัวๆแล้วสิว่าของขวัญวันไวย์เดย์ในเดือนหน้าจะเป็นอะไร
ข้อความจากผู้แต่ง
บรรดา13นายพลปีศาจนั้นเลเวล110กันแล้ว แต่ก็มีตัวที่เลเวล 99 อยู่เหมือนกัน ความสามารถที่มีนั้นไม่ต่างกันมากนัก แต่การที่เลเวล110ได้เพราะเป็นอับเดทเวอร์ชั่นสุดท้ายของเกม และในอาณาจักรนี้ถูกนับเป็นเหมือนตำแหน่งเกียรติยศ
เจ้าหนุ่มผ้าคลุม มีนามว่า Umr At-Tawil
ข้าพเจ้าเขียนไว้ว่า อุมุร แอทาล
แต่ว่า …เอาตรงๆเลยนะเจ้าคะ เจ้านี่มันออกเสียงยังไงเนี่ย! คือกูเกิ้ลออกเสียงว่า ทาวิล แอ๊ก ยู – เอ็ม – อาร์
แล้วก็มีสลับหน้าหลังไปมาด้วย ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านเลิฟคราฟมาก่อน ออกเสียงไม่ถูกเลยเจ้าค่าาา ใครก็ได้ช่วยด้วยยยย
เห็นว่าเป็นผู้เผ้าประตู แล้วก็เป็นร่างแยกของยอท-โซ-ทอสซัมติง ผมงง ฮื้อ
พี่ลิงบาบูนตัวเลื้อยคลานมีหนวด ตอนแรกไอ้เราก็นึกว่าฟิลงู ไม่ช่ายยย นี่มันขาไดโนเสาร์ชัดๆง่ะ แขนก็เป็นปลาหมึกเชียว ยังดีว่าเสิจง่ายหาง่ายนะคะ
กงกง ตอนแรกอ่านอิ้งนึกว่ากอร์กอน แต่เอ้ กอร์กอนทำไมหน้าคนผมแดง.. ม่ายช่ายอีกแล้วว นี่กงกง ท่านเทพจากจีน ว่ากันว่าหัวสีทองแดง เป็นมังกือเลยนะเออ
และตัวสุดท้าย
“ปูนีฟทาล หมอกที่มีรยางค์งอก”
プニーフタール Pneeph Taal
อะไรกันนะครับ ตัวอะไรไม่เคยได้ยินชื่อ ไม่รู้จัก เสิจก็ไม่เจอ เสียเวลาทำความเข้าใจไปครึ่งชม.เพื่อที่จะสรุปว่า
“หมอก”
เอ้อ หมอกก็หมอก หมอกมีหนวดก็ได้ เอาเล้ย เต็มที่ ยังไงก็ปีศาจอยู่แล้ว ไม่มีร่างมีแต่หนวดก็สานฝันชายหนุ่มดี—- แค่กแค่กแค่ก
อย่างน้อยเจ้าพวกนี้ก็ไม่น่ามีบทในเนื้อเรื่องหลักหรอกมั้ง ….ใช่ไหมนะ? T^T
และสุดท้ายนี้….
.
.
อื้ม ติดเกมเจ้าคะ เลยแปลช้า ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยเจ้าคะ //โค้งลงไปเล่นเกมต่อ แค่ก–
ถ้ารูปใหญ่ไปขออภัยนะคะ ไม่นึกว่าจะเบิ้มขนาด
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ