ร่างแม่แบบทดลองสิ้นใจแล้ว!
ทุกคนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ในตอนท้ายเห็นได้ชัดว่าร่างแม่แบบต้องการพูดอะไรบางอย่างและมันเกี่ยวข้องกับหงฉี่ฮว๋า แต่เธอก็ไม่สามารถพูดมันจนจบได้ ในตอนนี้ไป๋อี้ไม่สามารถบรรยายถึงความผิดหวังในใจของเขาได้ แต่เดิมเขาเพียงแต่เก็บความเจ็บปวดจากการตายของหงฉี่ฮว๋าไว้ในใจ แต่ทันใดนั้นเมื่อเขาเกือบจะได้รู้ข่าวในเรื่องราวที่แตกต่างออกไป ความหวังนั้นกลับหายไปในพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรางวัลที่ร่างแม่แบบทดลองบอกในตอนท้ายอีก สิ่งนั้นคือหยดเลือดนั้นเหรอ สุดท้ายก็มีเพียงโม่โม่เท่านั้นที่ได้รับไป แต่ใช้อย่างไรนั้นก็ไม่มีใครรู้
บัดซบ!
ไป๋อี้อดไม่ได้ที่อยากจะสบถออกมาในตอนนี้ แต่ทันใดนั้นกลิ่นชนิดหนึ่งก็ค่อย ๆ เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของแม่แบบและค่อย ๆ คละคลุ้งเต็มโพรงจมูกของทุกคน ทันทีที่เขาได้กลิ่นนี้ไป๋อี้ก็ตะลึงอย่างมาก จากนั้นความสับสนมึนงงเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นและค่อย ๆเดินไปหาร่างแม่แบบทดลอง …… ฉันอยากกินจริง ๆ ความอยากอาหารนี้ไม่ใช่ความหิวกระหาย แต่เป็นความรู้สึกราวกับเมื่อได้กลิ่นอาหารอันโอชะที่ไม่มีอะไรเทียบได้ในโลกนี้จนอยากจะกลืนกินมัน
ขณะที่ไป๋อี้กำลังจะกัดที่นิ้วของร่างแม่แบบ เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที ไป๋อี้จึงรีบวิ่งออกมาและกระแทกชนเข้ากับทุกคนจนทำให้พวกเขาล้มลง หลังจากที่วูล์ฟล้มลงกับพื้นความรู้สึกสับสนงุนงงที่เกิดจากกลิ่นนั้นในที่สุดก็ค่อย ๆ หายไปทีละนิดทีละนิด
“ไป๋อี้ เกิดอะไรขึ้น?”
“กลิ่นนั่นไม่ปกติ!” ไป๋อี้พูดอย่างเคร่งขรึม “พลังจากการล่อลวงของกลิ่นนี้รุนแรงเกินไป มันแข็งแกร่งกว่าเลือดหยดก่อนหน้านี้เสียอีก มันราวกับดอกป๊อปปี้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเย้ายวนซึ่งเป็นอันตรายฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เมื่อไป๋อี้พูดขึ้นมา ส่วนพูพูก็เดินเข้าไปหาร่างแม่แบบอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะถูกล่อลวงเข้าอีกแล้ว
เมื่อชาร์ไป่กำลังเดินเข้าไปหาร่างของแม่แบบทดลองในครั้งนี้มันก็กัดพูพู จากนั้นก็กระแทกใส่ผิวหนังที่แข็งกร้าวของพูพู มันยังไม่ได้ถูกชาร์ไป่กัด หลังจากนั้นมันก็มองไปที่ชาร์ไป่ด้วยความโกรธราวกับว่ามันไม่พอใจอย่างมากกับการที่มาก่อกวนมัน มันเริ่มมีท่าทีดุร้าย พูพูปะทะกับชาร์ไป่ ทั้ง ๆ ที่พูพูนั้นนับถือชาร์ไป่เป็นหัวหน้าอยู่เสมอ
เดิมทีชาร์ไป่ทำเพียงแค่รับมือเท่านั้น แต่หลังจากที่โดนปะทะอยู่หลายครั้ง ชาร์ไป่ก็ค่อย ๆ คลั่งขึ้น มันย่ำลงกับพื้นด้วยขาทั้งสี่ของมัน จากนั้นก็กระแทกเข้าใส่พูพูอย่างดุเดือด เมื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของชาร์ไป่แล้วจะเห็นได้ชัดว่าชาร์ไป่หมายจะฆ่าพูพูจริง ๆ
ไป๋อี้ได้แต่ส่ายหัวและมองไปยังทุกคน
แย่จริง!
ชาร์ไป่หยุดไม่อยู่แล้ว ความรู้สึกในใจที่อยากครอบครองโดยไม่มีเหตุผล ความบ้าคลั่งที่ต้องการกินร่างของแม่แบบทดลอง จนสามารถจะฆ่าสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ ได้ ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ไป๋อี้เท่านั้นที่พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คนอื่น ๆ ก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในใจของพวกเขา ในขณะเดียวกันเมื่อมองไปที่ทุกคน พวกเขาต่างก็มีดวงตาสีแดง วูล์ฟและเฮลัวส์ดึงอาวุธของตัวเองออกมา
ม่านตาจำลองธรรมชาติ——สร้างความสับสน!
ทันใดนั้นรูปแบบรูม่านตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นภายในใจของทุกคนจึงราวกับถูกปรามลง ในขณะนี้ภายในใจของทุกคนเหมือนถูกบีบรัดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจิตใจของพวกเขาก็กลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้ง
“ไป ออกไปจากที่นี่!” ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าการอยู่ที่นี่อาจทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายมากขึ้น ชาร์ไป่และพูพูเพิ่งจะแยกออกจากกัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันยังคงประหลาดใจอยู่เล็กน้อย โม่โม่และเวอร์เนอร์ได้เคาะหัวของทั้งคู่คนละที นั่นทำให้ทั้งสองรีบตามไป ในเวลานี้กลิ่นที่รุนแรงของร่างกายแม่แบบยังคงแผ่กระจายไปทั่ว
ไป๋อี้เดินมาสุดทาง แต่ก็ต้องหยุดกะทันหัน จากนั้นก็มองไปทางร่างแม่แบบ
ตามทางลิฟต์ กลิ่นที่รุนแรงนี้ค่อย ๆ ส่งผ่านเข้าไปในจิตของร่างทดลองทั้งหมด จากนั้นสิ่งที่ล่อใจจนไม่อาจจินตนาการได้ก็เกิดขึ้น —— ความอยาก …… กินสิ่งที่มีกลิ่นนั้นออกมา พวกเขาต้องการผูกขาดสิ่งนั้นเป็นของตนเอง
ทันทีที่พวกเขามาถึงประตูไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ได้พบกับร่างทดลองและสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอื่น ๆ อย่างไรก็ตามกลุ่มทดลองกลุ่มนี้มาที่นี่เพราะได้ถูกกลิ่นนั้นล่อมา พวกเขาไม่สนใจไป๋อี้และเพื่อนโดยสิ้นเชิง แต่รีบวิ่งไปที่ร่างแม่แบบทดลองที่ยังคงอยู่ตรงกลางอย่างบ้าคลั่ง ไป๋อี้และคนอื่น ๆ หันหน้าไปอีกทาง จากนั้นก็พบว่าหลังจากกัดเนื้อของแม่แบบทดลองแล้ว ร่างทดลองทั้งหลายก็คลั่งไคล้และมองไปที่อีกฝ่ายด้วยดวงตาสีแดง จากนั้นภายในสองวินาทีพวกเขาก็ต่อสู้กันเอง
มีรสชาติของเลือดผสมอยู่ด้วย ซึ่งนั่นดูเหมือนว่าจะเป็นการกระตุ้นรสชาติมากยิ่งขึ้น ทำให้เนื้อหวานและเย้ายวนมากขึ้นไปอีก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เมย์ริสถามพลางขมวดคิ้ว
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้เป็นโอกาสที่เราจะหนีแล้วล่ะ ไปกันเถอะ” ไป๋อี้พูดกับทุกคนจากนั้นทั้งกลุ่มก็วิ่งไปที่ลิฟต์อย่างลนลาน ระหว่างทางไป๋อี้และเพื่อน ๆ เกือบจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดร่างทดลองนับไม่ถ้วนราวกับกระแสน้ำ อย่างไรก็ตามสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ได้โจมตีไป๋อี้และเพื่อน ๆ เหมือนแต่ก่อนที่มันเคยทำ แต่พวกมันกลับวิ่งเข้าไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ซึ่งร่างแม่แบบถูกกักขังด้วยท่าทางที่สิ้นหวังเพราะพวกมันกลัวว่าจะวิ่งช้าเกินไป
คราวนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ วิ่งไปในทิศทางที่แตกต่างออกไปจากรังที่สี่ หลังจากที่ลิฟต์ถูกทำลาย การปีนขึ้นไปก็ดูจะยากยิ่งขึ้น
ขณะที่พวกเขาวิ่งไปในทิศทางของรังที่ห้า ไป๋อี้และเพื่อน ๆ ก็พบว่าอีกด้านหนึ่งของทางเดินจากทางที่ลิฟต์พังทลายตรงรังที่สี่นั้น มีสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับน้ำพุ สัตว์ร้ายเหล่านี้ทั้งหมดรีบวิ่งไปที่ห้องที่มีร่างแม่แบบทดลองอยู่อย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็เริ่มต่อสู้กันอย่างหมดท่า สัตว์ประหลาดทั้งหมดต้องการรีบวิ่งไปตรงกลางเพื่อกินเนื้อและเลือดของร่างแม่แบบ แต่สภาพแวดล้อมของร่างกายแม่แบบนั้นมีพื้นที่จำกัด สัตว์ประหลาดร่างทดลองที่อยู่รอบนอกสามารถกัดและฆ่าอะไรก็ตามที่ขวางหน้าพวกมัน เพื่อต้องการแย่งชิงตำแหน่งที่สามารถกัดกินร่างแม่แบบได้
ในไม่ช้าร่างแม่แบบก็จมอยู่ในกองสัตว์ประหลาดทั้งหลาย แม้ว่าร่างกายของร่างแม่แบบจะถูกกัดไปหลายส่วน แต่ร่างกายของแม่แบบก็ยังถูกกินส่วนต่าง ๆ ไปมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังดึงดูดสัตว์ประหลาดร่างทดลองทั้งหลายมามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ในตอนนี้ห้องที่ร่างแม่แบบตั้งอยู่นั้นแทบจะกลายเป็นเครื่องบดเนื้ออย่างบ้าคลั่ง โดยเปลี่ยนร่างทดลองที่มีชีวิตทั้งหมดให้กลายเป็นเนื้อและเลือดสดจากการต่อสู้แย่งชิง สัตว์ประหลาดที่ตามมาเบื้องหลังรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่พวกมันยังคงวิ่งไปยังสถานที่แห่งนั้น
ขณะที่กลุ่มของไป๋อี้ขึ้นลิฟต์อีกตัวพวกเขาก็ยังระคนไปด้วยความกลัวอยู่
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ความเจ็บปวดไม่ได้ทำให้ตื่นตัว ตรงกันข้ามมันกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้และปะทะกัน!” เมย์ริสดึงมีดผ่าตัดออกจากแขนของเธอแล้วกดเข้ายังจุดหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มห้ามเลือด ตอนนี้เมย์ริสคิดจะกระตุ้นตัวเองด้วยความเจ็บปวดเพื่อให้ตัวเองตื่นตัว แต่เธอก็เกือบจะเป็นบ้าเพราะเหตุนี้
“อื้ม ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!” ไป๋อี้พยักหน้าจากนั้นก็ขยี้คิ้วตัวเอง
ผลลัพธ์หลังจากที่พวกเขาเข้าพบร่างแม่แบบทดลอง พวกเขาทั้งหมดไม่ได้อะไรเลยใช่ไหม
ไนท์บอกให้พวกเขามาดูร่างแม่แบบ เห็นได้ชัดว่าร่างแม่แบบอาจจะให้บางอย่างกับไป๋อี้ เช่น หยดเลือดใส ๆ เมื่อครู่นี้ ไป๋อี้ไม่ได้ห้ามตอนที่หยดเลือดนั้นหยดใส่ดวงตาของโม่โม่พอดีอย่างน่าแปลกใจ ไป๋อี้เข้าใจว่าหยดเลือดนั้นคงมีความสำคัญมาก แต่ในที่สุดเห็นได้ชัดว่าร่างแม่แบบก็ไม่สามารถประคับประคองชีพไว้ได้ ในเวลานั้นร่างแม่แบบดูเหมือนจะต้องการบอกอะไรบางอย่างกับไป๋อี้ เกี่ยวกับหงฉี่ฮว๋า แต่เธอก็ยังไม่ทันได้บอก
สุดท้ายแล้ว พวกเขาไม่ควรกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะได้ประโยชน์หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือควรออกไปโดยเร็ว
ไป๋อี้และเพื่อน ๆ กำลังรีบขึ้นลิฟต์ ลิฟต์มาถึงจุดสูงสุดในไม่ช้า เมื่อลิฟต์เปิดออกไม่มีสัตว์ประหลาดอยู่ข้างนอก เห็นได้ชัดว่าพวกมันส่วนใหญ่รีบวิ่งเข้าหาร่างแม่แบบอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับไป๋อี้และเพื่อน ๆ
ออกไปจากที่นี่!
กลุ่มของไป๋อี้เดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในแผนที่และรีบไปที่ที่มียาอยู่ ยาที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ —— ยาต้นแบบ PrototyDrug มันคือยาที่แม้ว่ายีนของสิ่งมีชีวิตอื่นจะถูกผสานรวมเข้ามา แต่ก็จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบทางกายภาพ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ายานี้จะมีผลกับทุกคนหรือไม่ แต่ก็ไม่มีอะไรเสียหายที่จะลองรับยาดูก่อน
ระหว่างทางไป๋อี้และเพื่อน ๆ ได้พบกับร่างทดลองรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย ร่างทดลองเหล่านี้แทบจะไม่โจมตีไป๋อี้และเพื่อน ๆ เลย แต่กลับพุ่งเข้าหาร่างแม่แบบอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าไม่ต้องการเสียเวลาเพราะกลัวว่าจะไปถึงสายเกินไป
“ ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าการกินเนื้อของร่างแม่แบบจะมีประโยชน์อย่างไร?” เฮลัวส์พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร แต่ฉันว่าหลังจากกินเข้าไป ฉันอาจจะตายอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอนหลังจากที่เราออกไปแล้ว พวกเราสามารถลองดูได้” ไป๋อี้กล่าว
ทุกคนมองหน้ากันทันที จากนั้นก็มองไปที่ไป๋อี้อย่างติดตลก เมื่อครู่นี้ก่อนที่จะออกมาไป๋อี้วิ่งกลับไป ตัดเนื้อชิ้นใหญ่ออกมาจากนิ้วของร่างแม่แบบ นอกจากนั้นเขายังเก็บไว้ภายในกล่องเซฟของอุปกรณ์หลักของไนท์ในพื้นที่กล่องที่ถูกปิดผนึกอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ไป๋อี้คนนี้คิดเช่นนี้อยู่เสมอ แต่ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เมื่อดูจากระดับความบ้าคลั่งจากกลิ่นและรสชาติที่ร่างทดลองเหล่านี้ตามมาแล้ว เกรงว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถออกมาจากตรงนั้นได้จริง ๆ
……
กลุ่มของไป๋อี้มายังสถานที่ที่ด็อกเตอร์หวังกำลังศึกษายา PrototyDrug ตามที่ไนท์บอกไว้ จากนั้นก็เริ่มค้นหาทันที ที่นี่ดูวุ่นวายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้มันถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นทำลายไปหรือยัง หรือว่ามีคนอื่นมาหามันไปแล้ว อย่างไรก็ตามไป๋อี้และเพื่อน ๆ มีความเห็นโน้มเอียงไปทางข้อหลังมากกว่า อย่างไรก็ตามที่นี่ถูกเปิดไว้อยู่เสมอ เนื่องจากซันไชน์ถูกพรากไปแล้วและหยูหานต้องมาที่นี่เพื่อหามันแน่ ๆ
หลายคนมองอย่างระมัดระวังและในที่สุดก็พบหลอดทดลองของเหลวสีฟ้าอ่อนที่มีสีคล้ายกับยาที่ไนท์พูดไว้ตกแตกอยู่บนพื้น
“ใช่สิ่งนี้หรือเปล่า?” เมย์ริสเอ่ยถาม
“น่าจะใช่!” ไป๋อี้ตอบกลับพร้อมกับหยิบกระบอกหลอดฉีดยาว่างเปล่าที่เขาเตรียมไว้ออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ดูดของเหลวเข้าไปข้างใน ในหลอดทดลองที่แตกมีของเหลวเหลืออยู่น้อยมาก หลอดฉีดของเขาก็มีน้อยเช่นกัน เขาดูดใส่เข้าไป 9 หลอดฉีด …… ไป๋อี้, โม่โม่, วูล์ฟ, เมย์ริสและเฮลัวส์ สำหรับชาร์ไป่และพูพู ไป๋อี้รู้สึกว่าพวกมันคงไม่ต้องใช้แล้ว เพราะตอนนี้รูปลักษณ์ของพวกมันไม่ได้เลวร้ายมาก อย่างไรก็ตามตอนที่พวกมันเปลี่ยนกลับร่างเดิมก็ไม่ได้ต่างออกไปมากนัก
“ไปกันเถอะ” ออกจากที่นี่!
ไป๋อี้วางหลอดฉีดยาลงในช่องลับที่ขอบกล่องเซฟอย่างระมัดระวังจากนั้นก็เอ่ยบอกกับทุกคน
MANGA DISCUSSION