“เตรียมพร้อมกันก็ดีแล้ว อ๊ะ ฉันอยากจะกอดโม่โม่ก่อน” ไนท์มีท่าทีจริงจังอยู่ไม่นาน แล้วเธอก็คึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาโม่โม่ โม่โม่เห็นท่าทางของไนท์จึงรีบซ่อนตัวทันที ไนท์รีบวิ่งไปหาโม่โม่ แต่ไนท์ก็ทะลุผ่านวัตถุไปเพราะเธอเป็นเพียงภาพเสมือนจริงเท่านั้น
ไนท์วนรอบโม่โม่อยู่หลายรอบ จนในที่สุดไนท์ก็เริ่มรู้สึกรำคาญใจ ไม่ว่าเธอจะดูเหมือนจริงแค่ไหน แต่ ‘ร่างกาย’ ของเธอก็ไม่ใช่ของจริง นอกจากเป็นอุปกรณ์หลักขั้นสูงที่ถูกสร้างโดยมนุษย์เพียงเท่านั้น
ไป๋อี้ไม่ได้ปิดอุปกรณ์หลักในทันที แต่ขอให้เมย์ริสช่วยพันผ้าพันแผลโม่โม่ก่อน ต่อไปเรากำลังจะเข้าสู่เส้นทางหลบหนีที่เต็มไปด้วยอันตรายสุดขีด
ไนท์แกล้งหยอกล้อกับโม่โม่ แต่หลังจากพบว่าไนท์ไม่สามารถสัมผัสตัวเธอได้ ในที่สุดโม่โม่ก็ไม่สะทกสะท้านต่อการหยอกล้อของไนท์อีก ซึ่งนั่นทำให้ไนท์ต้องผิดหวัง
“จริงสิ จำเรื่องที่พวกคุณรับปากให้ดี รักษาอุปกรณ์หลักของฉันให้ดี” ท้ายที่สุด ไนท์ก็พูดบางอย่างออกมา
“อื้ม!” ไป๋อี้พยักหน้ารับ
ไป๋อี้มองไปยังใบหน้าของทุกคนอย่างช้า ๆ และทุกคนก็มองไปที่ไป๋อี้อย่างจริงจัง สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและสงบนิ่ง หลังจากได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนมีสติสัมปชัญญะมากยิ่งขึ้น
“เริ่มกันเถอะ!” ไป๋อี้หันกลับไป
เมื่อทำตามขั้นตอนที่ไนท์พูด ระบบอุปกรณ์หลักทั้งหมดก็หยุดชะงักลง หลังจากที่ได้เห็นอุปกรณ์ของไนท์ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง อุปกรณ์หลักของไนท์ …… ถูกปกคลุมไปด้วยพังผืดเนื้อสมองชิ้นเล็ก ๆ หลังจากตกตะลึงอยู่ชั่วขณะหนึ่งไป๋อี้ก็สงบลงทันที แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมจิตสำนึกที่เป็นความคิดอย่างอิสระของไนท์จึงเริ่มเกิดขึ้น
ไป๋อี้หยิบอุปกรณ์หลักของไนท์อย่างระมัดระวังและใส่ไว้ในตู้เซฟลับที่เตรียมมาไว้ก่อนแล้ว จากนั้นก็ปิดล็อกไว้ ไนท์รู้ดีว่ากล่องลับนี้เป็นกล่องป้องกันที่ดีที่สุด ท้ายที่สุดแล้วนี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ไม่นานของไนท์
กล่องความลับที่ทำจากวัสดุพิเศษสีเงินขาวถูกปิดไว้ ไป๋อี้ยกกล่องขึ้นและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“ไป!”
กลุ่มคนวิ่งออกไปด้านนอกของทางเดิน บนข้อมือของไป๋อี้มีแสงกระตุ้นออกมาจากนาฬิกาฉายให้เห็นภาพแผนผังที่โปร่งใสเรียบง่ายในทันทีและจุดเล็ก ๆ บนนาฬิกานั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าทุกคนจะจดจำแผนผังของสถาบันวิจัยทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่อาจจะหลงทางในสถาบันวิจัยขนาดใหญ่แห่งนี้ได้
ในขณะที่อุปกรณ์หลักของไนท์ถูกปิดลง วงจรทั้งหมดก็ถูกตัดขาดกับระบบในสถาบันทั้งหมดในทันที ทันใดนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความมืดมิดและเงียบสงัด หลังจากผ่านไปกว่าสิบวินาทีระบบไฟฟ้าสำรองก็เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ จากนั้นไฟก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง แต่ในเวลานี้ร่างทดลองทั้งหมดก็พบว่าประตูห้องกักขัง …… ได้เปิดออกแล้ว
เปิดแล้ว!
สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่ำอาจไม่ได้สังเกตเห็นมันในทันที แต่ไม่เหมือนกับร่างกลายพันธุ์ LV2 ที่สมบูรณ์แบบทั้งเจ็ด พวกเขามีสติปัญญามากกว่ากลุ่มทดลองอื่น ๆ ดังนั้น พวกเขาจึงค้นพบสิ่งนี้ได้ในทันที
เกิดอะไรขึ้น?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของร่างทดลองทุกคนที่ยังมีสติปัญญาคิดได้ หลังจากเดินออกจากห้องกักขังอย่างระมัดระวังก็พบว่าห้องกักกันอื่น ๆ ถูกเปิดออกหมด ทุกคนก็คิดในใจ ……. ต้องเกิดเหตุการณ์สำคัญบางอย่างขึ้นในสถาบันวิจัยแห่งนี้แน่ ๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากเมื่อนึกย้อนไปถึงความเคลื่อนไหวเมื่อสองเดือนก่อนและการขาดบุคลากรมานานกว่าสองเดือน
ไม่จำเป็นต้องเสียเซลล์สมองคิดวิเคราะห์หาเหตุผล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!
ออกไปได้แล้ว หลังจากที่ร่างทดสอบคนแรกค้นพบสิ่งนี้ ทันใดนั้นร่างทดลองทั้งหมดก็บ้าคลั่ง ทุกคนต่างวิ่งออกมาจากห้องกักขัง จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามอย่างเมามันโหวกเหวกโวยวายไปตามทางเดินต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ความตื่นเต้นในการหลบหนีราวกับการขึ้นสู่สวรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความหิวโหยที่ไม่ได้กินอะไรมานานกว่าสองเดือน การต่อสู้กันและการหลบหนีทำให้ทั้งสถาบันกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจจินตนาการได้
LV2 ทั้งเจ็ดเดินออกจากห้องกักกันอย่างช้า ๆ แต่ NO.0721-2 ‘มนุษย์’ ที่เคยหัวเราะก่อนหน้านี้ยังคงมีรอยยิ้มแฝงเล่ห์ขี้เล่นบนใบหน้าของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า …… !” แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันวิจัยแห่งนี้ แต่นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างแน่นอน
สายพันธุ์ที่อยู่ในระยะหลับใหลตื่นขึ้นจากการนอนและถูกครอบงำด้วยความหิว เขาพุ่งเข้าหา NO.0721-2 ในทันที ในตอนนี้ NO.0721-2 กำลังกางอุ้งเท้าของเขาด้วยท่าทางมึนงง เขาสูดอากาศข้างนอก นี่แหละคือ …… ความรู้สึกอิสระ เมื่อร่างทดลองในระยะหลับใหลโผถลาเข้ามา ร่างของ No.0721-2 ก็เลี่ยงหลบ ทันใดนั้นร่างทดลองในระยะหลับใหลก็กระเด็นออกไป อย่างไรก็ตามร่างทดลองในระยะหลับใหลที่กระเด็นออกไปยังไม่ถึงสิบเมตร ก็ถูกหยุดเคว้งกลางอากาศ คอของเขาถูกตะปบอย่างรุนแรงโดย NO.0721-2 จากนั้นก็ถูกดึงทึ้งฉีกขาดด้วยแรงอันมหาศาล
เกิดเสียงฉีกร่างดังแคว่กขึ้น หัวของร่างทดลองในระยะหลับใหลกระเด็นออกมาจากแรงฉีกทึ้งที่ทรงพลัง เลือดสีสดแดงฉานสาดกระเซ็นราวกับน้ำพุ
NO.0721-2 อ้าปากกว้าง เลือดที่กระเซ็นออกมาทำให้เขาใช้ลิ้นเลียมันอย่างตะกละตะกลาม จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันฉินเทียนเหอกลับมาแล้ว รอก่อนเถอะ ฉันเกรงว่าทุกคนคงจะคิดไม่ถึงแน่ พวกเขาพาฉันเข้ามาที่นี่และฉันก็สามารถออกไปได้โดยที่ยังคงมีชีวิตอยู่
ในอีกด้าน LV2 อีกคนหนึ่งก็สงบลงมาก เขามองไปยังประตูที่เปิดออก โดยที่มีร่างทดลองอื่น ๆ ที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ข้างนอกนั่น เขาจึงเดินออกไปข้างนอกช้า ๆ
ในที่สุดฉันก็ออกไปได้!
ออกัสตินค่อย ๆ ขยับร่างกายที่ใหญ่โตและเดินออกไปข้างนอก มีเพียงร่างทดลองที่เข้ามาโจมตีออกัสตินเท่านั้นที่ถูกตะปบกลับไป
สามารถออกไปได้แล้ว แต่ออกัสตินรู้สึกว่าไม่มีความตื่นเต้นในใจเท่าไหร่นัก ด้วยร่างสัตว์ประหลาดแบบนี้เขาจะเผชิญหน้ากับครอบครัวและเพื่อนของเขาอย่างไรหลังจากที่ได้ออกไปข้างนอกแล้ว!
นอกจากมนุษย์สองคนในระยะกลายพันธุ์ LV2 แล้วก็ยังมีอีกห้าร่างที่กำลังเข้าสู่ LV2 ที่เดินออกจากห้องกักขังของพวกเขาเช่นกัน ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายค้างคาวก็อ้าปากกว้างและร่างทดลองอื่น ๆ ทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ก็ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นไม่กี่นาทีค้างคาวก็หยุดส่งเสียงขู่ฟ่อและบินออกไปอย่างกะทันหันโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่นอนกองอยู่กับพื้น
“เฮ้ ค้างคาว หาทางออกได้แล้วหรือยัง ถ้าไม่ถือสาออกไปด้วยกันกับฉันเถอะ” ออกัสตินเห็นพฤติกรรมของค้างคาว ก็รีบตามออกไปด้วยกันทันที
ค้างคาวตัวใหญ่เพียงแค่มองไปที่ออกัสติน แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจเขานัก ตราบเท่าที่ร่างทดลองไม่สูญเสียความรู้สึกนึกคิดในช่วงเวลาที่ดุร้าย สติปัญญาขั้นพื้นฐานของพวกเขาก็จะยังคงอยู่ ในขณะที่ร่างทดลองทั้งเจ็ดของสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรเข้าสู่ขั้นตอนระยะกลายพันธุ์ LV2 แม้ว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกัน แต่พวกเขาก็ยังรู้จักกัน
ร่างทดลองอื่น ๆ ไม่ได้โง่มากนัก พวกเขาเดินตามทั้งสองคนไปทันทีและวิ่งหนีออกไปข้างนอก
ในทำนองเดียวกันพวกเขาถูกกักตัวไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของรังผึ้งทั้งห้าและอีก 30 ร่างที่อยู่ในระยะกลายพันธุ์ที่มีข้อบกพร่อง LV2.1 ก็รีบออกจากห้องกักขังเช่นกัน ทั้ง 30 คนเหล่านี้ต่างตื่นเต้นมาก ทุกคนต่างร้องด้วยความตื่นเต้นจากนั้นก็เริ่มทำลายและฆ่าโดยไม่มีเหตุผล ในเวลาไม่ช้าทำให้แม้แต่ร่างทดลองที่โหดร้ายอื่น ๆ ก็ฉลาดพอที่จะอยู่ให้ห่างจากคนทั้งสามสิบคนนี้
สถาบันวิจัยนั้นมีความแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้วัสดุพิเศษนั้นในสถานที่อื่นๆอย่างสมบูรณ์ยกเว้นห้องกักขังพิเศษเท่านั้น ภายใต้การทำลายล้างของระยะกลายพันธุ์ที่บกพร่องทั้ง 30 ร่างนี้ จู่ ๆ พวกมันก็เริ่มพังทลายและสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ปีศาจอสรพิษยักษ์’ ที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เคยพบครั้งแรกเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดุร้ายที่สุด แน่นอนว่าแม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะมีชื่อว่าปีศาจอสรพิษยักษ์ในตำนานแต่ก็มีเพียงความคล้ายคลึงกับสัตว์ในตำนานเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่มีกฎที่แน่นอนสำหรับการเปลี่ยนแปลงของร่างทดลอง
……
“ได้ยินเสียงอะไรไหม?” หยูหานถามหนิงเสวี่ย
หยูหานและไป๋อี้มีการตัดสินที่คล้ายกัน คือแทนที่จะออกไปผจญภัยในป่าจะเป็นการดีกว่าที่จะปลอดภัยอยู่ในสถาบันวิจัยแห่งนี้ สำหรับเรื่องอาหารนั้นเนื่องจากมีร่างทดลองจำนวนมากในสถาบันวิจัยแห่งนี้มีหรือจะอดอยาก ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดจากเซลล์ดัดแปลง หยูหานและหนิงเสวี่ยได้พบข้อมูลมากมายในสถาบันวิจัยระดับสูงและกำลังเตรียมการศึกษาโดยละเอียด
“มีเสียงอะไรเหรอ?” หนิงเสวี่ยกำลังเรียบเรียงและจดจำข้อมูล เธอรู้สึกงงงวยกับคำถามของหยูหาน หนิงเสวี่ยเต็มใจติดตามหยูหานอย่างสุดหัวใจ ไม่มีใครสามารถเข้าใจความรู้สึกของเธอได้จริง ๆ
“อย่างนั้นเหรอ?” หยูหานงุนงงเล็กน้อยและอ่านข้อมูลต่อไป
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่กี่นาทีอารมณ์ของหยูหานก็ยังคงสงบอยู่ ในเวลานี้หยูหานนึกถึงสิ่งที่ หงฉี่ฮว๋าพูดไว้ในเวลานั้น ‘เธอเชื่อว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะต้องออกมาได้อย่างแน่นอน!’
เธอเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน?
อ๊ะ แย่แล้ว!
หัวใจของหยูหานเต้นไม่เป็นจังหวะและวิ่งออกไปข้างนอกทันที หลังจากที่เขาออกมาข้างนอกเขาสามารถได้ยินเสียงดังกล่าวได้อย่างใกล้และชัดเจนมากขึ้น เสียงของสัตว์ประหลาดที่แพร่กระจายออกมาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ …… ผู้ชายนั้น ไป๋อี้ยังไม่ตาย แต่ไม่รู้ว่าเขาปล่อยสัตว์ประหลาดทั้งหมดออกมาได้อย่างไร
บ้าเอ๊ย ผู้ชายคนนั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลย!
หยูหานก่นด่าอยู่ในใจและรีบคว้าตัวหนิงเสวี่ยออกมา
“รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ สัตว์ประหลาดด้านล่างหนีออกมาได้หมดแล้ว” หยูหานยังคงรักหนิงเสวี่ยอยู่ เพราะเธอเต็มใจที่จะติดตามเขามาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องกลายเป็นคนที่เดินทางอย่างโดดเดี่ยวจริง ๆ
ทั้งสองเริ่มรวบรวมสิ่งที่สำคัญอย่างรวดเร็วจากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างสิ้นหวัง ในตอนนี้หยูหานรู้สึกว่ามันจะเป็นการสูญเปล่า สิ่งสำคัญหลายอย่างในที่นี้ไม่สามารถทิ้งไว้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็น ‘ปีศาจอสรพิษยักษ์’ ในตำนานที่ดุร้ายก็โผล่หัวออกมาไม่ว่าเอกสารพวกนั้นมันจะสำคัญแค่ไหนก็ตามหยูหานก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไป
ตอนที่เขาได้เห็นปีศาจอสรพิษยักษ์เป็นครั้งแรก มันทั้งเกรียงไกร ดุร้าย และแข็งแกร่ง พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่ามีสัตว์ประหลาดมากน้อยแค่ไหนในสถาบันวิจัยนี้
ทั้งสองวิ่งออกจากสถาบันวิจัยอย่างบ้าคลั่ง ทิ้งภาพสถาบันวิจัยทั้งหมดไว้เบื้องหลัง พวกเขายังคงหนีไปเหมือนระเบิดที่บ้าคลั่ง สัตว์ประหลาดดุร้ายจำนวนมากโผล่ออกมา หลังจากพวกเขาหลบหนีอย่างบ้าระห่ำเป็นเวลานาน หยูหานและหนิงเสวี่ยก็หยุดและมองไปยังทิศทางของสถาบันวิจัยด้วยความหวาดกลัว มันน่ากลัวมาก ถ้าช้าอีกหน่อยเกรงว่าอาจต้องถูกกินโดยสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นอน
MANGA DISCUSSION