“แต่ว่านะ …… นี่มันไม่เหมือนโลกในเทพนิยายที่ทั้งโลกหมุนรอบคน ๆ เดียวหรอกนะ มันไม่มีอยู่จริง”
ไป๋อี้พูดพร้อมกับค่อย ๆ เดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาหยูหานอีกครั้ง ในขณะนั้นเองสัตว์ประหลาดก็ไล่ตามเขาทั้งสองมาทางด้านหลัง แต่ทันใดนั้นทั้งสองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกัน ปากขนาดใหญ่ของมันงับลงมาจนเกิดเสียงดังแกรบขึ้น สัตว์ประหลาดสองตัวนึกว่าอาหารถึงปากของพวกมันแล้ว แต่เมื่องับปากลงมากลับมีแต่ความว่างเปล่า
เคร้ง หยูหานใช้โล่กระดองเต่าป้องดาบของไปอี้จนเกิดเป็นเสียงกระทบกันดังลั่น ทันใดนั้นไป๋อี้ก็รู้สึกชาที่มือเล็กน้อย ทว่าไม่มีร่องรอยใด ๆ เกิดขึ้นบนโล่กระดองเต่าตัวนั้นเลย มันแข็งแกร่งอย่างที่คิดจริง ๆ ในเวลานี้งูหลามสีทองก็โน้มตัวมาข้างหน้าและหมายจะกัดไป๋อี้ ในขณะเดียวกันดาบญี่ปุ่นของหยูหานที่หักไปครึ่งหนึ่งก็ยังอยู่ในมือขวาของเขา หยูหานยังไม่ได้ทิ้งมันและใช้ดาบของเขาแทงไปที่ท้องส่วนล่างของไป๋อี้
ดาบคะตะนะในมือขวาของไป๋อี้รับมือกับหัวงูและในเวลาเดียวกันมีดทำครัวในมือซ้ายของเขาก็เข้าขวางดาบญี่ปุ่นของหยูหาน เสียงเคร้งคร้างดังติดต่อกันสลับไปมา ไป๋อี้แสยะยิ้มอย่างไม่แยแส …… เขามีทักษะ——ของเชฟ!
……
รีบรุดตัวออกจากประตูโลหะนี้อย่างนั้นเหรอ?
ไม่สิ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือฆ่าฝ่ายตรงข้ามโดยตรง จะว่าไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างสุดชีวิต แต่เป็นเพราะมีสัตว์ประหลาดเหล่านี้โผล่ออกมาจึงได้พักการต่อสู้ไว้ชั่วครู่ ดังนั้นเมื่อประตูบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออก ทั้งสองฝ่ายจึงละทิ้ง ‘ความร่วมมือ’ ที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้เมื่อครู่นี้ทิ้งทันทีและเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตามระหว่างคนทั้งสองกลุ่มก็ยังมีสัตว์ประหลาดต่าง ๆ เพิ่มเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ทำให้การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองกลุ่มน่าตื่นเต้นหวาดเสียวมากขึ้นไปอีก
เบ็นสันวิ่งไปที่ประตูใหญ่ เขามั่นใจว่าตราบใดที่เขาเฝ้าประตูอยู่จะไม่มีใครในทีมของไป๋อี้สามารถออกไปได้ คนกลุ่มนั้นพยายามปกป้องนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในที่แห่งนี้และต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเลยแล้วกัน ให้เหมือนกับที่กลุ่มนักวิจัยเคยทำมาก่อน
คนในทีมของไป๋อี้เห็นว่าเบ็นสันกำลังจะรีบวิ่งไปที่ประตูใหญ่ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ทั้งวูล์ฟและมาร์ตินต่างก็คิดอยากจะพุ่งตัวออกไปข้างหน้า
แม้ว่ามาร์ตินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ แต่ความสามารถในการฟื้นตัวของเขาในปัจจุบันนั้นยอดเยี่ยมทีเดียว เหมือนกับหนวดหมึกในตอนนั้นที่มีความสามารถในการฟื้นตัวของร่างกายและมีความยืดหยุ่นที่แข็งแกร่งมาก
ยิ่งไปกว่านั้นมาร์ตินรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากตัวเขาเองและเขาต้องตัดสินใจทำบางอย่างด้วยตัวเอง
ตอนนี้หัวใจของวูล์ฟเต็มไปด้วยความฮึกเหิมที่โหดเหี้ยม เขาอยากเห็นว่าผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ไป๋อี้และเฮลัวส์ต้องเผชิญหน้าอย่างยากลำบากจะร้ายกาจสักแค่ไหนเชียว
การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่านักวิจัยของสถาบันวิจัยจะตั้งชื่อระดับการผสานรวมทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต คือ LV1-1 ระยะหิวโหย, LV1-2 ระยะดุร้าย และ LV1-3 ระยะหลับใหล แต่ในความเป็นจริงไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างกลุ่มเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดคือจะไม่มีระดับที่เกิดการอัพเกรดอย่างก้าวกระโดดแล้วจากนั้นก็มีความสามารถแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากกว่าเป็นสิบเท่าขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงวูล์ฟเข้าสู่ช่วงแห่งความรุนแรงดุร้าย แต่เพราะเขาอยู่กับไป๋อี้และเพื่อน ๆ ตลอดเวลา ทุกคนจึงเป็นมิตรภาพที่ดีให้แก่เขา ดังนั้นความกังวลและความรุนแรงดุร้ายของเขาจึงถูกเก็บซ่อนไว้
……
ในเวลานี้เฮลัวส์และเมย์ริสได้ขัดขวางโนเอลและบาลาวีเอาไว้
“เฮ้ ๆ สาวสวยทั้งสอง อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกันโดยตรงนี่นา ทำไมถึงได้ทำท่าทีโหดร้ายน่ากลัวอย่างนั้นล่ะ” บาลาวีถือปืนกลมืออยู่พร้อมกับมองไปที่ ‘สาวสวย’ ทั้งสองคนซึ่งขวางหน้าพวกเขาอยู่ อันที่จริงเฮลัวส์และเมย์ริสได้ผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ไว้แล้ว แต่เนื่องจากพวกเธอได้คัดเลือกยีนมาเป็นอย่างดี พวกเธอจึงมีรูปร่างที่ดูน่ารักเป็นพิเศษหรือเรียกได้ว่า ‘สาวงามกลายร่าง’
“หยุดอยู่ตรงนี้!” ถึงดวงตาของเฮลัวส์จะยังคงมีเลือดไหลอยู่ แต่มองดูแล้วกลับดูสวยงามแปลกตา
“อยู่ตรงนี้ นี่คนสวยกำลังเชื้อเชิญผมเหรอ แต่การที่มาพูดอะไรแบบนี้ในเวลานี้คงไม่เหมาะ” บาลาวียังจะพูดต่ออีก แต่ถูกโนเอลห้ามไว้
แน่นอนว่าเฮลัวส์และเมย์ริสรู้ดีว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือโนเอลตามคำสั่งของไป๋อี้ที่บอกกับทุกคนก่อนหน้านี้อย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับที่หยูหานบอกทุกคนโดยโจ่งแจ้งว่าเขาต้องการให้ไป๋อี้และกลุ่มของเขาติดอยู่ที่นี่ นี่ไม่ใช่การพึ่งพาผลประโยชน์ซึ่งกันและกันแต่อย่างใด แต่เป็นความเกลียดชังของคนทั้งสองโดยแท้ ในขณะเดียวกันเขาทั้งสองก็มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม …… ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้แน่นอน!
เรื่องนี้ไม่มีการปกปิดใด ๆ นี่เป็นความคิดที่มีพลังอย่างแท้จริงของไป๋อี้และหยูหาน!
บาลาวีถูกโนเอลดึงตัวไป เขาเลิกทำหน้าทะเล้น แล้วบิดคอไปมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบปืนกลมือขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเฮลัวส์และเมย์ริสก็จับอาวุธของพวกเธอขึ้นมาเช่นกัน ส่วนโนเอลถูกละเว้นไว้ พวกเธอไม่สามารถทำร้ายเขาจนถึงแก่ชีวิตได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยป้องกันการโต้กลับของทั้งสองคนไปด้วย
……
“เจ้าหมูอ้วน!” บิลบอมสมาชิกคนที่ 7 ของทีมหยูหานมองไปที่ครึ่งคนครึ่งหมูตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำขัน
“ผมชื่อเวอร์เนอร์ อายุ 10 ขวบ!” เวอร์เนอร์ที่สูงเกือบ 1.8 เมตรพูดอย่างจริงจัง ไป๋อี้ไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใด ๆ ให้เขา แต่เวอร์เนอร์ก็ได้ขัดขวางคนคนหนึ่งในทีมของฝ่ายตรงข้ามไว้ เวอร์เนอร์ยังเด็กและไม่รู้เรื่องอะไรมากมาย แต่จากการได้คลุกคลีกับพวกลุงไป๋อี้ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากลุ่มของลุงไป๋อี้ทุกคนล้วนเป็นคนดี
“พูพู!” สัตว์เลี้ยงหมูแคระพูพูเขย่าร่างอ้วนจ้ำม่ำของเขาและทำเสียงฮึดฮัดออกมาสองครั้ง
“10 ขวบ โถเด็กน้อย เธอนี่ช่างดูเป็นตัวอันตรายจริง ๆ” บิลบอมผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มที่ดูโหดเหี้ยมออกมา บิลบอมชักจะชอบโลกที่ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์จะทำอะไรก็ได้เช่นนี้ขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว ไม่เหมือนกับโนเอลที่เขายังพยายามจะรักษาความสงบเอาไว้
……
“เบลลิก้าทีน่า พวกเราล่ะ?” หนิงเสวี่ยถามเบลลิก้าทีน่า
“ออกไปจากที่นี่!” เบลลิก้าทีน่าตอบกลับอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็พาหนิงเสวี่ยไปที่ประตูใหญ่ซึ่งมีช่องว่างเปิดไว้ ภายในใจแล้วเบลลิก้าทีน่าไม่ต้องการต่อสู้กับไป๋อี้และคนอื่น ๆ แน่นอนว่ามันเป็นการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเธอทำได้คือการออกจากสนามรบนี้ไปซะ
คนในทีมไป๋อี้รู้ดีว่าไป๋อี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายพวกเธอสองคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่โจมตีเธอทั้งสองและแน่นอนว่าเบ็นสันก็จะไม่โจมตีคนในทีมของเขาเช่นกัน ดังนั้นพวกเธอสองคนจึงเป็นคนแรกที่ผ่านประตูที่มีช่องว่างเปิดอยู่ออกมาข้างนอกโดยไม่มีใครมาขวางกั้น
……
หงฉี่ฮว๋าเริ่มเปิดฉากอย่างรวดเร็ว แต่เธอไม่ได้รีบพุ่งไปที่ประตูทางออกเพราะการออกไปข้างนอกคนเดียวนั้นไม่ได้หมายถึงความสำเร็จของเธอ หงฉี่ฮว๋าวิ่งเร็วมาก ร่างกายของเธอว่องไวมากขึ้นกว่าเดิม ทุกครั้งที่วิ่งผ่านสัตว์ประหลาด เธอก็จะใช้มีดสั้นฟันร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่สิบวินาที หงฉี่ฮว๋าที่ยังวิ่งวนไม่ถึงครึ่งวงกลม ก็ได้มีสัตว์ประหลาดถึงเจ็ดตัวที่ไล่ตามมาอยู่ข้างหลังและไล่กัดหงฉี่ฮว๋าอย่างดุร้าย
แม้แต่หงฉี่ฮว๋าเองก็รู้สึกใจหายใจคว่ำเป็นอย่างมากในสถานการณ์แบบนี้ ทันใดนั้นเมื่อสัตว์ประหลาดล้มลง หงฉี่ฮว๋าก็รีบวิ่งไต่ขึ้นไปบนกำแพงและพลิกตัวกลางอากาศจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวของสัตว์ประหลาด ซึ่งนั่นเป็นทิศทางที่เบ็นสันยืนอยู่ บริเวณประตูใหญ่
หลังจากการเผชิญหน้าครั้งแรก หงฉี๋ฮว๋าก็ครุ่นคิดว่าจะจัดการกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างเบ็นสันได้อย่างไร?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีโอกาสชนะในการเผชิญหน้ากันแน่ ๆ การต่อสู้ที่แท้จริงนั้นร้ายแรงและโหดเหี้ยมมาก ซึ่งการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน ดังนั้นควรปล่อยให้การต่อสู้ชุลมุนวุ่นวายแบบนี้ต่อไปและปล่อยให้สัตว์ประหลาดเข้ามาขัดขวางเป็นมือที่สามในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยจะเป็นการดีกว่า
หลังจากที่หงฉี๋ฮว๋าลงจากร่างสัตว์ประหลาด เธอก็รีบวิ่งออกมาทันที โดยมีภาพของร่างสัตว์ประหลาดทรุดลงตายอยู่ตรงนั้นทิ้งไว้เบื้องหลัง
……
ซาร่าและโม่โม่เฝ้าดูการรบราฆ่าฟันที่เกิดขึ้นอย่างประหม่า พวกเธอรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจเพราะกลัวว่าเพื่อน ๆ ของพวกเธอคนใดคนหนึ่งอาจจะตกอยู่ในอันตราย แต่ทันใดนั้นเสียงของชาร์ไป่ก็แผ่วต่ำลง เสียงหอนของมันทำให้ซาร่าหันกลับไปมอง เมื่อมองเข้าไปในแววตาของชาร์ไป่ ซาร่าก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ช่างเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวและน่าเกลียดจริง ๆ!
สิ่งที่มันเป็นแทบจะไม่สามารถใช้ชื่อของสัตว์ร้ายชนิดใดชนิดหนึ่งเพื่อพรรณนาออกมาได้เลย มันไม่เหมือนกับอะไรทั้งนั้น แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะดูน่าเกลียด แต่ดูเหมือนว่าในขณะเดียวกันมันจะมีพลังที่แข็งแกร่งมาก แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นจะหิวโซกันมาก แค่ไหน แต่พวกมันก็ทำได้แต่วนไปมารอบ ๆ ตัวมัน ทันใดนั้นเองมันก็ค่อย ๆ คลานออกมาตามทางเดิน
ซาร่ามองไปที่ไป๋อี้และคนในทีมด้วยความหวาดกลัว เธอพยายามสื่อสารกับใครสักคน เธอจึงกวาดสายตามองไปยังทุก ๆ คน
ทุกคนกำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิต!
‘ซาร่า เธอก็ไปด้วยสิ ช่วยฉันปกป้องโม่โม่ที!’ รอยยิ้มอ่อนโยนของไป๋อี้ฉายผ่านความคิดของซาร่าเข้ามา ซาร่าสะดุ้งตัวและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ดึงดาบญี่ปุ่นข้างหลังที่เธอเลือกมาอย่างดีออกมา จะว่าไปดาบเล่มนี้ไม่เคยถูกใช้เลยตั้งแต่มันถูกเธอเลือก
“โม่โม่อยู่ในห้องนี้นะ โอเคนะ” ซาราย่อตัวลงบอกกับโม่โม่
“พี่ซาร่า!” โม่โม่จ้องไปที่ซาร่า
“เชื่อสิ พี่ไม่เป็นอะไร” ซาร่าแตะหน้าผากของโม่โม่แล้วยิ้ม
“ตอนที่พี่เห็นชาร์ไป่ครั้งแรก ตัวมันยังเล็กกว่าฝ่ามือสองข้างของพี่เสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะสูงใหญ่มากขึ้นถึงขนาดนี้” ซาร่ายิ้มและสัมผัสที่คอของชาร์ไป่ ผิวหนังที่แข็งกร้าวดูหยาบกร้านเล็กน้อย ซาร่ายืนอยู่ข้าง ๆ ชาร์ไป่ และชาร์ไป่เองก็หันหน้ามามองซาร่าเช่นกัน ทันใดนั้นมันก็อ้าปากกว้าง กล้ามเนื้อที่มุมปากของมันดูเหมือนจะฉีกเผยให้เห็นเขี้ยวฟันที่แหลมคมอยู่ด้านใน
……
การต่อสู้ที่แท้จริงกำลังเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!
แต่น่าเสียดายที่การต่อสู้ในครั้งนี้มีผู้ต่อสู้เพียงสองคน
ไนท์ไม่ได้มีสีหน้ายิ้มแย้มอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ เมื่อได้สังเกตการกระทำของทุกคนอย่างถี่ถ้วนผ่านกล้องทั่วสถาบันวิจัย ไนท์ที่เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์สมัยใหม่ โดยส่วนใหญ่จะอาศัยปัญญาประดิษฐ์แบบดั้งเดิม ปัญญาประดิษฐ์ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก มันรู้เพียงการตัดสินใจจากสาระสำคัญของสิ่งต่าง ๆ แต่ทว่านี่มันความรู้สึกอะไรกัน ไนท์มักจะรู้สึกว่าการตัดสินใจของเธอได้รับผลกระทบมาจากทุกคนซึ่งนี่เป็นเรื่องแปลกจริง ๆ
“หึ~~!” ไนท์คำนวณการกระทำด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์มากกว่า 60% และในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ออกมา อย่างไรก็ตามไนท์สบถออกมาเบา ๆ กับผลลัพธ์ที่ได้
และในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้ชมอีกคนหนึ่ง ร่างแม่แบบทดลองที่หลับใหลอยู่ในส่วนลึกที่สุดของสถาบันวิจัยคน เขาไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษแม้แต่น้อย แต่ทว่ากลับมีภาพสะท้อนให้เห็นทุกการเคลื่อนไหวของทุกคนบนม่านตาขวาของเขาในทุก ๆ การแสดงออก แม้กระทั่ง …… แนวคิดการต่อสู้
MANGA DISCUSSION