[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 23 การประณามและความแค้น
“จัดการกับอาการบาดเจ็บและจัดแจงเสบียงอาหารจากนั้นพวกเรา … ” ไป๋อี้พูด
“จัดการกับอาการบาดเจ็บแม่มันเถอะ เจียงหลินหลินตายแล้ว แฟนของฉันตายแล้ว รู้บ้างไหม” ฉินข่ายรุ่ยขัดจังหวะไป๋อี้และตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว ขณะนี้ฉินข่ายรุ่ยดูไม่ต่างอะไรจากคนจนมุม เลือดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง ช่างดูน่าสังเวชและสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
ในการต่อสู้ที่ผ่านมา ยกเว้นผู้หญิงไม่กี่คนแล้วตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในสภาพสมบูรณ์สักคน แม้แต่หยูหานก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หยูหานมีเพียงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งนั่นเป็นเพราะเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้
“ให้อาหารพวกมันไปไม่ได้หรือไง เป็นบ้าไปแล้วเหรอถึงได้ต่อต้านไปทันทีแบบนั้น เข้าใจไหมว่าจะต้องมีคนตาย ตั้งแต่เริ่มเข้ามาในเมือง คุณเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม หรือว่าคุณเป็นคนบ้าเลือดเย็นไปแล้ว” ฉินข่ายรุ่ยตำหนิอย่างรุนแรง
ผลเป็นอย่างที่หยูหานคิดไว้ เจียงหลินหลินแฟนสาวของฉินข่ายรุ่ยเสียชีวิตและฉินข่ายรุ่ยต้องกล่าวโทษไป๋อี้ แม้ว่าเมื่อสักครู่นี้หยูหานก็ลงมือด้วย แต่เพราะเสียงตะโกนของเขาที่ดังลั่นในตอนนั้น จึงราวกับว่าทั้งหมดเพราะไป๋อี้เริ่มลงมือและหยูหานจำใจต้องต่อต้านตาม ยิ่งไปกว่านั้นหยูหานยังช่วยชีวิตของฉินข่ายรุ่ยเอาไว้อีก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อย่างไรเสียหยูหานก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้ ดังนั้นฉินข่ายรุ่นจะไม่ตำหนิหยูหานอย่างแน่นอน
“ถังปิงและแรนด์ก็ตายเช่นกัน!” ไต้ยู่เหยากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลดและรู้สึกไม่พอใจ
มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนในทีมไป๋อี้ หยูหาน วูล์ฟ มาร์ติน ถังปิง และแรนด์กริฟฟิน ซึ่งตอนนี้พวกโจรได้ละเว้นผู้หญิงไปแล้ว ไป๋อี้และหยูหานที่มีความโหดเหี้ยม วูล์ฟก็รับมือกับเรื่องนี้ได้ยาก ส่วนถังปิงและแรนด์ที่ถูกทำร้ายก็ไม่รอด และมาร์ตินผู้ที่หนีออกจากสถาบันวิจัยเพียงลำพัง ทุกคนก็รู้ว่าเขาเป็นเพียงคนฉลาดคนหนึ่งเท่านั้น
“ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดของฉันเอง!” ไป๋อี้กล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
“ขอโทษงั้นเหรอ ฮ่าๆๆ คนตายไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ คำขอโทษคำเดียวจะมีประโยชน์อะไร” ฉินข่ายรุ่ยตะโกนโต้กลับอย่างคนสติแตก
“ฉันไม่สนใจว่านายจะไม่พอใจฉันแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือจัดการกับอาการบาดเจ็บและจัดแจงเสบียงอาหารให้เรียบร้อย แล้วเราจะออกจากเมืองนี้กัน” ไป๋อี้เหลือบมองไปที่ฉินข่ายรุ่ยจากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น
“ไป๋อี้……!” ฉินข่ายรุ่ยกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโกรธเคือง
“ถ้าหากประนีประนอม คิดว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างง่ายดายจริง ๆ น่ะเหรอ?” หงฉี่ฮว๋าพูดขึ้นมาทันทีอย่างเบา ๆ ในตอนแรกคนอื่นไม่ได้ยินชัดเจนนัก หงฉี่ฮว๋าจึงพูดซ้ำอีกครั้ง ขณะที่ฉินข่ายรุ่ยมองไปยังไป๋อี้อย่างโกรธเคือง เขาก็ต้องมองกลับไปที่หงฉี่ฮว๋าอย่างไร้ความปรานี
“เธอหมายความว่ายังไง?” ฉินข่ายรุ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็หมายความอย่างที่พูด ประนีประนอมงั้นเหรอ ให้อาหารกับอีกฝ่ายแล้วคิดว่าเราจะผ่านไปง่าย ๆ ด้วยวิธีนั้นเหรอ นายไร้เดียงสาเกินไปแล้ว หรือพูดได้ว่านายยังจมอยู่ในโหมดความคิดของยุคที่สงบสุข” ดวงตาของหงฉี่ฮว๋าสงบนิ่ง แต่ในความสงบนิ่งนั้นระคนไปด้วยสายตาเหยียดหยามดูถูก
“เธอ … !” ฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ในขณะนั้นเองจู่ ๆ รถบรรทุกสองคันก็พุ่งออกมาจากถนนหัวมุมข้าง ๆ พวกเขาและขับออกไปนอกเมืองอย่างเมามัน ทุกคนมองตามไป ทันใดนั้นก็พบว่ารถบรรทุกทั้งสองคันที่ขับออกมาเป็นพวกขยะแก๊งมาเฟียทมิฬที่พวกเขาเพิ่งฆ่าไป ในรถมีผู้หญิงเปลือยกายหลายคนกำลังดิ้นรนอยู่
“ฮึ่ม ลองดูสิ พวกจอมเขมือบพวกนี้เฝ้าทางแยกเพื่อแย่งเสบียงและฐานที่มั่นของมันคงจะอยู่ไม่ไกลแน่นอน” หงฉี่ฮว๋ากล่าว
หลังจากที่หงฉี่ฮว๋าพูดจบ เธอก็ไม่สนใจคนอื่น ๆ และเดินไปตามถนนที่รถบรรทุกขับมาก่อนหน้านี้ คนอื่น ๆ ลังเลอยู่ไม่นานก็เดินตามหลังหงฉี่ฮว๋าไป ไม่นานทุกคนก็มาถึงโกดังที่เรียบง่ายและโกโรโกโส ที่นั่นมีรถบรรทุกขนาดใหญ่จอดอยู่
หงฉี่ฮว๋าผลักประตูโกดังให้เปิดออกเล็กน้อยจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องด้านในอย่างระมัดระวัง หลังจากเห็นฉากในห้องหงฉี่ฮว๋าก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าหลบ แล้วจังหันกลับมามองอีกครั้งโดยไม่หลีกเลี่ยง
“ดูเอาเองเถอะ” หงฉี่ฮว๋ากล่าวเยาะเย้ยเล็กน้อย
ในขณะนี้มีคนอื่น ๆ เดินเข้ามาด้วยและทุกคนก็พบว่ามีผู้หญิงสี่คนอยู่ในโกดังซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นหญิงสาวสวยทั้งสิ้น แต่ทว่าตอนนี้ความงามเหล่านี้ล้วนเปลือยเปล่า มีร่องรอยของการถูกย่ำยีนับไม่ถ้วนและกลิ่นเหม็นของน้ำอสุจิก็ตลบอบอวลไปทั่วห้องโกดังแห่งนี้
เมื่อเห็นใครบางคนเข้ามา ผู้หญิงกลุ่มนั้นก็รู้สึกมึนงงในตอนแรก แต่หลังจากที่เห็นว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่กลุ่มผู้ร้ายพวกเธอก็รู้สึกประหลาดใจปนรู้สึกถึงความหดหู่และสิ้นหวัง ในที่สุดก็มีคนมาช่วยพวกเธอ แต่น่าเสียดายที่มีคนมาช่วยช้าไป มิฉะนั้นพวกเธอคงจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการทารุณกรรมเหล่านี้
“นายนึกว่าการประนีประนอมมันจะจบลงง่าย ๆ หลังจากมอบอาหารแล้วอีกฝ่ายจะปล่อยเราไปอย่างนั้นสินะ เธอเรียกตัวเองว่าคนสวยไม่ใช่เหรอ คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการครอบครองเธอหรือไง” หงฉี่ฮว๋ากล่าวกับไต้ยู่เหยา และในเวลานี้ไต้ยู่เหยาก็กลายเป็นคนที่ดูงี่เง่าอย่างสมบูรณ์
“ถ้าไม่ใช่เพราะการตอบสนองทันทีของลุงไป๋ พวกเราสองสามคนก็จะกลายเป็นของเล่นของคนกลุ่มนั้น ลุงไป๋และคนอื่น ๆ ถ้าพูดไม่ดีก็คงจะถูกฆ่าตายในตอนนั้นแน่นอน เธอสามารถทนได้เหรอ ยิ่งไปกว่านั้น เธอคิดว่าจะมีคนตายน้อยกว่าตอนนี้หรือไง … ?” หงฉี่ฮว๋าสาธยายความจริง
ไป๋อี้เห็นว่าไต้ยู่เหยารู้สึกละอายใจขึ้นมาจากคำพูดของหงฉี่ฮว๋า เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ตบหงฉี่ฮว๋าที่ไหล่เป็นสัญญาณให้เธอหยุดพูด สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลได้ อย่างไรก็ตาม เจียงหลินหลินและคนอื่น ๆ ก็เสียชีวิตเพราะการตัดสินใจของเขาเอง แม้ว่าจะเห็นได้ชัดเจนว่าแนวทางของไป๋อี้นั้นถูกต้องแล้ว แต่ทุกคนก็ไม่สามารถยอมรับมันได้
“เสื้อผ้าของพวกคุณล่ะ ไปใส่เสื้อผ้าก่อน วูล์ฟและมาร์ตินไปขับรถมาที่นี่ ส่วนคนอื่น ๆ จัดการกับอาการบาดเจ็บก่อน” ไป๋อี้กล่าว ในตอนนี้ไต้ยู่เหยาพบว่ามีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ไหล่ของไป๋อี้และมือซ้ายของเขาร่างกายของเขาดูอ่อนแรง
วูล์ฟและพวกขับรถมาที่โกดัง โดยที่ในขณะนี้หงฉี่ฮว๋าก็กำลังช่วยไป๋อี้พันแผลอยู่
“ขอโทษนะลุงไป๋ที่ฉันทำแผลได้แค่แบบง่าย ๆ” หงฉี่ฮว๋าพูดอย่างช่วยไม่ได้หลังจากช่วยไป๋อี้พันผ้าที่ไหล่ของเขา แม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกมากนัก แต่เธอก็เห็นได้ชัดว่าแขนซ้ายของไป๋อี้เกือบถูกตัดออก มันต้องเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อและกระดูกมากแน่ ๆ หากการรักษาไม่ดีกลัวว่าไป๋อี้จะต้องสูญเสียมือซ้ายไป
“ฉันเป็นหมอผ่าตัด แต่ก็ยังเป็นแค่ศัลยแพทย์ฝึกหัดเท่านั้น” ในตอนนี้ผู้หญิงที่ถูกจับก็แต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกัน สังคมสมัยใหม่ไม่ใช่สมัยโบราณที่ความบริสุทธิ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะถูกย่ำยี แต่พวกเธอก็ยังคงเป็นปกติ ในเวลานี้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเห็นไป๋อี้และคนอื่น ๆ กำลังพันแผลอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ชื่อของเธอคือ?”
“ฉันชื่อเบลล่า”
“ถ้าอย่างนั้น ต้องรบกวนเธอแล้วล่ะ เบลล่า” หงฉี่ฮว๋าขอให้เบลล่าช่วยจัดการกับบาดแผลของไป๋อี้ที่ถูกฟันเข่าที่ไหล่ของเขา
แต่ในขณะเดี๋ยวกันไป๋อี้ก็พูดขึ้นว่า “เบลล่าคุณพอจะทำการผ่าตัดได้ไหม ผ่าตัดเพื่อเอากระสุนออก ”
“ฉันเคยเรียนการผ่าตัดมา แต่ฉันไม่เคยทำการผ่าตัดกับคนไข้เป็นการส่วนตัว” เบลล่าพูดอย่างประหม่า
“ไม่มีทางเลือกแล้ว แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกก็ไม่เป็นไร ดีกว่าพวกเราที่ไม่รู้อะไรเลย ได้โปรดเถอะ” ไป๋อี้พูดพลางมองไปที่ชาร์ไป่ที่กำลังนอนขดตัวอยู่ที่พื้น ที่หน้าอกของชาร์ไป่มีเลือดไหลอยู่ตลอดเวลา โม่โม่นั่งยอง ๆ อย่างเศร้าสลดอยู่ข้างๆชาร์ไป่และมีน้ำตาไหลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำหรับโม่โม่ ชาร์ไป่เป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง
“แต่ว่าตอนนี้ไม่มีมีดผ่าตัด” เบลล่าทำอะไรไม่ถูกและพูดขึ้นมา
“อันนี้พอจะใช้ได้ไหม!” หงฉี่ฮว๋าถือมีดวิลโล่ว์เล่มเล็กออกมา มีดวิลโล่ว์เล่มเล็กใช้ในการผ่าวัตถุดิบซึ่งความคมของมันก็น่าทึ่งเช่นกัน เรียกได้ว่าไม่แย่ไปกว่ามีดผ่าตัดเลย
“ฉันจะลองดู” เบลล่าพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าคนไหนที่โดนยิง?”
“ชาร์ไป่” ไป๋อี้พูดพลางเดินนำเบลล่าไปที่หน้าเจ้าชาร์ไป่ ตอนนี้เบลล่าเข้าใจแล้วว่าผู้บาดเจ็บคือชาร์ไป่ตัวอ้วน หลังจากเห็นว่าไม่ใช่มนุษย์ความตึงเครียดของเบลล่าก็ผ่อนคลายลง เมื่อเห็นว่าไม่ใช่มนุษย์แม้ว่าการผ่าตัดจะไม่สำเร็จ แต่เธอก็คงไม่ถูกตำหนิมากนัก?
“ฉันต้องการน้ำยาฆ่าเชื้อ แต่ในเมื่อที่นี่ไม่มีน้ำยาฆ่าเชื้อจึงทำได้แค่ใช้เหล้าเข้มข้นแทนเท่านั้น นอกจากนี้ฉันต้องการสารอาหารบางอย่างเพื่อเสริมพลังงาน … ” เบลล่าบอกกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ ทันที
“มันน่าจะมีสิ่งของเหล่านี้อยู่ในรถบรรทุกคันตรงนั้น พวกมันเก็บเอาไว้” เบลล่าอดไม่ได้ที่จะบอกเมื่อเธอเห็นไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋ากำลังทำหน้างงงวย
ไป๋อี้ได้ยินคำนั้นก็วิ่งไปทางรถบรรทุกคันใหญ่ทันที ในตอนนี้วูล์ฟและมาร์ตินก็ตามมาช่วยด้วยอีกแรง โลกนี้กลายเป็นโลกที่อันตรายมากแต่หากมีหมอผ่าตัดคนนี้ก็จะเป็นการช่วยรับรองชีวิตของพวกเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในโกดังขนาดใหญ่ สภาพมันออกจะโกโรโกโสเกินไป หลังจากการเตรียมการง่าย ๆ เบลล่าก็เริ่มทำการผ่าตัดเจ้าชาร์ไป่
“ถ้าไม่มียาชาสุนัขตัวนี้คงจะดิ้นไปมา” เบลล่าพูดก่อนจะเริ่ม
“ชาร์ไป่อย่าขยับนะ คุณเบลล่าอยู่ที่นี่เพื่อช่วยแก” ไป๋อี้กล่าว แต่หลังจากที่โม่โม่ได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้พูดเธอก็โน้มตัวเข้าไปใกล้หูของชาร์ไป่และกระซิบอะไรบางอย่างอย่างเงียบ ๆ ในขณะเดียวกันไป๋อี้ก็มองไปที่วูล์ฟ
“วูล์ฟ นายช่วยกดชาร์ไป่ไว้พื่อไม่ให้เขาดิ้นที” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ
“อืม เข้าใจแล้ว” วูล์ฟวางมือลงบนหน้าท้องของชาร์ไป่ทันทีและเมื่อชาร์ไป่ขัดขืนเขาก็จะกดชาร์ไป่ไว้
หลังจากที่เบลล่าเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกใหญ่ และหยิบมีดวิลโลว์เล่มเล็กที่เพิ่งผ่านการฆ่าเชื้อขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ทำการผ่าตัดจริง ๆ แม้ว่าคนไข้จะเป็นแค่สุนัข แต่เธอก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง คนอื่น ๆ ต่างพากันให้ความสนใจตรงนี้เพราะอยากเห็นว่าเทคนิคของเบลล่าที่ประกาศตัวเองว่าเป็นศัลยแพทย์จะเป็นอย่างไร
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6809