[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 30 พวกพี่ๆ มาเยี่ยม
“ตาบ้า!”หลินซวงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนเสียงดังไล่หลังกัวไฮว่“เธอคอยดูเถอะ ครูจะจัดการเธอแน่”
“เฮ้ยเมื่อกี้ใช่เสียงกรรมการประมูลรึเปล่า ทำไมฟังเหมือนเสียงครูหลินซวงเลยล่ะ”นักเรียนที่ทำการทดลองอยู่ชั้นสองอึ้งไปแล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงเบา
“ไม่หรอกมั้งจะเป็นครูหลินซวงได้ไงได้ยินผิดแล้ว”นักเรียนอีกคนพูดเสียงเบา
“เธอช่วยดูการทดลองให้ฉันที เดี๋ยวฉันจะลงไปดูสักหน่อย”
“รอก่อนฉันไปด้วย”
“พวกเธอไปเถอะ ฉันเห็นมู่หรงเวยเวยแล้วล่ะ ฉันเหมาะจะไปดูมากกว่า”เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดยิ้มๆ
“มู่หรงเวยเวย?ไหนล่ะ?”เด็กหนุ่มสองคนหยุดฝีเท้าพร้อมกันแล้วมองไปยังนอกหน้าต่าง
“มาดูเร็วกัวไฮว่กัวไฮว่มอสี่ มู่หรงเวยเวยคบกับเขาแล้วจริงเหรอ”ทั้งสามคนเห็นว่าเมื่อกัวไฮว่ออกมาจากตึก มู่หรงเวยเวยก็ยิ้มแป้นแล้วก็เดินออกไปด้วยกัน ทั้งสามคนถึงกับนิ่งชะงักไป
“เป็นไงได้น้ำเต้ามาแล้วหรือยัง”มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นยิ้มๆ
“ได้มาแล้วเหอะๆ ฉันช่วยครูหลินซวงเก็บของอยู่น่ะไม่งั้นคงออกมานานแล้ว จริงสิเธอได้เจออาจารย์หรือเปล่า”กัวไฮว่ถามขึ้น
“เจอน่ะเจอแล้ว แต่ว่าเขายังดื่มเหล้าพูดคุยกันกับพวกผอ.อยู่เลย พรุ่งนี้ฉันค่อยไปหาอาจารย์ที่บ้าน พรุ่งนี้นายมีธุระอะไรหรือเปล่า ไปด้วยกันสิ”มู่หรงเวยเวยกล่าวเสียงเบา
“พรุ่งนี้ไม่มีธุระ ถึงเวลาแล้วเธอโทรมาหาฉันนะ ฉันจะกลับไปศึกษาน้ำเต้านี่สักหน่อย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“เวยเวย อย่าขยับ เกิดอะไรขึ้น หน้าผากเธอน่ะ”
“ตรงนี้เหรอ”มู่หรงเวยเวยค่อยๆเงยหน้าผากขึ้นก็ปรากฏรอยแผลเป็นราวเส้นด้ายเส้นหนึ่ง“เป็นรอยจากการแข่งการต่อสู้ครั้งก่อนน่ะ ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลที่ดีที่สุดแล้วยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้อยู่เลย”มู่หรงเวยเวยกล่าวขึ้นอย่างไม่ได้ปิดบังใดใด
“ไปกัน เราไปนั่งตรงนู้นกันดีกว่า”กัวไฮว่พูดพลางลากมือมู่หรงเวยเวยเดินไปยังกลางศาลาแห่งหนึ่ง“เดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ”ในมือกัวไฮว่ปรากฏกล่องหยกทำมือกล่องหนึ่ง วัสดุเหมือนกันกับขวดเหล้าที่ให้พวกถังซีเมื่อสักครู่
“พี่ไฮว่พี่มีวิธีลบรอยแผลเป็นบนหน้าผากของฉันด้วยเหรอ จริงๆไม่เป็นไรก็ได้นะรอยจางขนาดนั้น ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นชัดหรอก”มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
“ให้ฉันลองก่อนเถอะ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าทำแล้วจะได้ผลหรือเปล่า เธอกล้าให้ฉันทำการทดลองบนหน้าผากของเธอหรือเปล่าล่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไม่มีอะไรที่ไม่กล้า หลายเรื่องสวรรค์เป็นคนกำหนดให้เกิดขึ้นอย่างเช่นที่ฉันได้บังเอิญเจอข่งเสวียน อย่างเช่นที่ฉันได้รู้จักพี่”มู่หรงเวยเวยลูบหน้าผากเบาๆ ตอนนั้นรอยแผลเป็นนี่ทำให้ข่งเสวียนรู้สึกผิดอยู่นาน หรือว่ากัวไฮว่จะเป็นคนที่ข่งเสวียนเลือกให้เธอ
“ยัยโง่ อย่าคิดเลอะเทอะสิ ให้ฉันลบรอยแผลเป็นบนหน้าผากเธอก่อน”กัวไฮว่พูดพลางเปิดกล่องหยก ในกล่องหยกมีเม็ดยาสีดำเม็ดหนึ่งอยู่ในนั้น กัวไฮว่ใช้เล็บมือขูดเม็ดยาออกมาเป็นผง ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ปั้นอยู่สักพักจากนั้นก็ค่อยๆแตะนิ้วชี้ที่มีผงยาไปที่รอยแผลเป็นบนหน้าผากของมู่หรงเวยเวย
“พี่ไฮว่แบบนี้ก็ได้แล้วเหรอ”มู่หรงเวยเวยรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบบนหน้าผากของตนจากนั้นก็ถามขึ้นเบาๆ
“ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก ฉันกลับแล้วนะ จะไปศึกษาน้ำเต้าสุดที่รักนั่นสักหน่อย พรุ่งนี้เธอโทรมาหาฉันนะ เราไปหาท่านปรมาจารย์ด้วยกัน กลางคืนตอนนอนไม่ต้องล้างหน้านะแล้วมาคอยดูว่าจะเป็นยังไง”พูดจบกัวไฮว่ก็หมุนตัวเดินกลับไปทางหอพักของตนเอง
“ข่งเสวียนนายจากไปได้แค่ครึ่งปีเอง ถ้าฉันตกหลุมรักกัวไฮว่ขึ้นมาจริงๆ นายจะโทษฉันไหม”มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ที่เดินออกไปไกลแล้วก็แอบคิดเงียบๆในใจ
“พี่ไฮว่กลับมาแล้วเหรอ”ในขณะที่กัวไฮว่เข้าไปในหอพักนั้นหลี่หรงก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“นี่ไอ้น้องเสียงดังทำไมกัน ทำฉันตกใจหมดเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ตอนนี้มีคนรอพี่อยู่ที่ห้องน่ะ พี่ต้องระวังตัวนะ คนตัวใหญ่สองคนดูท่าจะสูงประมาณสองเมตรแล้วก็มีคนอ้วนคนหนึ่งกับชายหนุ่มหน้าไม่เลวอีกคนหนึ่งดูท่าทางจะไม่ใช่คนดีอะไร”หลี่หลงกระซิบเข้าที่ข้างหูกัวไฮว่
“ได้ขอบคุณมากไว้วันไหนเรียกพี่เวยไปกินข้าวด้วยกันฉันจะขึ้นไปดูหน่อยว่าใครมา”กัวไฮว่พูดยิ้มๆคนที่มาน่าจะเป็นพวกพี่ๆของเขาแต่ว่าคนตัวใหญ่สองคนนั้นเป็นใครกันนะ
“พี่ไฮว่ให้โทรหาพี่เวยไหม”หลี่หลงถามไล่หลังกัวไฮว่แต่กัวไฮว่ชูมือซ้ายขึ้นมาโบกเบาๆจากนั้นก็เดินเข้าลิฟต์ไป
“น้องเฉียนเด็กนั่นสอยดาวโรงเรียนพวกแกจริงๆเหรอ เขาเพิ่งมาโรงเรียนได้ไม่กี่วันเองนะ”เจี่ยหยวนหรี่ดวงตาแล้วถามขึ้น
“พี่อ้วนทำไมพี่ไม่เชื่อกันล่ะนี่เป็นคลิปเสียง พี่ลองฟังดูแต่เสียงนี่ไม่สมประกอบเท่าไหร่นะ ผมเสี่ยงอันตรายแอบอัดมาเอง”เฉียนตัวตัวเอาคลิปเสียงในโรงอาหารครั้งก่อนออกมา“แต่พี่ไฮว่นี่ก็ไม่ไหวจริงๆไม่นานก็สร้างเรื่องแล้วแต่จะว่าไปก็เข้าใจได้นะ ในเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าคือดาวโรงเรียนนี่”
“เหอะๆ พี่สองพี่ว่าน้องสี่โหดขนาดนี้จริงๆเหรอ เด็ดดาวโรงเรียนสี่คนมาได้ในสามวัน มันไร้สาระไปหน่อยหรือเปล่า เขาเป็นคนยังไงทำไมพวกเราจะไม่รู้ ว่าแต่ว่าพวกเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาวันนี้สวยกันจริงๆเลย”หวังเซิงพูดยิ้มๆ
“เจ้าสามไม่ว่าเจ้าสี่กับเด็กผู้หญิงพวกนั้นจะมีความสัมพันธ์กันยังไง แกก็ต้องระวังตัวหน่อย”หลี่เย่าที่ไม่พูดมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า“เสี่ยวฮวาไม่เลวเลยนะ ถ้าแกรังแกเธอถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่นายท่านจะสั่งเก็บแกเลย พี่อย่างฉันก็จะไม่ปล่อยแกไว้แน่ อีกอย่างเด็กผู้หญิงพวกนั้นมีคนหนึ่งเป็นลูกรักของตระกูลเยี่ยเด็กที่ชื่อถังซีนั่นก็เป็นลูกสาวของถังหมิงหย่วน โหยวโยวโยวนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยเด็กพวกนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น”
“พี่ใหญ่สุดยอดไปเลย แค่ลงแรงในการประมูลหน่อยนึงพี่ก็หาข้อมูลคนที่อยู่รอบตัวพี่ไฮว่ได้แล้ว ผมล่ะนับถือพี่จริงๆ”เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ“แต่พวกพี่ขาดไปคนหนึ่งนะ มู่หรงเวยเวยใครใช้ให้เธอไม่ใช่คนเมืองอู่เฉิงกันล่ะ แต่ถ้าเธอเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองอู่เฉิง งั้นเมืองอู่เฉิงก็เป็นเรื่องแล้วล่ะ”
“มู่หรงเวยเวยใช่สาวหวานเมืองอู่เฉิงที่พูดกันวันก่อนหรือเปล่า เธอไม่ใช่คนเมืองอู่เฉิงเหรอ”เจี่ยหยวนชะงักไปแล้วถามขึ้นยิ้มๆ
“พี่อ้วนตระกูลมู่หรงทั้งประเทศนี้จะมีใครแซ่มู่หรงสองพยางค์กันบ้าง”เฉียนตัวตัวลูบศีรษะแล้วพูดขึ้น“แต่พี่ไฮว่นี่ก็สุดยอดจริงๆเลยสอยมู่หรงเวยเวยมาได้เนี่ย”
“หรือว่ามู่หรงเวยเวยจะเป็นลูกนอกสมรสคนที่ทำเอาคนจีนทั้งประเทศตื่นตกใจกันในตอนนั้น”หวังเซิงชะงักไปจากนั้นก็พูดเสียงเบา
“พี่ๆครับเบาเสียงกันหน่อย ถ้าหากเรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปชีวิตน้อยๆของพวกเราจะจบเห่เอาได้นะ”เฉียนตัวตัวรีบวิ่งมาข้างหวังเซิงแล้วยื่นมือขึ้นมาปิดปากหวังเซิงเอาไว้
“พวกพี่พูดอะไรกันน่ะ ลูกนอกสมรสอะไรกัน”กัวไฮว่มองประตูใหญ่ห้องที่เปิดออกแล้วเดินดุ่มๆเข้าไป จากนั้นก็พบว่าชายทั้งห้ากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องรับแขกดูทรงเหมือนจะจัดการเบียร์หมดไปแล้วกล่องหนึ่ง พูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815