[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 120 นายยังไปไม่ได้
“เสี่ยวหลิว พวกเธอตรวจแล้วไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือเปล่า เนื้องอกหายไปหมด เหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย ถ้าไม่ตัดออกก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เนื้องอกจะหายไปหมด” หวงฮั่นหลินพูดเสียงดัง
“ถ้าตานี้เสมอกัน สุดท้ายแล้วแพทย์จีนชนะหรือว่าแพทย์ปัจจุบันชนะล่ะ รอบแรกแพทย์จีนแพ้ รอบสองเสมอกัน ถ้ารอบนี้ชนะกันอีก งั้นแพทย์ปัจจุบันก็ชนะไปน่ะสิ” ฝูงชนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งหนึ่ง
“คณบดีหวง อุปกรณ์ของพวกเรานำเข้ามาจากอเมริกาโดยตรง แล้วก็ตรวจผู้ป่วยแล้วถึงสองครั้ง รอบสองท่านผอ.จางเฉิงจวินเป็นคนตรวจเองเลยด้วย ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ จางเฉิงจวินคือใคร เขาคือผอ.โรงพยาบาลประจำเมืองอู่เฉิง คณบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์เยี่ยนจิง ประธานสถาบันวิจัยแพทย์หัวซย่า ผู้จัดการสมาคมการแพทย์ของทั่วทั้งโลก เพียงแค่ได้ยินชื่อนี้คนก็ตกใจกันเป็นแถบ คุณจะสงสัยว่าอุปกรณ์มีปัญหาก็ย่อมได้ แต่ถ้าจะสงสัยจางเฉิงจวิน เช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วล่ะ
“ในเมื่อผอ.จางมาตรวจด้วยตัวเองเลย งั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ “เสี่ยวหลิว ในเมื่อผลตรวจออกมาแล้ว งั้นเธอก็ประกาศศผลการประลองในครั้งนี้เถอะ”
“คณบดีหวง รอสักครู่ครับ ผมยังอ่านผลตรวจของฝั่งแพทย์แผนโบราณไม่เสร็จเลย” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“ทางโรงพยาบาลแนะนำว่าให้ทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาล หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ให้มาตรวจซ้ำครับ” หลิวชิงเจิงพูดเสียงดัง “กัวไฮว่ ผอ.ของพวกเราอยากชวนเธอไปนั่งที่โรงพยาบาลหน่อยน่ะ ไม่ทราบว่าเธอมีเวลาหรือเปล่า”
“ผมไม่ได้ป่วย จะไปนั่งที่โรงพยาบาลทำไมกัน แต่ถ้าเขาป่วยก็ให้เขาไปหาผมที่คลินิกเสาร์นี้แล้วกัน ให้นัดล่วงหน้าด้วย ไม่งั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าผมจะว่างเมื่อไหร่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “หัวหน้าหลิว การประลองรอบที่สาม ฟังดูเหมือนว่าผมจะชนะ ใช่ไหมครับ”
“รอบที่สาม คณะแพทย์แผนโบราณชนะไป การประลองครั้งนี้ คณะแพทย์แผนโบราณเป็นผู้ชนะ!” หลิวชิงเจิงพูดเสียงดังฟังชัด เขามองหวงฮั่นหลินรอบหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่ต้องไว้หน้าคณบดีหวงนี่แล้วสินะ
“ปะ…เป็นไปไม่ได้ คณะของพวกเธอดีลกับหมอนี่เอาไว้แล้วแน่ๆ เป็นไปไม่ได้” เมื่อพูดเสร็จหวงฮั่นหลินก็เป็นลมล้มพับไป
“พวกเธอมัวเหม่ออะไรกัน กดจุดเหรินจงสิ ฮ่าๆ” กัวไฮว่กัวเราะเสียงดังลั่น เขาวาดมือในอากาศครั้งหนึ่ง ทำให้ไอเย็นระลอกหนึ่งลอยเข้าไปในสมองของหวงฮั่นหลิน จากนั้นหวงฮั่นหลินจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“คณบดีหวง ถ้ามีคำแนะนำอะไรก็มาหาผมที่โรงพยาบาลได้นะครับ ผมไปก่อนล่ะ ส่วนเรื่องการประลองในครั้งนี้ พวกเธอแก้ไขกันเองเถอะ” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ เสร็จก็พาคนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกไปจากมหาวิทยาลัยอู่เฉิง
“เหล่าหวง ไม่รอบคอบเลย ครั้งนี้แพทย์แผนโบราณของพวกเราชนะ แต่ฉันก็ไม่งกขนาดนั้นหรอกนะ ฉันจะให้เวลาพวกเธอเก็บของของพวกเธอในอาคารหมอเทพเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ รีบเก็บเร็วเข้าล่ะ ฮ่าๆ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ ส่วนหวงฮั่นหลินเป็นลมไปอีกรอบหนึ่ง
“การประลองสิ้นสุดลงแล้ว แพทย์แผนโบราณชนะไป!” บนเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยอู่เฉิง รูปที่หวงฮั่นหลินเป็นลมถูกปักหมุดเอาไว้ เมื่อการประลองสิ้นสุดลง คณะแพทย์แผนปัจจุบันไม่เพียงแต่จะเสียสิทธิ์ในการครอบครองอาคารหมอเทพเท่านั้น นักศึกษาแพทย์ปัจจุบันหลายคนก็ถึงขั้นเปลี่ยนความคิดของตนเองไป
“พรุ่งนี้ผมจะมาอีก ตามกติกาคณะแพทย์แผนปัจจุบันจะคัดนักเรียนมาสิบคนเพื่อมาช่วยงานที่คลินิกผมเป็นเวลาหนึ่งเดือน ผมจะไม่บังคับใคร ถ้าใครอยากมาก็มาลงชื่อที่คณะแพทย์แผนโบราณได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเลือกคนจากที่ลงชื่อเอาไว้” กัวไฮว่พูดเสียงดัง ในขณะนั้นเอง นักเรียนแพทย์ปัจจุบันก็มองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้อย่างชัดเจน เขาเด็กกว่าตนอีก แต่ที่เขาฝังเข็มได้ราวได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ทำเอาคณบดีหวงแพ้พ่ายไป
“กัวไฮว่ ที่คลินิกต้องการกี่คนน่ะ ต้องเริ่มเลือกคนจากคณะแพทย์แผนโบราณก่อนหรือเปล่า” นักเรียนคณะแพทย์แผนโบราณคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง
“ฉันก็จะเลือกจากแพทย์แผนโบราณด้วยสิบคน ไม่จำกัดระยะเวลา แล้วก็เป็นพนักงานประจำของคลินิกไม่ ไว้พรุ่งนี้ผมจะบอกทุกคนเอง อีกอย่างนะ ผมหวังว่านักศึกษาทุกคนจะเป็นเหมือนเหลิ่งซวง ที่มีจรรยาบรรณแพทย์อยู่ในใจ เพียงแค่เท่านี้พวกคุณก็จะนับว่าเป็นหมอได้อย่างแท้จริง ต่อไปคลินิกไม่จะเปิดสาขาอีกหลายแห่ง ถึงตอนนั้นฉันจะเลือกคนที่รักในการแพทย์แผนโบราณจากในนักศึกษาเหล่านี้มาทำงานที่คลินิกฉัน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง
ทั่วทั้งหอประชุมมีเสียงปรบมือดังสนั่น กัวไฮว่ก็พลันสัมผัสได้ว่ามีไออากาศที่ตนไม่อาจคุมไว้ได้เข้าไปในร่างกาย จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังเซียนที่ตนมีอยู่เดิมสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
“หรือว่าเป็นพลังที่ได้จากบุญกุศล” กัวไฮว่ลอบพึมพำในใจ เมื่อก่อนที่เขาบำเพ็ญเพียรไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่าพลังงานที่ทำให้พลังเซียนของเขาเพิ่มสูงขึ้นคืออะไรกันแน่จึงได้แต่ลอบเดาคนเดียวในใจ
“ใครมีวิดีโอการประลองในวันนี้บ้าง ฉันให้ราคาสูงเลย ฉันอยากจะดูตั้งแต่ต้นจนจบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” นักศึกษารายหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“มีคนอัปโหลดบนเว็บบอร์ดแล้ว ไปโหลดเอาเองเถอะ ราคาก็กลางๆ แค่หนึ่งพันเหรียญ” เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“พวกนายพูดอะไรกันน่ะ ฉันไปแล้วนะ วันนี้เป็นวันของคณะแพทย์แผนโบราณ แพทย์แผนโบราณ!” นักศึกษาคนนั้นพูดเสียงดัง จากนั้นก็หายตัวไปท่ามกลางฝูงชน
“อวี้เอ๋อร์เมียรัก เราไปกันเถอะ วันนี้มืดมากแล้ว พรุ่งนี้เราค่อยมารับสมัครคนใหม่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
“นายยังไปไม่ได้” “นายยังไปไม่ได้” “นายยังไปไม่ได้”
เสียงทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันทำเอากัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง หลิวเย่าซือพูดตะโกนกับเขาด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ เหลิ่งซวงยากที่จะบอกความรู้สึกออกมา ส่วนเหอโม่ได้ขวางด้านหน้าของเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“การประลองสิ้นสุดลงแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะมาอีกรอบหนึ่ง เหลิ่งซวง ถ้าเธออยากเรียนการแพทย์โบราณจริงๆ ฉันรับเธอไว้เป็นศิษย์ก็ได้ แล้วก็ซือซือคนสวย ถ้าเธอต้องการ ฉันให้เธอมาทำงานที่คลินิกฉันได้นะ เรื่องค่าตอบแทนไว้ค่อยๆ คุยกัน แล้วไม่ทราบว่านักศึกษาเหอโม่ขวางผมไว้ทำไมครับ”
“ซือซือ เธอขวางเขาไว้ทำไม เธอบอกไปก่อนเถอะ” เหลิ่งซวงพูดเบาๆ
“เรื่องในวันนี้ขอบคุณนายมากเลยนะ ในเมื่อถึงเวลาทานข้าวแล้ว ให้ฉันเลี้ยงข้าวนายกับแฟนนายที่นี่ดีไหม ไว้เรากินไปคุยไป” หลิวเย่าซือพูดเบาๆ เธอยิ่งพูดใบหน้าก็ยิ่งแดงก่ำ
“มีคนสวยเลี้ยงข้าวน่ะพี่ไฮว่ ปกติแล้วเรื่องแบบนี้ฉันว่าพี่จะต้องตกลงนะ ใช่ไหมล่ะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ทำมาเป็นกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ[1] หมอนี่วางแผนเก่ง ฮึ ไม่รับผู้หญิงคนนี้เป็นศิษย์ ยังไม่คิดจะจีบผู้หญิงอีก ตาบ้านี่
“อะแฮ่มๆ อวี้เอ๋อร์รู้จักฉันดีจริงๆ งั้นเราก็กินข้าวที่มหาลัยอู่เฉิงแล้วค่อยกลับบ้านกันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เหลิ่งซวง เธอเรียกฉันทำไมเหรอ”
“ไว้คุยตอนเรากินข้าวเถอะ” เหลิ่งซวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ รับฉันเป็นศิษย์งั้นเหรอ นายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง จะให้ฉันพูดยังไงดีล่ะ
“งั้นเหอโม่เธอขวางฉันไว้มีเรื่องอะไรอีกเหรอ ไว้พวกเราค่อยๆ คุยกันตอนกินข้าวเหมือนกันเหรอ” กัวไฮว่หรี่ตามองเด็กสามที่เอาแต่ใส่ผ้าปิดปากผู้อยู่ตรงหน้าคนนี้ก่อนจะถามยิ้มๆ
“เหอโม่สำนักหมอผี เชิญสั่งสอนฉัน” ในขณะที่พูด เหอโม่ก็ตั้งท่าเตรียมรับเตรียมสู้
“ประลองน่ะได้ แต่ถ้าจะชกต่อยกันก็ช่างมันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฉันสัมผัสได้ว่านายเป็นคนฝึกยุทธ ถึงฉันจะไม่รู้ว่านายมาจากสำนักไหน แต่ในเมื่อนายเป็นคนฝึกยุทธแถมยังเป็นหมออีก งั้นฉันหวังว่านายจะรับคำท้านี้นะ” เหอโม่พูดเสียงดัง ทำเอานักเรียนที่เตรียมจะออกไปแล้วกลับมากันอีกครั้งหนึ่ง
[1] เป็นกลยุทธ์หนึ่งในสามก๊ก หมายถึงการใช้สติปัญญาในการวางแผน หากจับเชลยมาได้นั้นต้องไม่บีบคั้นจนเกินไปจนไม่สามารถรีดเอาความต่างๆ ได้