[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 114 แพ้ตาแรก
“เชื่อปู่เถอะ ถ้าอยากชนะการประลองครั้งนี้ ก็ต้องให้เขาไป ถ้าอยากชนะทั้งหมดก็ให้เขาไปแข่งทั้งสามตา” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“เป็นไปไม่ได้ ฉันต้องเข้าร่วม ฉันจะปล่อยชะตากรรมให้อยู่ในมือคนที่ไม่รู้จักไม่ได้เด็ดขาด แต่ถ้าเขามีใบประกาศบุคลากรทางการแพทย์ งั้นก็ให้เขาช่วยแข่งตาเดียวแล้วกัน หวังว่าเขาจะชนะนะคะ” หลิวเย่าซือไม่ได้เลือกคนอื่น เพราะว่าคนในคณะแพทย์แผนโบราณที่มาประลองได้ในวันนี้มีแค่เธอกับเหลิ่งซวงสองคนเท่านั้น เพราะว่าทั้งคณะแพทย์แผนโบราณ คนที่มีใบประกาศบุคลากรทางการแพทย์ในตอนนี้มีแค่พวกเธอสองคน
“ตาเดียวก็ตาเดียว ถ้าเธอกับเสี่ยวซวงชนะกันคนละตา ต่อไปอาคารหมอเทพนี่ก็จะเป็นของคณะแพทย์แผนโบราณ เราแล้วล่ะ ฮ่าๆ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
หลิวเย่าซือมองไปยังกัวไฮว่อีกครั้ง เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่มีอะไรพิเศษเลย เด็กสาวที่อยู่ข้างเขานี่สิพิเศษ หน้าตาสะสวย แล้วทำไมคุณปู่ถึงได้เชื่อใจหมอนี่ขนาดนี้นะ หลิวเย่าซือคิดไม่ออกจริงๆ
“เหล่าหลิว ถ้าอยากจะคุยกับหลานสาวแกก็กลับไปคุยที่บ้านสิ ถ้าพวกแกไม่กล้าตกลงประลองก็ยอมแพ้ซะเถอะ อย่ามามัวเสียเวลาทุกคนอยู่เลย” หวงฮั่นหลินพูดเสียงดัง
“ทางฝั่งพวกเรามีเย่าซือ เหลิ่งซวงแล้วก็พ่อหนุ่มกัวไฮว่ลงแข่ง พวกแกส่งคนมาแข่งซะสิ เหล่าหวง ถ้าแกอยากยกอาคารหมอเทพให้ไวๆ งั้นก็มาเริ่มกันเลยเถอะ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“คิดว่าหาคนนอกมาแล้วจะชนะพวกเราได้เหรอ เหล่าหลิว ฉันว่าแกไม่ต้องอยู่ดูก็ได้นะ กลับไปห้องทำงานทำใบประกาศให้นักเรียนพวกแกเก็บของซะเถอะ” คำพูดของหวงฮั่นหลินทำเอานักเรียนคณะแพทย์ตะวันตกหัวเราะเฮฮาขึ้นมา
“คุณครับ ผมว่าคุณเตรียมยาโรคหัวใจเอาไว้ก่อนเถอะ แล้วก็นักเรียนที่หัวเราะกันอยู่ด้านหลังน่ะ จำไว้นะว่าถ้าคณบดีพวกเธอเป็นลมไปก็ให้กดจุดเหรินจง[1] จุดเหรินจงนะเข้าใจไหม ตรงนี้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ในขณะที่พูดเขาก็ชูนิ้วกลางใส่หวงฮั่นหลินกับนักเรียนที่กำลังหัวเราะอยู่ด้านหลัง
“หวังว่าจะรักษาเก่งเหมือนปากนะ” หวงฮั่นหลินหรี่ตามองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น “เริ่มเลยเถอะ พวกเธออยากประลองอะไร ให้ไวเลย”
“การตรวจสี่อย่าง[2] ในเมื่อเป็นการประลองการแพทย์ งั้นพวกเราก็จะใช้วิธีการที่ง่ายที่สุดที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้เอาชนะพวกเธอ ฉันได้ติดต่อโรงพยาบาลประจำเมืองอู่เฉิงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะส่งผู้ป่วยมาให้ รอบแรกพวกเราจะประลองทฤษฎีวินิจฉัยโรค รอบที่สองประลองรักษาผู้ป่วย รอบที่สามพวกเธออยากแข่งอะไรก็บอกมา ฉันว่าแค่สองตาก็เอาชนะแพทย์แผนปัจจุบันของพวกเธอได้แล้วล่ะ” หลิวเย่าซือพูดด้วยเสียงดัง
“ยายหนูตระกูลหลิว หวังว่าเธอจะทำให้พวกเราซวยได้นะ ไม่งั้นพวกเราจะถูกโกนหัวนะ ฮ่าๆ” หวงฮั่นหลินพูดพลางหัวเราะโดยไม่ได้รู้สึกโกรธ
“รุ่นพี่ หัวหน้าหลิว โรงพยาบาลอู่เฉิงพาผู้ป่วยมาแล้วค่ะ” นักศึกษาปีหนึ่งรายหนึ่งวิ่งมาตรงหน้าหลินเย่าซือพร้อมกับพูดขึ้น
“หลังจากวันนี้ไป อาคารหมอเทพก็จะเป็นของเราแล้วล่ะ” เฉินเจี่ยตี้สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “คณบดีหวง รอบแรกเย่าซือน่าจะลงแข่งเอง ฝั่งพวกเราจะให้ผมแข่งหรือจะให้เฉียนคุนแข่งดีครับ”
“ให้เฉียนคุนแข่งก็พอแล้ว ถ้าเฉียนคุนแพ้ เธอก็ต้องเอาชนะยายหนูตระกูลเหลิ่งนั่นให้ได้ รอบสามให้เสี่ยวเหอแข่ง ไว้ถึงตอนนั้นช่วยถ่ายรูปท่าทีของเหล่าหลิวมาให้ฉันหน่อย ต้องสนุกแน่ๆ เลย ฮ่าๆ” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ
“ท่านคณบดีแกร่งมากเลยครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดยิ้มๆ
อันที่จริงการประลองรอบแรกนั้นง่ายมาก โรงพยาบาลอู่เฉิงส่งผู้ป่วยมาสี่ราย ทางโรงพยาบาลได้วินิจฉัยอาการป่วยเรียบร้อยแล้ว แล้วให้ทางผู้เข้าแข่งขันคณะแพทย์แผนโบราณกับแพทย์แผนปัจจุบันวินิจฉัยอีกครั้ง จากนั้นก็มาเทียบกับทางโรงพยาบาลเพื่อหาผลแพ้ชนะ
“เฉียนคุน วินิจฉัยสบายๆ ก็พอแล้ว ไม่ต้องกดดัน ฝั่งเราไม่ต้องกดดันหรอก แพ้ชนะไม่เป็นไร” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ กับลูกศิษย์ตัวเอง
“วางใจเถอะครับ ผมรู้ว่าคู่แข่งของผมคือใคร แต่ว่าผมไม่มีทางแพ้แน่นอน” เฉาเฉียนคุนพูดยิ้มๆ
หลิวเย่าซือจับชีพจรของผู้ป่วยทั้งสี่ราย สำรวจลักษณะพิเศษของผู้ป่วยทั้งสี่ จากนั้นก็ถามคำถามพวกเขาสองสามคำถาม สุดท้ายก็เขียนคำตอบของตนลงในกระดาษ
เฉาเฉียนคุนหยิบสเต็ตโทสโคป[3] มาหนึ่งเครื่องก่อนจะทำการตรวจขั้นพื้นฐานกับผู้ป่วย จากนั้นก็เขียนคำตอบบนกระดาษอย่างรวดเร็ว เขามองหลิวเย่าซือที่อยู่ตรงข้ามแวบหนึ่งด้วยท่าทางราวกับกุมชัยชนะเอาไว้
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็เขียนคำตอบเสร็จพร้อมกัน จากนั้นก็ส่งไปให้หัวหน้าหลิวจากโรงพยาบาลอู่เฉิง
“ท่านคณบดีหลิว คณบดีหวง นักศึกษามหาลัยอู่เฉิงไม่เลวเลยนะครับเนี่ย นักศึกษาอย่างพวกเขาถ้ามาที่โรงพยาบาลอู่เฉิงอย่างพวกเราก็ถือว่าเป็นคนเก่งเหมือนกัน” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวหลิว พวกเขาสองคนใครแพ้ใครชนะเหรอ แกประกาศคำตอบสักทีเถอะ” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ หลิวชิงเจิงเองก็เป็นนักเรียนของเขา เขาอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมืองได้สามปีก็ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายศัลยกรรมประสาท เส้นทางช่างราบรื่นยิ่งนัก
“คำตอบที่น้องๆ ให้มานั้นไม่ผิดเลยครับ พวกเขาวินิจฉัยอาการป่วยของผู้ป่วยทั้งสี่ได้อย่างชัดเจน” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวหลิว แกหมายความว่ารอบแรกเสมอกันเหรอ” หลิวเฉินกังถามขึ้นยิ้มๆ เขามีความรู้สึกที่ไม่เลวต่อหลิวชิงเจิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เลย เพราะเมื่อก่อนตอนที่หลิวชิงเจิงยังเรียนอยู่ เขาไม่ได้มีความบาดหมางกับคณะแพทย์แผนปัจจุบัน และมีมิตรภาพที่ดีต่อหลิวเฉินกัง
“คณบดีหลิว ผมขอไม่บอกก่อนว่าใครแพ้ใครชนะ พวกคุณมาดูคำตอบของทั้งสองคนเองเถอะ” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“อันนี้เป็นของรุ่นน้องเย่าซือ อันนี้เป็นของรุ่นน้องเฉียนคุนจากคณะแพทย์แผนปัจจุบัน” หลิวชิงเจิงนำคำตอบของทั้งสองวางไว้บนโต๊ะพร้อมกัน
หลิวเฉินกังกับหวงฮั่นหลินมองคำตอบของทั้งคู่ หวงฮั่นหลินยิ่งมองก็ยิ่งพออกพอใจ อารมณ์ยินดีนั้นแสดงออกมาง่ายกว่ามาก ส่วนสีหน้าของหลิวเฉินกังก็เริ่มดูแย่ลง
“ให้ผู้ป่วยหมายเลขสามมาหน่อย” หลิวเฉินกังพูดพลางส่ายศีรษะ จากนั้นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีผู้หนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา หลิวเฉินกังทาบนิ้วมือไว้บนข้อมือของชายผู้นั้น ไม่นาน สีหน้าเขาก็ดูแย่ยิ่ิงกว่าเดิม
“เหล่าหลิว ไม่งั้นรอบนี้เสมอกันไหม คำตอบของนักเรียนทั้งสองคนเหมือนกันกับโรงพยาบาลประจำเมืองเลย” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ
“แพ้ก็แพ้ไปสิ จะมาเสมอกันอะไรอีก การประลองรอบแรก คณะแพทย์แผนปัจจุบันชนะไป” หลิวเฉินกังพูดด้วยเสียงดัง
“เป็นไปไม่ได้ ฉันวินิจฉัยผู้ป่วยสี่คนนั่นไม่ผิดแน่” หลิวเย่าซือชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง
“ยายหนู เธอไปจับชีพจรผู้ป่วยคนที่สามใหม่เถอะ จับดูหน่อยแล้วจากนั้นก็ดูตาของเขา” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ “ไม่เลวเลยนะ แต่ว่าเทียบกับอุปกรณ์ทันสมัยพวกนั้นแล้วยังห่างกันเยอะเลย”
“พี่ไฮว่ ทำไมคนสวยคนนั้นแพ้ล่ะ คำตอบที่พวกเขาสองคนเขียนเหมือนกันกับที่โรงพยาบาลวินิจฉัยนี่นา” อวี้เอ๋อร์ถามขึ้นเบาๆ
“คนที่สามน่าจะเป็นลำไส้อักเสบฉับพลัน แต่ว่าลูกตาของเขาพร่ามัว ลำไส้อักเสบน่าจะเกิดจากเหล้า จากนั้นพิษเหล้าก็ทำลายตับของเขา ส่งผลให้ดวงตาของเขาพร่ามัว คนสวยคนนั้นไม่ได้เขียนถึงตับ แต่ไอ้เด็กคณะแพทย์แผนปัจจุบันนั้นเขียนไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
[1] เป็นจุดที่อยู่ระหว่างจมูกกับปาก การกดจุดเหรินจงเป็นการรักษาตามแบบการแพทย์จีน
[2] เป็นวิธีการเคราะห์โรคของการแพทย์จีน อันประกอบไปด้วย การดู การดม การสอบถาม และการจับชีพจร
[3] หูฟังหมอ