“ไง เพื่อนฮีโร่ของฉัน ฉันสงสัยว่าคุณอาจกำลังมองหาใครสักคนเพื่อเติมเต็มตำแหน่ง คุณสนใจคนแบกกระเป๋าที่เก่งที่สุดและนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยไหม?”
“อะไรนะ?”
ฉันยิ้มและอเล็กซิสมองฉันอย่างสงสัย เขาเป็นชายอายุยี่สิบสี่ปีที่มีผมสีบลอนด์นุ่มสลวย นอกจากรูปลักษณ์ที่เยือกเย็นแล้ว เขายังมีบุคลิกความเป็นผู้นำอีกด้วย เขาสูงกว่าฉันประมาณสองนิ้ว ถ้าเรายืนเคียงข้างกัน ฉันพนันได้เลยว่าอเล็กซิสจะรู้สึกยิ่งใหญ่กว่าฉัน … แค่เขาอยู่ตรงนั้นก็เพียงพอที่จะครอบงำคนอื่นแล้ว นี่สินะคือภาพลักษณ์ของผู้กล้า
ใช่ ความรู้สึกนี้ ฉันคิดถึงมัน ด้วยความคิดนั้น ฉันค่อยๆ โอบมือรอบด้ามดาบที่ฉันคาดเอวไว้ ใช่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลังเล ถ้าฉันมีข้อดีสองอย่าง ฉันก็ต้องโปรโมทมันทั้งคู่
“… นี่คือคำเตือน ฉันไม่รู้ว่านายคิดจะทำอะไร แต่ถ้านายชักดาบออกมา ฉันจะไม่แสดงความเมตตา โอเคมั้ย?”
“แน่นอน แต่ถ้าฉันไม่ทำ คุณจะไม่รู้ว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน ใช่ไหมล่ะ?”
“ฮะ … ฉันเข้าใจแล้ว เป็นหนึ่งในบทบาทของผู้กล้าที่จะปล่อยให้คนเข้าใจผิดเช่นนายรู้ความจริง”
เพื่อตอบสนองต่อการยั่วยุของฉัน อเล็กซิสถอนหายใจและดึงดาบออกมา น้ำเสียงของเขาสุภาพกว่าครั้งแรกที่เราบังเอิญเจอกัน แต่ฉันเคยเดินทางไปกับเขาและฉันสามารถบอกได้ ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าจู่ๆ ฉันชักดาบออกมาที่ถนน ยามก็คงจะบินมาที่ฉันในชั่วพริบตาและจับฉันลง ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือเมื่อคนที่ฉันเผชิญหน้าคืออเล็กซิส ที่มีฉายา “ผู้กล้า” เขาถือสิทธิพิเศษมากมายรวมถึงข้อผูกมัด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความต้องการในการแสดงความแข็งแกร่งโดยยอมรับคำท้าทายจากทุกคนได้ตลอดเวลา
ตามทฤษฎีแล้ว หน้าที่นี้มีอยู่เพื่อ “ป้องกันผู้ไม่มีอำนาจไม่ให้ใช้ยศผู้กล้าทำตามที่พวกเขาต้องการ” แต่อันที่จริงแล้ว มันคือการ “เปิดโอกาสให้ทุกคนเอาชนะผู้กล้าได้” ด้วยการ “ท้าประลอง” มันกลายเป็นข้อความจากประเทศต่างๆ ว่า “คุณไม่สามารถฟ้องร้องทางกฎหมายและยึดครองผู้กล้าที่แข็งแกร่งและกล้าหาญที่สุดได้ ดังนั้นหากคุณคิดจะผูกมัดผู้กล้า คุณก็จะถูกประเทศทอดทิ้ง”…. ประมาณนั้นล่ะ
“ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการขอบคุณที่ยอมรับการดวล ฉันอยากให้คุณเป็นคนเริ่มท่าแรกดีไหม คุณผู้กล้า?”
“…… ฮะ?”
ริมฝีปากของอเล็กซิสยกขึ้นเมื่อคำพูดของฉัน โอ้ เขาโกรธจริงๆ เหรอ? ก็คงงั้นแหละ ถ้าฉันไม่ได้รับการยอมรับความสามารถของฉันต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ฉันคงไม่สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ของผู้กล้าด้วยฐานะที่เท่าเทียมกันได้――!?
“โอ๊ย!”
“… คุณต้องการหยุดตอนนี้หรือไม่”
ฉันแทบจะป้องกันดาบของอเล็กซิสด้วยตัวของฉันเอง ในขณะที่เขาเข้ามาใกล้ฉันในทันทีโดยไม่มีเสียงและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ใช่แทบจะไม่ เพราะ…
(โอ้ ดาบเหล็กนี่โทรมกว่าที่คิด!)
ดาบเหล็กที่ฉันถืออยู่ในมือคือดาบที่ฉันใช้ตอนที่ฉันเป็นทหารรับจ้างธรรมดาในโลกเดิมของฉัน เป็นราคาที่สมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับราคาของมัน เป็นไปไม่ได้ที่ดาบเหล็กของฉันจะรับดาบของอเล็กซิส—ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ดูเหมือนจะเคยติดอยู่ในก้อนหินที่ไหนสักแห่ง—
(อ๊ะ ถ้าฉันไม่สามารถป้องกันการโจมตีอย่างสมบูรณ์แบบ ดาบของฉันคงหักในทันที ฉันควรทำอย่างไรดี?)
“… ว่าไง? นายจะเข้ามาต่อเลยไหม?”
“หืม? อาใช่ …เอาล่ะนะ ฉันจะเริ่มแบบเบาๆ ก่อนก็แล้วกัน”
ครั้งนี้ ฉันฟันไปที่อเล็กซิส ผู้ซึ่งไม่อาจล่วงรู้ถึงความวุ่นวายภายในใจของฉันได้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีจากดาบของฉันไม่ได้มีเป้าหมายในการฆ่าอีกฝ่าย แต่เป็นการระมัดระวังไม่ให้ดาบหัก ขณะที่ฉันปล่อยการโจมตีที่รุนแรง อเล็กซิสก็ป้องกันด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ของเขา
“ก็เร็วดีนะ … แต่อย่างที่พูดไป การโจมตีของนายมันเบาเกินไป นี่นายกำลังล้อเล่นกับฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่มีทาง! คุณก็รู้ใช่ไหมว่า … ฉันปล่อยให้ผู้กล้าบาดเจ็บไม่ได้จริงมั้ยล่ะ”
“ฉันหมายความว่าคนอย่างนายจะทำร้ายฉันได้ยังไง นายเชื่อจริงเหรอว่านายสามารถทำร้ายฉันได้?”
อเล็กซิสโกรธมาก นี่อาจเป็นความคิดที่แย่สักหน่อย … ในแง่ของนักดาบ
“ดีมาก ถ้านายมีความมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น … ให้ฉันแสดงให้นายเห็นเอง ส่วนหนึ่งของพลังของผู้กล้า!”
ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น อเล็กซิสซึ่งอยู่ห่างจากฉันมากก็ยกดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเหนือหัวของเขา จากนั้น แสงค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบดาบ และอเล็กซิสซึ่งถือดาบอยู่เหนือศีรษะ เหวี่ยงดาบลงมาตรงจุดนั้น
“รับไป [ตัดแสงจันทร์] !”
“อะไรนะ?!”
เจ้าโง่เอ้ย?! ถ้าฉันหลบ มันจะโดนพลเรือนที่อยู่ข้างหลังฉันแน่! ถ้างั้นฉันจะไม่หลบ เนื่องจากพลังเวทมนตร์ของเขาทำให้ฟันออกเป็นคลื่นดาบได้… นั่นคือแก่นแท้ของเทคนิคดาบ นี่คือการโจมตีทางกายภาพ จึงสามารถลบล้างได้อย่างง่ายดายโดยใช้ [Invinsible] …… ไม่ ฉันเข้าใจแล้ว ในรูปแบบนี้!
“ฮะ!”
สิ่งที่พุ่งมาที่ฉันคือคลื่นดาบที่กลมราวกับพระจันทร์เสี้ยว ดังนั้นฉันจึงถือดาบของฉันในท่าทางที่ต่ำกว่าและเหวี่ยงมันเหมือนกำลังตักขึ้น ทันใดนั้น ใบดาบที่ส่องแสงก็เปลี่ยนวิถีของมันขึ้นไปเหนือศีรษะของฉัน และถูกดูดเข้าไปในท้องฟ้าสีคราม
ในเวลาเดียวกัน ดาบเหล็กแสนรักของฉันที่ฉันใช้มันในโลกเดิมก็หักออกด้วยเสียงแหลมสูง แม้จะอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสั้นๆ แต่มันก็สามารถทำงานสุดท้ายให้สำเร็จลุล่วงได้
“นายกำลัง…คิดอะไรอยู่!!! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันไม่ป้องกัน――”
“หึ พูดบ้าอะไรเนี่ย คิดว่าฉันไม่คิดถึงมันเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ถูกต้องแล้วหนุ่มน้อย!”
ขณะที่อเล็กซิสปัดผมสีบลอนด์ไปด้านหลัง ฉันก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันรีบหันกลับไปและมีชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำสูง 190 เซนติเมตรและศีรษะเป็นประกายยืนอยู่ เขาน่าจะมีอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว แต่ร่างกายของเขาไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแอลงเลย
“ถ้าเป็นการโจมตีที่รุนแรงจากผู้กล้า ฉันไม่เห็นว่ากล้ามเนื้อของฉันจะเสียหายจากการโจมตีเพียงเล็กน้อยนั่นได้อย่างไร! ฉันสร้างบาเรียป้องกันไว้แล้ว เผื่อเด็กอย่างพวกนายจะทำอะไรบ้าๆ”
“ตาแก่กอนโซ ไม่สิ .. คุณพระนักรบกอนโซ!”
“โอ้ อะไรนะ? นายรู้จักฉันด้วยเหรอ หนุ่มน้อย ถ้านายรู้จักฉัน นายควรเพิ่มกล้ามเนื้อให้กับร่างกายที่น่าสงสารของนายตอนนี้หน่อยนะ เพราะศรัทธาก็คือกล้ามเนื้อ!”
“ครับ… ไม่สิ ผมขอผ่านก็แล้วกันนะ”
ฉันสงสัยว่ามันคืออะไร เกือบร้อยปีแล้วที่ฉันได้เห็นเขา แต่ถึงกระนั้นฉันก็ไม่รู้สึกอึดอัดเลยในการพูดคุยนี้ ฉันคิดว่านี่คือปาร์ตี้ของผู้กล้ากลุ่มแรกที่ฉันเข้าร่วมทำให้ฉันประทับใจมาก
“โมว~! พวกนายสองคนทำอะไรกันน่ะ!”
“…………”
เป็นเสียงใหม่ที่สามที่ฉันได้ยิน ร่างกายของฉันแข็งทื่อโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนคนสุดท้าย ซึ่งฉันไม่ได้พบหน้ากันมาเป็นร้อยปีกับอีกหนึ่งวัน เธอมีร่างกายที่เล็กกะทัดรัดประมาณ 160 เซนติเมตร และผมสีเหลืองแดดซึ่งออกแดงกว่าผมสีบลอนด์ของอเล็กซิสเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวหยกของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของชีวิต และเพียงแค่จ้องมองเข้าไปก็ทำให้หน้าอกของฉันแน่นขึ้นราวกับว่ามันจะระเบิดออกมา
“อเล็กซิส! ฉันสงสัยว่าทำไมนายยังไม่กลับมา นายมาทำอะไรที่นี่?!”
“ฮ่า~ ดูสิว่าเธอพูดอะไร …… ก็แค่เรื่องปกติ ฉันแค่แสดงให้คนทั่วไปที่ไม่รู้จักสถานที่ของพวกเขาได้ลิ้มรสความสุดยอดของฉันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“อะไรที่ว่าน้อยกัน!!? นายใช้พลังของดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะ…. เฮ้คุณ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
อเล็กซิสยักไหล่ในขณะที่เขากำดาบศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเทียตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวลก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน แววตาที่กังวลในดวงตาของเธอคือใบหน้าที่ฉันเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนระหว่างการผจญภัยที่เริ่มต้นและสิ้นสุดที่นี่
“เทีย…”
“เอ๋? คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง ฉันเคยรู้จักคุณโดยบังเอิญรึเปล่า?”
ฉันอดไม่ได้ที่จะเรียกชื่อเธอ และเทียก็เอียงศีรษะด้วยความสับสน แม้ว่ามันจะเป็นครั้งที่สองสำหรับฉันแต่มันเป็นครั้งแรกสำหรับเทีย ฉันรีบหาข้อแก้ตัวดีๆ
“อา!? ไม่ นั่นสิ… เพื่อนๆ และสมาชิกในปาร์ตี้ของผู้กล้าทุกคนต่างก็ถูกพูดถึง ฉันหมายความว่าฉันรู้ชื่อทุกคนอย่างน้อย…”
“อ๋อー ฉันเข้าใจแล้ว ใช่แล้วล่ะ ก็ไม่ใช่ว่าฉันเก็บชื่อเป็นความลับซักหน่อยนี่นะ แต่ให้ฉันแนะนำตัวเองอีกครั้งนะ! ฉันชื่อลูนาร์เทีย ผู้ใช้เวทย์วิญญาณที่ร่วมเดินทางไปกับอเล็กซิสเพื่อเอาชนะจอมมาร ยินดีที่ได้รู้จัก!”
“อ่าใช่ ฉันชื่อเอ็ด … นักดาบและคนแบกสัมภาระ”
“นายชื่อเอ็ดสินะ! ยินดีที่ได้รู้จัก เอ็ด … นอกจากเป็นนักดาบแล้ว นายยังเป็นคนแบกสัมภาระด้วยเหรอ?”
ฉันจับมือกับเทีย ซึ่งเธอยื่นมาให้ฉันพร้อมกับเอียงหน้าอย่างน่ารัก เมื่อนิ้วของฉันพันเข้ากับนิ้วเรียวของเธอ ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ฝ่ามือ
อา เธอยังมีชีวิตอยู่ เทียมีชีวิตชีวาและยิ้มแย้ม …
“เอ๊ะ!? เดี๋ยวก่อน!! ทำไมนายถึงร้องไห้ล่ะ!?”
“เอ๊ะ?”
ฉันวางมือบนแก้มขณะที่เทียเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าฉันร้องไห้โดยไม่รู้ตัว
“ไม่ นี่มัน…… อา นี่มัน! นี่เพราะฉันไม่ได้คาดหวังว่าสมาชิกในปาร์ตี้ของผู้กล้าจะเรียกชื่อฉัน ฉันก็เลยดีใจจนน้ำตาไหล”
“เอ๊ะ แค่นั้นน่ะเหรอ!! ฉ-ฉันควรทำอย่างไร? ฉ-ฉันควรทำยังไงดี?”
“ฮ่าฮ่า ฉันแน่ใจว่ามันจะหยุดในไม่ช้า ไม่ต้องกังวลกับมัน อ๋อ แต่ใช่…. ถ้าเธอต้องการจะช่วย …”
“อะไร?”
“นั่นสินะ… ช่วยพูดชื่อฉันอีกครั้งได้ไหม”
“ชื่อ? โอเค … เอ็ด?”
“…. ครับ!”
“ฟุฟุ นายนี่ตลกจังนะ เอ็ด!”
เทียยิ้มอย่างไร้เดียงสามาที่ฉัน และฉันก็ยิ้มกลับไปอย่างสุดความสามารถในขณะที่น้ำตาทำให้การมองเห็นของฉันบิดเบี้ยว
MANGA DISCUSSION