[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ - ตอนที่ 114 เพื่อนบ้านเกิด / ตอนที่ 115 ตัวสำรอง
- Home
- [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ
- ตอนที่ 114 เพื่อนบ้านเกิด / ตอนที่ 115 ตัวสำรอง
ตอนที่ 114 เพื่อนบ้านเกิด
“อย่าพูดล้อเล่นมั่วซั่วอีกเลยนะ นายเอาแต่เป็นแบบนี้ฉันชักจะไม่กล้าออกมากับนายแล้วเนี่ย” ชุยหังว่า
ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้นว่า: “โอเค ฉันผิดไปแล้ว ฉันนึกว่าถ้าฉันพูดถึงบ่อยๆ เผื่อว่าเส้นเอ็นเส้นไหนของนายมันจะผิดปกติขึ้นมาแล้วเกิดตอบตกลงน่ะ”
ชุยหังหัวเราะและพูดว่า: “นายพูดซะตัวเองดูแย่ขนาดไหนเนี่ย ถึงต้องให้สมอง เส้นเอ็นฉันผิดปกติถึงจะได้น่ะ”
“ไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้ฉันปรากฏตัวในเวลาที่ไม่ใช่เล่า” ชย่าอวี่ชิวหัวเราะเยาะอย่างดูถูกตัวเอง
ชุยหังพูดขึ้น: “พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ไปเถอะ”
“อืม ไปเถอะ จะพานายไปชิมเกี๊ยวตงเป่ยต้นตำรับ”
ถนนตั้วลั่วกับถนนเฟิงหลิวอยู่สองทิศทางของมหาวิทยาลัย ดังนั้นก็เท่ากับว่าพวกเขาต้องผ่านทะลุบริเวณมหาวิทยาลัย
เมื่อเห็นนักศึกษาใหม่เหล่านั้นต่างก็ถอดชุดทหารออกหมดแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเล่นธรรมดาแบบนี้ ดูไม่ค่อยชินเท่าไหร่เลยจริงๆ
“นายคิดได้หรือยังว่าอยากสมัครเข้าชมรมอะไร” ชย่าอวี่ชิวเอ่ยถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ชมรมศิลปะมั้ง”
“นั่นมันของมหา’ ลัย ฉันพูดถึงกลุ่มจัดตั้ง แบบที่นักศึกษาจัดตั้งขึ้นมากันเองแบบนั้นน่ะ”
“มีอะไรบ้าง” ชุยหังเอ่ยถาม
“ที่นายนึกถึงได้น่าจะมีหมดเลยนะ พวกสตรีทแดนซ์ แบดมินตัน บาสเกตบอลอะไรพวกนั้น”
“ยังคิดไม่ได้ ฉันไม่ค่อยสนใจพวกนี้เท่าไหร่ นายอยากสมัครอะไร”
ชย่าอวี่ชิวตอบกลับว่า: “โรลเลอร์สเกต”
“โรลเลอร์สเกตคืออะไร” ชุยหังดูงงๆ
ชย่าอวี่ชิวพูดตอบว่า: “คำถามนี้ของนาย ฉันยังรู้สึกว่าฉันอธิบายให้นายไม่เข้าใจเลย…”
“ใช่สเกตน้ำแข็งไหม” ชุยหังถาม
ชย่าอวี่ชิวครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “ประมาณนั้นมั้ง นายก็เข้าใจแบบนี้แหละ ในเมื่อนายสามารถถามคำถามประเภทนี้ออกมาได้นั่นก็บอกได้แค่ว่านายไม่เข้าใจจริงๆ ถึงฉันอธิบายให้นายฟัง นายก็คงยังไม่เข้าใจ”
“อืม งั้นฉันคงไม่ได้ ตอนนั้นฉันไปเล่นสเกตน้ำแข็งตรงจัตุรัสเซ็นจูรี่นั่นมาเกือบจะล้มตายแล้ว…” ชุยหังว่า
ชย่าอวี่ชิวพูดต่อ: “งั้นนายก็เก่งพอสมควรเลยนะ ฉันรู้สึกว่าอันนี้หล่อสุดๆ”
“ถ้านายอยากจะหล่อจริงๆ ล่ะก็ไปเต้นสตรีทแดนซ์สิ” ชุยหังพูดออกมาประโยคหนึ่ง
ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น: “ถ้าเกิดว่านายอยากให้ฉันเรียนสตรีทแดนซ์ ฉันก็จะไปเรียนสตรีทแดนซ์”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันก็แค่รู้สึกว่าสตรีทแดนซ์ก็ดีเหมือนกัน”
“ได้ งั้นก็เอาตามนี้เลย เพื่อนายฉันก็จะไปเรียน…”
ชุยหังพูดขึ้น: “นายอย่าพูดแบบนี้สิ นายอยากเรียนอะไรก็เรียนอันนั้นเถอะ”
“ยังไงซะคนหนึ่งก็เลือกได้ตั้งหลายชมรม แค่จ่ายเงินก็โอเคแล้ว” ชย่าอวี่ชิวว่า
ชุยหังเข้าใจแล้วจึงพูดต่อว่า: “ฉันนึกว่าอันนี้ก็เป็นเลือกเดี่ยวซะอีก”
“ยังไงซะในอนาคตเรื่องอีกมากมาย นายจะค่อยๆ รู้เอง”
พวกเขาพูดคุยหัวเราะมาตลอดทางจนในที่สุดก็มาถึงถนนตั้วลั่วแล้ว จากนั้นก็มองเห็นร้านเกี๊ยวตงเป่ยที่ชย่าอวี่ชิวเคยพูดถึง
เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยกำลังยุ่งอยู่หน้าประตูร้าน คนหนึ่งกำลังนวดแผ่นแป้ง อีกคนกำลังห่อเกี๊ยว ภาพฉากนั้นเหมือนกันกับภาพฉากที่ชุยหังเคยเห็นพ่อกับแม่ห่อเกี๊ยวตอนอยู่บ้านเกิดตงเป่ยไม่มีผิดเลย
คือขนาดกลิ่นของน้ำซุปต้มเกี๊ยวอันนั้นยังรู้สึกว่ามันคือรสชาติของตงเป่ยเลย
“หอมจัง เหมือนกับได้กลับบ้านเลย” ชุยหังกล่าว
“เถ้าแก่เกี๊ยวสองถ้วยครับ” ชย่าอวี่ชิวว่า
เถ้าแก่เงยหน้าขึ้นมามองชย่าอวี่ชิวจากนั้นก็เอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร
“ไอ้น้องชายมาแล้วหรอ กินไส้อะไร”
“ของผมเอาไส้เนื้อผักดอง หกหยวนครับ” ชย่าอวี่ชิวกล่าว
“คนนี้เป็นเพื่อนหรอ” เถ้าแก่ร้านถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ผมก็เป็นคนตงเป่ยครับ ได้ยินว่ามีร้านเกี๊ยวตงเป่ยก็เลยมา”
“เป็นเพื่อนบ้านเกิดเดียวกันเหมือนกันสินะ กินอะไร”
“ผมเอากุยช่ายไข่ไก่ครับ เอามาหกหยวนเหมือนกันครับ”
บนผนังมีกระดาษสีแดงแผ่นหนึ่งแปะติดไว้ ด้านบนเขียนว่าเกี๊ยวหนึ่งหยวนสี่ชิ้น
พวกเขาพึ่งจะนั่งลงไม่นาน โทรศัพท์ของชุยหังก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขจากเมืองเอ้ออีกแล้ว แถมยังเป็นเบอร์แปลกด้วย
ตอนที่ 115 ตัวสำรอง
เขาลังเลนิดหน่อยก่อนที่จะกดรับสาย
“ฮัลโหล สวัสดีครับใครครับ” ชุยหังถาม
“นายใช่ชุยหังไหม” สายนั้นมีเสียงเข้มหนักส่งกลับมา
ชุยหังมึนนิ่งไป น้ำเสียงนี้ฟังดูคุ้นๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“ผมเองครับ คุณเป็นใครครับ” เขาถาม
“นายฟังไม่ออกหรอ” ฝั่งนั้นถามกลับมา
ชุยหังครุ่นคิดอีกครั้ง ตนอยู่ทางนี้ควรจะไม่รู้จักใครสิถึงจะถูก
ตอนนี้พึ่งจะสิ้นสุดการฝึกทหารไป ตนยังไม่ทันได้ออกไปเดินเที่ยวเล่น ดังนั้นที่รู้จักก็มีแค่ไม่กี่คนในมหาวิทยาลัย
แต่ว่าเสียงของคนๆ นี้ฟังดูแล้วต้องไม่ใช่นักศึกษาอย่างแน่นอน
“ฉันคือซ่งไข่” ในที่สุดทางฝั่งนั้นก็พูดแล้ว
เมื่อชุยหังได้ยินชื่อนี้เข้า วินาทีนั้นมือก็เริ่มสั่นขึ้นมาทันที
เขามีเบอร์มือถือของตนได้ยังไง แล้วเขาโทรศัพท์มาหาตนเพื่ออะไร
“ครูฝึกซ่งสวัสดีครับ” ถึงแม้ว่าภายในใจของชุยหังจะกำลังสงสัยแต่เขาก็ยังพูดอย่างสุภาพ
เขาส่งสายตาให้ชย่าอวี่ชิวบอกว่าตนจะออกไปคุยโทรศัพท์ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่งออกไปข้างนอก
ซ่งไข่พูดขึ้น: “ฝึกทหารเสร็จไปแล้วทำไมยังเรียกฉันว่าครูฝึกอีก”
“งั้นควรเรียกอะไรครับ” ชุยหังเอ่ยถาม
ซ่งไข่ถอนหายใจแล้วพูดว่า: “นายสบายใจยังไงก็เรียกแบบนั้นเถอะ ยังไงซะที่ฉันอยากให้นายเรียกนายก็เรียกไม่ออกหรอก”
ชุยหังเข้าใจความหมายของเขา แต่ว่าเขาพูดไปชัดเจนมากแล้วว่าระหว่างพวกเขาไม่เหมาะสมกัน
ในใจของเขาตอนนี้มีคนอยู่ แถมยังเป็นคนที่ไม่รู้ด้วยว่าอยู่ที่ไหน เป็นคนที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้
เหมือนกับเทพเจ้ามังกรเห็นหัวมิเห็นหาง [1] ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับมาไหม
อันที่จริงชุยหังคิดว่าตนเองก็มีพรสวรรค์พอสมควร เพื่อคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะกลับมาไหมกับคำสั่งแปลกประหลาดอีกแค่ประโยคเดียว ก็ปฏิเสธไปแล้วถึงสองคน
ถ้าหากว่าในที่สุดแล้วตนต้องโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ส่วนหลูจื้อก็ไม่กลับมา งั้นการที่ตนเฝ้ารอคอยอยู่แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร
“ครูฝึก คุณไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ” ชุยหังได้แต่หาเรื่องมาพูด ไม่อยากจะต่อหัวข้อสนทนาเมื่อครู่นี้อีก
ซ่งไข่ตอบว่า: “ฉันออกมาตั้งนานแล้ว ฉันอยู่ที่นั่นพวกเขาคงจะไม่สามารถดื่มเหล้าอย่างสบายใจได้แน่ ฉันไม่อยู่ที่นั่นให้คนเกลียดหรอก ในเมื่อตอนที่ฉันมานายเองก็เห็นหมดแล้วไม่ใช่หรอว่าพวกเขาไม่ค่อยต้อนรับฉัน”
คิดไม่ถึงว่าซ่งไข่จะรู้หมดทุกอย่าง
ชุยหังพูดว่า: “ไม่มั้งครับ ผมเห็นพวกเขาทุกคนก็ดูดีใจออก แถมยังเคารพคุณมากด้วย”
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้ แบบนั้นจะไม่เท่ากับหักหลังครูฝึกคนอื่นๆ หรอ
แต่ว่า สำหรับคำปลอบใจของชุยหังนั้น ซ่งไข่ก็ยังส่งยิ้มออกมาอย่างยินดีปรีดาและพูดว่า: “นายไม่ต้องพูดเรื่องนี้กับฉัน พวกเขาเป็นยังไงฉันรู้หมดนั่นแหละ”
“อ้อ…” ชุยหังไม่มีคำพูดใดที่สามารถพูดได้อีกแล้ว
“นายจะไม่พิจารณาอีกสักหน่อยจริงๆ หรอ” ทันใดนั้นซ่งไข่ก็เอ่ยถามขึ้นมา
ชุยหังมึนงงพลางถาม: “อะไร”
“ต้องเป็นความสัมพันธ์ของเราสองคนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ในใจของนายมีคนอื่น แต่ว่าคงจะไม่ขัดขวางที่จะเอาฉันไปไว้ในตำแหน่งตัวสำรองหรอกใช่ไหม” ซ่งไข่พูดอย่างตรงไปตรงมา
ชุยหังรู้สึกจนปัญญาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนจิตใจโหดเ**้ยมอะไร แต่เขาก็ไม่ค่อยชอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ หรือไม่ก็ต้องคบกัน หรือไม่ก็คือไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ไม่ชัดเจน แล้วก็ไม่มีอะไรที่ตัดบัวแล้วยังเหลือใย
ในเมื่อคนในใจของเขาคือหลูจื้อ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำให้คนอื่นเสียเวลา
แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธยังไงดี
“อันนี้ผมว่าไม่ต้องหรอกครับ…” เขาพูดอย่างอ่อนแรง
“ไม่เป็นไร นายไม่ต้องรู้สึกว่ามีภาระรับผิดชอบอะไรในใจ นายก็แค่รอต่อไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ตอนนั้นนายยังสามารถหันกลับมาหาฉันได้” ซ่งไข่ว่า
ชุยหังได้ฟังคำพูดแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งแต่กลับดูเหมือนจะฟังอะไรสักอย่างออก
——
[1] เทพเจ้ามังกรเห็นหัวมิเห็นหาง 神 龙见首不见尾 เปรียบเปรย คนที่โผล่ให้เห็นหน้าอยู่แว่บๆ พริบตาเดียวก็หายตัวไปแล้ว