นางร้ายกับนัยน์ตาทั้งสิบสอง: ชาตินี้เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของข้า - ตอนที่ 3 เลือกผู้ติดตาม
- Home
- นางร้ายกับนัยน์ตาทั้งสิบสอง: ชาตินี้เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของข้า
- ตอนที่ 3 เลือกผู้ติดตาม
“ผู้ติดตามวัยเดียวกับเจ้างั้นรึ”
ท่านพ่อแสดงสีหน้าสับสน ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไร มีบ้างที่มีการมอบหมายให้คนหนุ่มสาวดูแลทารก แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีการมอบหมายให้ผู้ติดตามที่เป็นเด็กดูแลเด็กด้วยกันเอง ถึงกระนั้นข้าก็จำเป็นต้องใช้คนอายุน้อย
“ใช่ค่ะท่านพ่อ ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครที่อายุวัยเดียวกับลูกเลย แม้คนรับใช้จะดูแลลูกดี แต่ลูกก็ต้องการมีคนวัยเดียวกันอยู่ข้างกายค่ะ”
“อืม.…..”
ท่านพ่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เช่นนั้นก็เลือกคนที่เหมาะสมที่มาจากตระกูลดี ๆ……”
เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสมกับเป็นท่านพ่อเสียจริง ทว่า นั่นไม่ใช่สิ่งข้าต้องการ
คนดีแบบนั้น มันไม่จำเป็นสำหรับข้า
“ไม่ค่ะท่านพ่อ ลูกอยากเลือกเองจากเด็กที่ด้อยโอกาสค่ะ อย่างเช่นเด็ก ๆ ที่อดอยากในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
สิ่งที่จำเป็นสำหรับข้าคือมนุษย์ที่เปรียบเสมือนหมาป่าหิวโซ เหล่าคนที่เกลียดชังโลกใบนี้ อิจฉาผู้อื่น และดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่ในก้นบึ้งของสังคม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ข้าก็ต้องการคนที่มีจิตใจแกร่งกล้า แม้ว่าจะถูกทรมานก็ไม่ปริปากบอกด้วยเช่นกัน
ข้าจะอบรมและฝึกฝนคนพวกนั้นเสียตั้งแต่ตอนนี้ ให้เป็นคนรับใช้ที่ยอดเยี่ยมของข้า
หากเป็นคำสั่งของข้าแล้วละก็ แม้จะเป็นราชวงศ์ก็สังหารลงโดยไม่ลังเล และถ้าฆ่าตัวตายในสถานการณ์นั้นได้ด้วยก็ยิ่งวิเศษ
“เด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า……เจ้าไม่สามารถนำพวกต่ำช้าโสโครกพรรค์นั้นเข้ามาในคฤหาสน์ของเราได้หรอกนะ”
เหมือนว่าแม้แต่ท่านพ่อผู้ใจดีก็ยังต่อต้านเรื่องนี้ มันก็แน่อยู่แล้ว มีเหตุผลอะไรที่ต้องนำเด็กสกปรกเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลดยุก
เพียงแต่ ข้าต้องเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้กับนักบุญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าจะให้พูดก็คือพวกเขาเป็นหมากที่ใช้แล้วทิ้ง ยิ่งฐานะต่ำต้อยเท่าไรข้ายิ่งต้องการ ในจุดนี้ เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่จะไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง อาจเรียกได้ว่าพวกมันเป็นตัวเลือกเหมาะสมที่สุด
“ท่านพ่อคะ แม้ว่าพวกเขาจะเกิดมาต่ำต้อย แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ลูกคิดว่าถ้าได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ก็จะสามารถเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยมค่ะ”
ใช่แล้ว เด็กคือก้อนแห่งความเป็นไปได้ เช่นหากให้เรียนวิชาลอบสังหารตั้งแต่ตอนนี้ ก็คงเติบโตเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมได้ในอนาคต
“อืม”
ดูเหมือนท่านพ่อกำลังกังวล เหล่าคนรับใช้รอบข้างต่างส่งเสียงอื้ออึง ครึ่งหนึ่งรังเกียจที่เด็กกำพร้าจะเข้ามาในคฤหาสน์ แต่ครึ่งที่เหลือดูท่าทางสนใจ ใช้ชีวิตสบายกันเสียจริงนะ ถ้าพวกเจ้าเป็นคนมีความสามารถ วางแผนและลอบสังหารได้เก่งกว่านี้ ข้าก็ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้แล้วแท้ ๆ
ท่านแม่ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรเหมือนเคย
“ท่านพ่อ ได้โปรดมอบโอกาสให้ลูกได้เติบโตด้วยเถอะนะคะ ลูกอาจจะทำผิดพลาดบ้าง แต่ลูกคิดว่าการดำเนินชีวิตไปพร้อมกับพวกเขาจะทำให้ลูกได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ค่ะ”
ข้าต้องเติบโต เพื่อเอาชนะยัยนักบุญน่ารังเกียจนั่นให้ได้ ข้าต้องไม่เป็นผู้แพ้ที่น่าสมเพชเหมือนอย่างชาติก่อนอีก ข้าอยากปลิดลมหายใจของมันเสียตอนนี้เลยถ้าทำได้ แต่อาณาเขตของบิดาของเอเลนอร์นั้นอยู่ห่างไกลจนน่าเหลือเชื่อ ข้าจึงไม่อาจเอื้อมถึงได้ในตอนนี้
อาจจะมีความผิดพลาดบ้าง อย่างการที่เด็กกำพร้าพลาดตายระหว่างฝึกฝน แต่ถึงตอนนั้นแค่หาคนมาเพิ่มก็สิ้นเรื่อง ชีวิตที่ดำเนินไปพร้อมกับพวกเขาผู้เติบโตเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมจะทำให้ข้าได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่นตำแหน่งราชินีหรือแม้แต่ประเทศนี้
“ท่านตั้งใจจะบอกว่าจะมอบโอกาสให้เด็กกำพร้าได้รับศึกษาสินะคะ!” “เป็นความตั้งใจที่สูงส่งอะไรเช่นนี้!” “ช่างมีเมตตายิ่งนัก ราวกับท่านนักบุญเลยค่ะ!”
เหล่าคนรับใช้ประทับใจในคำพูดของข้า ใช่แล้ว ข้ามีเมตตา เพราะข้าจะมอบหน้าที่อันยอดเยี่ยมให้กับเด็ก ๆ ที่ถูกทอดทิ้งยังไงล่ะ
“เซลีน่า พ่อไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดไปถึงจุดนั้น เข้าใจแล้ว พ่อจะจัดการให้ พ่อจะพาเจ้าไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเอง เจ้าเลือกเด็กที่ต้องการได้เลย”
“ขอบคุณค่ะท่านพ่อ!”
ข้ากอดท่านพ่อ ข้าดีใจจริง ๆ เท่านี้ข้าก็จะได้กำลังรบสำหรับอนาคตแล้ว
──
ไม่กี่วันต่อมา ข้ากับท่านพ่อก็ขึ้นรถม้าไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
คฤหาสน์ตระกูลดยุกตั้งอยู่ลึกเข้าไปในย่านขุนนาง ระหว่างทางจึงผ่านคฤหาสน์ของเหล่าขุนนางตระกูลอื่น
ในบรรดาคฤหาสน์เหล่านั้น มีหลังหนึ่งที่ข้าจำได้ ซึ่งก็แน่อยู่แล้ว เพราะมันเป็นทิวทัศน์ที่แม้แต่ในชาติก่อนข้าก็เคยเห็น
แต่ข้านึกไม่ออกเลยว่าคฤหาสน์หลังนั้นเป็นของใคร
อาจเป็นคฤหาสน์ของขุนนางชั้นต่ำที่เหมือนจะพบได้ทั่วไป
“ท่านพ่อคะ คฤหาสน์หลังนั้นเป็นของใครเหรอคะ”
ข้าชี้นิ้วไปที่คฤหาสน์จากหน้าต่างรถม้า
“คฤหาสน์ของไวเคานต์เรเวนวูดน่ะ เป็นตระกูลซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการผลิตผู้ใช้เวทที่ยอดเยี่ยมสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน”
เป็นชื่อที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่าเข้าใจอะไรผิดไป
ถึงอย่างนั้น ข้าก็จ้องมองคฤหาสน์นั่นจนรถม้าเลยตรงนั้นไป ราวกับผูกพันไม่อยากจากไป
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ท่านพ่อพามาดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก
อาคารที่อยู่ติดกับคอนแวนต์นั้น เป็นอาคารหินที่ดูมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และมีสวนขนาดใหญ่อยู่กลางอาคาร
เมื่อย่างก้าวเล็ก ๆ เข้าไปด้านใน ก็ไม่คาดคิดว่าจะเห็นเด็ก ๆ กำลังเล่นกันอยู่ที่สวนกลางอาคาร มีเสียงหัวเราะและเสียงร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่ว สวนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดอกไม้ที่มีสีสันสดใสและสมุนไพรกลิ่นหอมกำลังบานสะพรั่ง
เดี๋ยวนะ ไม่ค่อยโหดร้ายเท่าไรเลยนี่
ทำไมถึงใช้ชีวิตดูมีความสุขนักล่ะ ในเมื่อไม่มีพ่อแม่แล้ว ฉันก็อุตส่าห์หวังให้พวกเขาใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมมากกว่านี้
ที่ทางเข้าอาคารมีประตูไม้แกะสลักเก่า ๆ มีชื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกสลักไว้อยู่ด้านบน
──สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโฮลี่เฮฟเว่น──
เมื่อเข้าไปด้านในก็พบทางเดินทอดยาวออกไป มีภาพวาดและของตกแต่งที่เด็ก ๆ ทำเองติดอยู่บนผนัง ทั้งสองข้างของทางเดินคือห้องนอนของเด็ก ๆ มีเตียงตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
ข้านึกว่ามันจะเป็นสถานที่เหมือนนรกที่เด็ก ๆ ต่อสู้กันจนนองเลือดเพื่อแย่งชิงเศษเสี้ยวขนมปังเสียอีก แต่ที่นี่ดูดีกว่าที่คิดไว้มาก
“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านดยุกโรเซนเบิร์กและท่านเซลีน่า”
คนที่ออกมาต้อนรับพวกข้าเป็นซิสเตอร์ที่เริ่มเข้าสู่วัยชรารูปร่างอ้วนและทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นคนที่ดูอ่อนโยนและใจกว้างอย่างเห็นได้ชัด ข้าอยากให้เป็นคนใจยักษ์ที่ปรี๊ดด่าเด็ก ๆ จนเตลิดมากกว่า
จะไหวไหมเนี่ยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ จะมีพวกเด็กหลงผิดจริง ๆ จัง ๆ อยู่ไหมเนี่ย
“ดิฉันซาบซึ้งในความเมตตาของท่านที่เลือกผู้ติดตามจากบรรดาเด็กกำพร้าในครั้งนี้ค่ะ”
ผู้ติดตามที่ทำงานรับใช้ให้ตระกูลดยุกจะได้รับการดูแลที่ดี และเดิมทีก็จำเป็นต้องมีฐานะและการศึกษาที่ดีระดับหนึ่ง แต่ข้าเลือกผู้ติดตามที่เป็นเด็กกำพร้า จึงกล่าวได้ว่าไม่แปลกที่ผู้อำนวยการจะซาบซึ้ง ถึงการดูแลผู้ติดตามของข้าจะค่อนข้างโหดร้ายก็เถอะ
“ดิฉันได้เลือกเด็ก ๆ ที่เหมาะสมกับการรับใช้ตระกูลดยุกไว้แล้ว เลือกจากเด็กเหล่านี้ได้เลยค่ะ”
เมื่อพูดจบ ผู้อำนวยการก็แนะนำเด็ก ๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังให้พวกข้า
แม้จะดูประหม่าเล็กน้อย แต่พวกเขาก็แต่งตัวเรียบร้อยและมีสีหน้าสดใสสมกับเป็นเด็ก
“ยินดีต้อนรับท่านดยุกและท่านเซลีน่า”
ฝึกมาแล้วสินะ ถึงทักทายพวกข้าได้อย่างเหมาะสม คงจะได้รับการสอนมารยาทมาแล้วระดับหนึ่ง
.…..ไม่ใช่ คนที่ข้าต้องการไม่ใช่คนพวกนี้
ถ้าไม่ใช่คนที่ดำดิ่งสู้ด้านมืดมากกว่านี้ข้าก็แย่น่ะสิ ข้ารับไม่ได้หรอกนะถ้าพวกมันเกิดสำนึกผิดขึ้นมาทันทีที่เจอเอเลนอร์ ทำไมพอเป็นนังนักบุญนั่น พวกอันธพาลในเมืองที่จัดการยากก็พากันกลับใจพลางร้องห่มร้องไห้กันนะ ข้าน่ะ ต้องการเด็กที่ทำหน้าบูดบึ้งแล้วเก็บกดเล่นฆ่าแมลงอยู่ตรงมุมสวนต่างหาก
“ขอบคุณมากนะคะท่านผู้อำนวยการที่ใส่ใจ แต่ข้าอยากเห็นเด็ก ๆ แล้วเลือกด้วยตัวเองน่ะค่ะ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ช่วยแนะนำเด็กคนอื่น ๆ ให้ด้วยนะคะ”
ข้าเลือกคำพูดแล้วกล่าวขอร้องอย่างระมัดระวัง ถ้าเป็นชาติก่อนข้าคงพูดประมาณว่า “มีมากเกินไปทั้งความใส่ใจและไขมันเลยนะคะเนี่ย”
“เข้าใจแล้วค่ะ เช่นนั้นดิฉันจะขอแนะนำเด็กคนอื่น ๆ ให้ด้วย ไม่ทราบว่าท่านต้องการเด็กแบบไหนหรือคะ”
ผู้อำนวยการไม่มีแม้แต่ท่าทีขุ่นเคืองและตอบกลับข้าอย่างร่าเริง
“อืม อยากได้เด็กที่แข็งแรงและดุร้าย เด็กที่ฉลาดแกมโกงและชอบหลอกลวงผู้อื่น เด็กที่ไร้ซึ่งความเมตตาและสามารถฆ่าสัตว์ได้อย่างหน้าตาเฉยอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ”
“คะ?”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของผู้อำนวยการเหยเกไปจากเดิม