นางบำเรอเติมใจ - ตอนที่ 51
“เข้ามาทักหรือว่ามีจุดประสงค์อะไร ไปเลยนะ” ต้นหลิวหรี่ตาไล่
“นายกลับไปเถอะเมฆ” เมฆาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มมองทุกคนที่อยู่รอบตัวพิรุณรัก วันนี้มันคงไม่ใช่วันของเขาสินะ
“เมฆกลับกันเถอะ ฉันเบื่อแล้ว” นิรินที่เดินกลับมาจากห้องน้ำเดินเข้ามาหาเมฆาอย่างหัวเสียเมื่อมองไม่เห็นแกริค นี่เขากลัวเธอถึงขนาดกลับไปแล้วงั้นเหรอ
“อืมๆ งั้นผมกลับก่อนนะครับ” เมฆายอมถอยแต่สายตาก็ยังจ้องคนที่เมาไม่วาง
“ปลายลำบากแล้วล่ะงานนี้” มุตาออกความเห็น ใครๆ ก็รู้ชื่อเสียงของเมฆาถ้าเขาหมายตาผู้หญิงคนไหน คนนั้นไม่มีทางรอด พอได้ฟันแล้วก็ทิ้ง
“อย่าพึ่งคิดไปไกล พวกเราก็อยู่” ดนัยที่เงียบอยู่นานออกความเห็น
“อืมๆ กลับกันเลยไหม ทุกคนก็กลับกันหมดแล้ว” ตอนนี้ทุกคนที่โต๊ะทยอยกลับหมดแล้วเมื่อท่านประธานใหญ่กลับ ทุกคนจึงกลับด้วย
“จะกลับกันรึยังครับ” อาเธอร์เมื่อได้โอกาสก็เดินเข้ามาหากลุ่มของพิรุณรักที่ยังไม่กลับ เมื่อกี้เขาเกือบจะเดินเข้ามาแล้วตอนที่เห็นพนักงานชายแผนกเซลล์เดินเข้ามา เขาดูออกว่าผู้ชายคนนั้นสนใจผู้หญิงของแกริค
สงสัยจะไม่อยากตายดี
“คุณอาเธอร์ พวกเรากำลังจะกลับครับ” ทัศนัยก้มหัวหน่อยๆ ให้อาเธอร์
“แล้วใครไปส่งใครบ้าง” อาเธอร์ถามอ้อมๆ
“พวกเราตกลงกันว่าจะไปส่งปลายฝนก่อนครับ แล้วค่อยทยอยส่งทุกคน” ทัศนัยบอก อาเธอร์พยักหน้าเข้าใจ
“ไปกันพอเหรอครับ”
“อ่อ พอครับนั่งเบียดๆ กันพอได้” วันนี้เอารถมาแค่คันเดียวเพราะตกลงกันไว้ว่าถ้าเมาแล้วไม่อยากให้ขับรถ
“ไหวแน่นะ” อาเธอร์ถามย้ำ
“ไหวครับ ผมไม่ได้ดื่มมาก” ตั้งแต่ที่ต้นหลิวบอกว่าพวกผู้หญิงจะเมาทัศนัยก็ไม่ค่อยได้แตะเหล้าแค่จิบๆ
“อืม งั้นไปครับผมเดินไปส่งที่รถ” สามสาวที่มึนๆ เมาๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่จึงไม่มีเวลาคิดสงสัยว่าผู้บริหารหนุ่มคนนี้มาสนใจพวกเขาทำไม
มีแต่พวกผู้ชายที่นึกสงสัยแต่ถ้ามองอีกแง่คงเป็นห่วงพนักงานในฐานะผู้บริหาร
“ไหวไหมปลาย” ดนัยเป็นคนพยุงพิรุณรัก ส่วนอีกสองคนก็เป็นหน้าที่ของทัศนัยและก็มาร์ค
“ไหว ปลายไม่ได้เมาซะหน่อย” ทุกคนหัวเราะเบาๆ กับคำแก้ตัวของหญิงสาว
“คนเมามักบอกว่าตัวเองไม่เมานะปลาย” ต้นหลิวพูด
“ใช่ๆ มุตานี่สิไม่ได้เมา เห็นไหมยืนตรงแปะ” มุตาดันทัศนัยที่พยุงตัวเองออกแล้วยืนตรง แต่แค่แป๊บเดียวก็เซไปข้างๆ จนคนรอบๆ หัวเราะ
“ไม่เมาเลย”
“แล้วเจ๊ จะโชว์ยืนตรงกับเขาด้วยไหม” มาร์คที่ประคองต้นหลิวอยู่ถาม
“ยืนทำไม ฉันรู้ว่าตัวเองเมา แต่ฉันมีสติเอามือนายออกไปจากเอวฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้เด็กเวร” ต้นหลิวตวาดใส่มาร์ค
“เอาออกเจ๊ก็ล้มดิ ผมไม่แตะอั๋งหรอกน่ามีแต่ไข้มัน”
“ไอ้มาร์ค” ต้นหลิวตวาดใส่มาร์คที่บังอาจพูดจาไม่เข้าหู ไม่มีใครบอกรึไงว่าพูดกับผู้หญิงห้ามพูดถึงไขมัน ถึงความอ้วน เธอแค่มีพุงน้อยๆ แค่นั้นเองไม่ได้อ้วนมากซะหน่อย
“คร๊าบบบ อย่าตะโกนเกรงใจคนอื่นเขา เดี๋ยวเขาจะหาว่าเมาแล้วไม่มีมารยาท” ต้นหลิวส่งค้อนให้มาร์ค
จนกระทั่งมาถึงที่ลานจอดรถ
“น้องปลายไหวไหมครับ” พิรุณรักแทบไม่มีแรงจะยืนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและเธอก็เป็นคนที่เมาที่สุดในกลุ่ม ร่างบางเอนไปหาที่พักพิงตรงนั้นคืออกของดนัย
“อือ ไหว” เสียงหวานยานครางตอบกลับมา แต่ดูเหมือนคนที่บอกว่าไหวจะไม่ไหวเอาซะแล้ว ร่างบางไถลลงไปบนอกแกร่ง ดนัยจึงรีบรวบร่างบางขึ้นมา ทำให้ตอนนี้เขากอดเธอเต็มๆ
อาเธอร์เองก็ได้แต่มองภาพนั้นโดยไม่รู้จะทำยังไง ถ้าเขาเข้าไปดึงพิรุณรักออกมามีหวังโดนสงสัยมากกว่านี้แน่ เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“ไหวไหมดนัย” ทัศนัยหันมาถาม
“ไหวครับๆ” ดนัยพยุงคนเมาขึ้นมา เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึกมีผู้หญิงมากอดแบบนี้เขาก็เขินๆ เหมือนกันนะ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรกับน้องมันก็เถอะ
“ทำอะไร”
“เสียงคราย….คุ้นๆ” พิรุณรักพูดลอยๆเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูลอยเข้ามาในโสตปราสาทของเธอ ในขณะที่ทุกคนได้แต่อ้าปากค้าง คนที่เมาๆ มึนๆ นี่เรียกว่าเกือบจะสร่างเมาได้ ก็ว่าได้
“ท่านประธาน”
สายตาคมของแกริคจ้องอยู่ที่ร่างบางเขม็งแผ่รังสีความน่ากลัวออกมาใส่ทุกคนจนรู้สึกขนลุกขนพองไปตามๆ กัน มีเพียงคนเดียวที่ไม่รับรู้อะไรเลยยังเอนตัวพิงอกของดนัยตาปรือๆ
“คนบ้า คุณทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง” พิรุณรักพำพึมออกมาคลายละเมอแต่ว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินหมด แต่ทุกคนคิดว่าพิรุณรักคงเพ้อหาแฟน สงสัยที่ดื่มหนักแบบนี้เพราะทะเลาะกับแฟนแน่ๆ
แกริคหรี่ตามองคนที่บังอาจทำให้เขาโมโหอยู่ตอนนี้ เขาไม่สนแล้วว่าเธอจะโกรธหรือว่างอนอะไร ใครบอกให้เธอบังอาจไปซบอกคนอื่น ถึงจะไม่รู้สึกตัวก็เถอะ
“เอ่อ.พวกเรากำลังจะกลับครับท่านประธาน” เป็นทัศนัยที่พูดขึ้นหลังจากอึ้งไม่หาย
พวกเขาทุกคนยังไม่รู้สาเหตุที่ท่านประธานมาอยู่ยืนอยู่ตรงนี้
“งั้นก็กลับ” แกริคพูดเสียงเรียบสายตายังไม่ล่ะออกจากร่างบาง ดูเหมือนแกริคจะไม่สนใจใครเลยนอกจากหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น จนทุกคนเริ่มจะสังเกตแล้วมองไปที่พิรุณรักเป็นตาเดียว
ทุกอย่างเงียบกริบ
“ม้าย กลับ” พิรุณรักตอบกลับทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคย หน้าตาบูดบึ้งบ่งบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจ
ทั้งแซคและอาเธอร์รอดูว่าเจ้านายของพวกเขาจะทำอะไรต่อ ได้แต่กลั้นหายใจกลัวว่าเจ้านายจะซัดผู้ชายที่ประคองผู้หญิงของตัวเองโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือไม
“ทำไม”
ทุกคนมองดูทั้งสองตอบโต้กันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กะพริบตาปริบๆ ได้แต่กลืนน้ำลายกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า น้องน้อยของแผนกรู้จักกับท่านประธาน
ดนัยแทบแข็งค้างไปทั้งตัวเมื่อโดนสายตาคมตวัดมอง เขาแทบหายใจไม่ออกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าเขาขยับพิรุณรักก็ไม่มีที่ยึดแล้วเธอก็จะล้ม แต่สายตาที่จ้องแทบจะเผาเขาไปทั้งร่างแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“คนบ้า อือ คุณนอกใจหนู นอกใจหนู”
และยิ่งตกใจอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
นอกใจหนู
นอกใจหนู
ซ้ำสองครั้ง ชัดเลย ทุกคนในแผนกไอทีสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย มุตากับต้นหลิวสร่างเมาเป็นปริทิ้ง เรียกได้ว่าตอนนี้ตาสว่างมาก ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว มีเพียงพิรุณรักเท่านั้นที่ดิ้นดุกดิกไปมาอยู่ที่อกของดนัย
ทุกคนที่เห็นภาพนั้นได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“มานี่” แกริคหัวเสียกับคนเมา เดินเข้าไปเพื่อที่จะดึงร่างบางออกมา แต่แม่คุณกลับยกมือขึ้นกอดคอดนัย ปฏิกิริยาของดนัยเป็นไปอย่างอัตโนมัติโดยยกมือขึ้นทั้งสองข้าง กลั้นหายใจพร้อมกับตาที่เบิกกว้าง
“ไม่เอา คนใจร้าย” พิรุณรักยังเพ้อต่อ ขยับตัวหนีโดยอัตโนมัติ
“ปลายฝน” แกริคเรียกหญิงสาวตรงหน้าเสียงเรียบ แต่ถึงแม้เสียงจะเรียบสายตากลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“หนูไม่กลับ วันนี้หนูจะนอนกับ….” เว้นจังหวะการพูดแล้วหรี่ตามองทุกคน เหมือนกำลังเลือกว่าจะนอนกับคนไหน ทุกคนได้แต่กลั้นหายใจ โดยเฉพาะผู้ชาย
ไม่บอกก็รู้ว่าพิรุณรักเป็นอะไรกับท่านประธานของพวกเขา ทั้งภาพทั้งเสียงชัดขนาดนี้
“คนนี้ พี่..ดนัย” กรามของแกริคบดเข้าหากันแน่น แววตาแทบเผาดนัยให้มอดไหม้
“เอ่อพี่ว่า..”