นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 88 บทลงโทษ ตอนที่ 1
อลิซพยักหน้าเห็นด้วย “โชคลาภเป็นสิ่งสำคัญมากในพลังของคนเรา การเสนอเครื่องสังเวยต่อมังกรนิรันดรให้มากขึ้นก็อาจจะทำให้ได้โชคมากขึ้น อ้อ อีกอย่าง แม้เจ้าจะคิดวิธีการที่สามารถต่อรองกับอมิลอนและเชฟฟ์ได้ก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถต่อรองกับอาเครอนคนอื่น ๆ ได้ คนไร้ค่า 2 คนนั้นเป็นความน่าอับอาย พูดตรง ๆ ว่าข้าค่อนข้างจะเสียดายที่ดินแดนของเราอยู่ห่างกันถึง 3,000 กิโลเมตร”
เรย์มอนด์หัวเราะ “ข้าก็เสียใจเช่นกัน ! หากว่าดินแดนของเราทั้ง 2 รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ นั่นอาจจะมากพอให้สร้างดินแดนระดับมาควิสได้เลย ยังไงก็ตาม สงครามของจริงย่อมจะเกิดขึ้นบนเพลนอันไร้ขอบเขต ข้าจะตั้งตารอวันนั้น”
อลิซยิ้ม “ข้าก็ตั้งตารอวันนั้นเช่นกัน แต่เจ้าไม่ควรลืม ข้าเกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เจ้าทำให้กาตอนโกรธ แม้แต่ข้าก็ยังแอบกลัวเขาเลย ดูแลที่ดินบารอนเล็ก ๆ ของเจ้าให้ดี ๆ ล่ะ !”
ขณะที่พูดนั้น อลิซก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าออกไปจากห้อง แต่จู่ ๆ นางก็หันหลังกลับตรงทางเดินแล้วกวาดสายตามองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้องก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย “หากข้าเป็นพวกเจ้า ในอนาคตอันใกล้นี้ข้าจะกลับบ้านให้บ่อยขึ้นเพื่อดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
สีหน้าของทุกคนในห้องเปลี่ยนไปทันที เว้นแต่เรย์มอนด์และวาเลน พวกเขาต่างก็เข้าใจความหมายในคำพูดของอลิซ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฟอล์กเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องแย่ ๆ ที่จะตามมา การต่อสู้ระหว่างตระกูลจะไม่เป็นไปตามประเพณีเก่าแก่ของขุนนางอีกต่อไป และอาเครอนก็จะเริ่มใช้เล่ห์เหลี่ยมเข้าสู้เช่นกัน…
เรย์มอนด์ครุ่นคิดอยู่อีกพักใหญ่หลังจากที่อลิซกลับออกไป
เมื่อนางลับสายตาไปแล้ว บรรยากาศในห้องก็อึดอัดมากขึ้นทันที ทุกคนมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ตระกูลโจเซฟมีประวัติมายาวนาน ซึ่งหากเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญหน่อยก็จะบอกได้เลยว่าคนเหล่านี้ต่างก็เป็นชนชั้นสูงหรือขุนนางเล็ก ๆ ที่มีดินแดนเป็นของตัวเอง วาเลนและเนสบีเป็นบารอนที่ได้ตำแหน่งมาจากการสืบทอดมรดก นั่นคือเหตุผลที่คำขู่ที่ตรงไปตรงมาของอลิซถึงได้ส่งผลกระทบมากต่อพวกเขา
ผลของการที่ฟอล์กล้มเหลวในครั้งนี้ชัดเจนมาก คนตำแหน่งสูงในตระกูลต่าง ๆ นั้นไม่ใช่คนโง่เขลา พวกเขามองออกถึงการสมคบคิดเบื้องหลังเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย และไม่นาน ข่าวนี้ก็จะแพร่กระจายออกไปซึ่งอาจรวมไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากเหตุการณ์จริงด้วย และด้วยเวลาที่กระชั้นชิดนั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถทำลายร่องรอยให้หมดไปได้
ตอนนี้พวกเขาต้องเตรียมรับมือกับการแก้แค้นของกาตอน การที่ฟอล์กได้รับบาดเจ็บและพิการเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องยอมเสียไปแต่นั่นก็ยังไม่พอ เหตุผลเดียวที่เขายังไม่ถูกฆ่านั้นเป็นเพราะโกลิอัทต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาทีหลัง และยังถือเป็นการเตรียมข้ออ้างให้พวกเขาได้เตรียมการแก้แค้นอย่างสาสมอีกด้วย พวกเขาจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อทำให้เรื่องราววุ่นวายมากขึ้น พวกเขาจะทำตามประเพณีการล้างแค้นในแบบของขุนนางนั่นก็คือ ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ และนั่นย่อมหมายถึงการเอาคืนจนกว่าจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงหากอาเครอนมุ่งเป้าไปที่ขุนนางเล็ก ๆ เหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของกำลังหลักของตระกูลโจเซฟ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด นอกจากวาเลนและเนสบีแล้ว คนที่เหลือก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากเลย ดังนั้น ดยุกโจเซฟก็คงยินดีหากต้องปล่อยพวกเขาไป
อสรพิษคือตัวอย่างชั้นดี เขาเป็นยอดฝีมือที่ถูกจ้างมาชั่วคราวเท่านั้น และเขาก็ต้องมาตายเพราะคิดว่านี่เป็นแค่การทะเลาะกันระหว่างเด็ก 2 คนจาก 2 ตระกูลใหญ่เท่านั้น เขาไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และถึงแม้เขาจะตายไป ตระกูลโจเซฟก็คงให้แค่ทองคำไปเป็นค่าชดเชยให้กับครอบครัวของเขา ในมุมมองของตระกูลที่มีภูมิหลังดีแบบพวกเขานั้น เงินทองเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีมูลค่าน้อยที่สุดก็ว่าได้
มูลค่าของคนอื่น ๆ ต่อตระกูลโจเซฟก็เป็นไปตามตรรกะนี้เช่นเดียวกัน แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีความสำคัญ แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความสัมพันธ์กับอาเครอน หากอาเครอนคิดจะจัดการกับพวกเขาจริง ๆ พวกเขาก็คงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ แน่นอนว่าตระกูลโจเซฟมีกำลังคนสำหรับรับมือกับโกลิอัทหรือแม้แต่กาตอนและมอร์เดร็ด แต่พวกเขาก็ไม่มีทางยอมส่งคนเหล่านั้นออกไปเพียงเพื่อรับมือกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ได้
แม้ว่าสถานการณ์จะใหญ่กว่านี้และเกี่ยวข้องกับตระกูล ทุกอย่างก็จะยังคงเหมือนเดิมอยู่ดี เพราะในตอนนี้นั้น แค่กาตอนเพียงคนเดียวก็สามารถต่อสู้กับโจเซฟทั้งตระกูลได้แล้ว ยิ่งถ้าอาเครอนทุกคนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ในมุมมองของความแข็งแกร่ง พวกเขาจะได้เปรียบและเหนือกว่าตระกูลโจเซฟอย่างแน่นอน
โชคดีที่กลุ่มคนบ้าเหล่านี้ยังไม่เคยร่วมมือกันอย่างจริงจัง บางคนถึงกับทรยศและหักหลังกันเอง ตัวอย่างเช่นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามพันธมิตรชั่วคราวระหว่างกาตอน โกลิอัท และอลิซนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ดยุกโจเซฟคิดหนักได้ มันคงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องกันในตระกูลนั้น
ในเวลานี้ เรย์มอนด์กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในห้อง หากตระกูลโจเซฟยินดีที่จะปกป้องพวกเขา อาเครอนก็คงจะมุ่งเป้าหมายไปที่ทายาทโดยตรงของโจเซฟแน่ อย่างไรก็ตามปัญหานี้…
เรย์มอนด์มองผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดตามเขามาตลอดหลายปีและพูดขึ้นมาเบา ๆ “ด้วยนิสัยส่วนตัวของอลิซ นั่นไม่ใช่แค่คำขู่ที่นางพูดออกมาเล่น ๆ แน่นอน ดังนั้น หากตระกูลต้องการปกป้องพวกเจ้า มันมีความเป็นไปได้มากที่จะเกิดสงครามระหว่างตระกูลเรากับพวกอาเครอน”
สีหน้าของทุกคนแย่ลงไปอีก ทว่าจู่ ๆ เรย์มอนด์ก็ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ใช่คนที่จะละทิ้งสหายของข้าง่าย ๆ หรอก ข้ายังคาดหวังที่จะได้ตอบโต้อลิซหรือแม้แต่กาตอนในสนามรบ”
ทุกคนรวมถึงวาเลนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และความสุขกับความซาบซึ้งใจก็พรั่งพรูขึ้นในใจของพวกเขา
……
ในระหว่างนั้น ริชาร์ดก็กลับถึงเกาะของอาเครอนในที่สุด ส่วนเซนม่านั้นหายตัวไปทันทีหลังจากพาเขามาส่งให้กับหัวหน้าพ่อบ้าน ลูกยิงหน้าไม้ของอสรพิษอันตรายอย่างยิ่ง ด้วยพลังอันน่าทึ่งทำให้มันเจาะทะลุเกราะเวทมนตร์และผิวหนังเข้าไปถึงอวัยวะภายในของนาง พิษและคำสาปที่ติดอยู่กับมันได้กัดกินความแข็งแกร่งของนางไปแล้วทว่าด้วยความดื้อดึงบางอย่างทำให้นางสามารถพาเด็กหนุ่มกลับถึงบ้านได้
หัวหน้าพ่อบ้านตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพของริชาร์ด หน้าผากของเขา กะโหลกศีรษะด้านหลัง รวมไปถึงอวัยวะสำคัญหลายแห่งเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่มีสีดำและน้ำเงินอยู่ทั่ว รวมถึงยังมีเลือดซึมออกมาจากบางจุดด้วย เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นตรงบริเวณหน้าอก หน้าท้อง และแผ่นหลัง ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดจากการฉีกให้ขาดในคราวเดียวแต่เกิดจากการโจมตีที่รุนแรงซ้ำ ๆ ต่อร่างกายของเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เขาเพิ่งเจอมา
เคลริคที่ทรงพลังของตระกูลรีบเดินทางมาทันที เขาย่นหน้าผากเมื่อได้เห็นอาการบาดเจ็บของริชาร์ดและเสนอให้ส่วนที่บาดเจ็บน้อยได้รับการรักษาแบบภายนอกแทนจะดีกว่าเพื่อช่วยลดภาระในการร่ายคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถช่วยให้เขาตรวจสอบอาการกระทบกระเทือนอื่น ๆ หลังจากการร่ายคาถาได้
ไม่นานนัก ริชาร์ดก็กลับไปยังห้องส่วนตัวของเขา บัตเลอร์เชื่อว่าริชาร์ดที่ยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นควรได้รับการพักผ่อน ซึ่งริชาร์ดเองก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เขามีอาการเหนื่อยล้าอย่างมาก นั่นเป็นเพราะเขาใช้เออรัพชั่นไปถึง 2 ครั้งติดต่อกัน อาการบาดเจ็บของเขาส่วนใหญ่หายเป็นปกติแล้วและบริเวณผิวหนังที่เป็นแผลก็มีขี้ผึ้งทาไว้ อวัยวะภายในของเขาถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทว่าไม่กี่วันเขาก็จะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์
เคลริคใช้เวลาส่วนมากกับการดูแลรักษาศีรษะของเขา ในตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรทว่าหลังจากรักษาไปสักพักเขาก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย…