นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 87 ข้อสรุป ตอนที่ 2
ในตอนนี้มุมถนนเต็มไปด้วยเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น แขนขาของเหล่าผู้คุ้มกันถูกตัดขาดจากร่างกายของพวกเขาอย่างน่าสยดสยอง ในขณะที่ฟอล์กยังคงถูกแขนซ้ายของโกลิอัทล็อกตัวเขาไว้อยู่ในท่าเดิม ใบหน้าของเขาซีดเซียวจนขาวโพลนเนื่องจากเสียเลือดไปมาก ตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงจนไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องออกมาจึงทำได้เพียงครวญครางด้วยความทรมานเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เอิร์ลโกลิอัทมองไปที่ฟอล์กด้วยความสนใจราวกับหมีสีน้ำตาลที่เพิ่งจับปลาในฤดูหนาวได้สำเร็จ เขาจับเด็กชายมาหมุนไปรอบ ๆ “เอาล่ะ บุตรของโจเซฟ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าก็เป็นเพียงสิ่งของที่ถูกทอดทิ้งเสียแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าตาแก่นั่นจะใช้บุตรชายของเขาเช่นนี้ ! แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอกเพราะมันลำบากสำหรับข้าเกินไป แต่เจ้า… หลังจากนี้เจ้าจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป”
หลังจากที่เขาพูดจบ โกลิอัทก็จับฟอล์กกระแทกไปทั่วราวกับตุ๊กตาผ้าที่ไร้ชีวิต เสียงกระดูกที่แตกหักดังออกมาจากร่างของฟอล์กอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของเขาซีดจางลงเรื่อย ๆ ก่อนที่ดวงตาจะกลอกไปมาอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็หมดสติไป
ผู้คนที่กำลังยืนดูจากระยะไกลต่างพากันหน้าถอดสี ทว่าก็ไม่มีใครเปล่งเสียงร้องออกมา โกลิอัทสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของฟอล์กอย่างรุนแรงด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี นับจากนี้ไปแม้ว่าฟอล์กจะยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็จะไม่สามารถฝึกเป็นวอริเออร์ได้อีกแล้ว เขาจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคนอ่อนแอที่ไร้ความสามารถ
เซนม่าฮัมเพลงอยู่ในป่าเล็ก ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นขณะแขว่งดาบที่เปื้อนเลือดในมือของนางไปมา ห่างออกไป 10 เมตร ร่างของอสรพิษพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ มือหนึ่งของเขากำเข้าที่อกของตัวเองในขณะที่มืออีกข้างชี้ที่ตัวนาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงก่อนที่เลือดจะทะลักออกมาตามร่องนิ้วมือ เลือดที่ไหลรินออกมาจากอกย้อมให้เสื้อคลุมของเขากลายเป็นสีแดงชุ่ม ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างทว่าทันทีที่เขาอ้าปาก เลือดก็พุ่งออกมาจากปากของเขาอย่างรวดเร็ว
เซนม่าก้าวเดินไปข้างหน้า 2 ก้าวก่อนเอื้อมไปหยิบหน้าไม้สีครามที่ร่วงอยู่บนพื้นขึ้นมา นางจ้องมองมันและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เป็นหน้าไม้ที่ทำจากทองคำซะด้วย ไหนดูซิว่าบนนี้แกะสลักไว้ว่าอะไร อื้มม… ที่จริงแล้วคือพอยซั่นนีดเดอร์ที่มีชื่อเสียงนี่เอง เจ้าคงใช้เวลาไปกับมันไม่น้อยเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันจึงน่ากลัว งั้นข้าขอแล้วกัน ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะไม่ต้องใช้มันในนรก ขอบใจ !”
อสรพิษเอื้อมมือออกมาราวกับว่าจะรั้งนางไว้และมองดูร่างของเซนม่าที่ค่อย ๆ หายไป ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง
เซนม่าเดินไปที่ชายป่าและในขณะเดียวกันนางก็ก้มลงมองหน้าไม้สีฟ้าครามในมือไปด้วยและสังเกตเห็นว่ามันมีขนสั้น ๆ ติดอยู่ตรงตัวคันธนู นางจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ได้ทำอะไรก่อนที่จะกัดฟันและเดินต่อไปยังถนนด้านนอก ทันทีที่นางเห็นว่าริชาร์ดลุกขึ้นยืนได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเอง นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้าของนางซีดลงไปเช่นเดียวกับออร่าที่เคยมีก็ค่อย ๆ จางลงไปเช่นกันซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับอย่างชัดเจน
ตอนนี้วอร์เรนสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว เขามายืนข้าง ๆ ริชาร์ดด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวพร้อมกับมองไปที่เลือด แขน และขาของเหล่าผู้คุ้มกันของฟอล์กที่ถูกตัดออกจากร่างกาย เสียงโหยหวนของเหล่าคนที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
โกลิอัทโยนร่างของฟอล์กลงไปทับเหล่าผู้คุ้มกันของตระกูลโจเซฟอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะมองไปที่เซนม่าซึ่งกำลังเดินเข้ามาและยิ้มให้นาง “เซนม่า เจ้ายังสวยเหมือนเดิม ! แต่ดูเหมือนว่ารสนิยมของเจ้าจะเปลี่ยนไป ทำไมเจ้าถึงชอบเอาอะไรมาติดไว้ข้างเอวที่สวยงามของเจ้าล่ะ ? อ้อ แล้วก็ถ้าเจ้าไม่รีบกลับเพื่อไปรักษาตัวล่ะก็ เจ้าคงจะต้องไปนอนที่วิหารมังกรนิรันดรสักสองสามวันแน่ ! แต่กาตอนจะเป็นคนจ่ายค่ารักษาทุกอย่างภายในวิหารให้กับเจ้าอยู่แล้ว ข้าเองก็มีความเป็นห่วงเป็นใยเจ้านะ แต่อืม… ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า คงไม่เลวเลยถ้าได้เห็นกาตอนปวดใจสักครั้ง !”
เซนม่าถอนหายใจโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา นางเดินตรงไปที่ริชาร์ดก่อนจะดึงเขาขึ้นในครั้งเดียว แล้วนางก็โค้งตัวลงเล็กน้อยให้กับโกลิอัทและอลิซก่อนกล่าวลา “ข้าไปก่อนล่ะ”
“ไปเถอะ ส่วนเรื่องชี้แจงในที่ประชุมเดี๋ยวข้าจะเป็นคนจัดการเอง” โกลิอัทกล่าวพร้อมกับโบกมือ
เซนม่าไม่รีรอ นางรีบพาริชาร์ดตรงไปยังวิหารเทเลพอร์ตในทันที สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่ได้รับการสังเกตการณ์จากเหล่าผู้เฝ้าวิหารตลอดเวลา ซึ่งในเวลานี้หากมีใครกล้าที่จะจู่โจมพวกเขา คนเหล่านั้นก็จะถูกโจมตีโดยผู้เฝ้าวิหารอย่างไม่ต้องสงสัย
“เฮ้ พาข้าไปด้วยสิ !” วอร์เรนร้องตะโกนออกมาทว่าเซนม่ากลับไม่ได้สนใจอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย และร่างของนางกับริชาร์ดก็หายเข้าไปในวิหารอย่างรวดเร็ว
วอร์เรนร้องเรียกอยู่ครู่หนึ่งทว่ากลับไม่มีใครสนใจเขา เขาจึงทำได้เพียงเงียบเสียงลง สายตาที่เกลียดชังและโกรธเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าเขาจะเป็นบุตรของกาตอน ทว่าตำแหน่งของเขาก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก และเมื่อนำตัวเขามาเทียบกับเหล่าอัศวินทั้ง 13 คนของกาตอนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับคนเหล่านั้นเช่นกัน ถึงแม้ว่ากาตอนจะมีบุตรจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้รับการดูแลเป็นพิเศษอย่างที่ริชาร์ดได้รับ ซึ่งนั่นทำให้เห็นได้ชัดว่าสิทธิ์ของวอร์เรนนั้นด้อยกว่าริชาร์ดมากแค่ไหน
วอร์เรนจ้องมองไปที่ด้านหลังของเซนม่าก่อนที่จะพึมพำออกมาด้วยความโกรธเคือง “บัดซบ นางก็แค่ผู้หญิงหากินคนนึงไม่ใช่รึไง ! ที่ทุกคนดูถูกข้าเป็นเพราะมารดาของข้าเป็นสามัญชนอย่างนั้นสิ ? สักวันเถอะ ข้าจะจัดการพวกเจ้าแน่ !”
เมื่อวอร์เรนพูดจบ เขาก็รีบหันกลับไปมองผู้มีพละกำลังทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขาด้วยความหวาดกลัว ทว่าทั้งคู่ดูเหมือนว่าจะกำลังสนทนากันอยู่จนไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่เขาพูด ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย
ดวงตาของโกลิอัทหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองไปยังตึกที่อยู่บนเขาที่ห่างไกลออกไป “มีหนูสองสามตัวที่อยู่ตรงนั้น แม้ว่ามันจะไกลจากที่นี่แต่ข้าก็ได้กลิ่นสาบของพวกมัน ! เรย์มอนด์ โจเซฟเองก็น่าจะอยู่ที่นั่น ถึงข้าจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของเขา แต่ข้าก็รับรู้ได้ว่ามีคนของเขาอยู่ในนั้น เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินมาว่าสถานะของเด็กคนนั้นสูงขึ้น และข้าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เขาอาจจะมีส่วนรู้เห็น”
อลิซหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่ต้อง ‘อาจจะ’ หรอก เพราะมันถูกเตรียมการโดยเขานั่นแหละ ข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้ !”
“เอาเถอะ ข้าไม่ค่อยชินกับพื้นที่นี้เท่าไหร่นัก คงต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าถ้าข้าไปด้วย ข้าก็อาจจะพลั้งมือฆ่าพวกเขามากกว่า 3 คนก็ได้” โกลิอัทตอบกลับ
“ปล่อยเป็นหน้าที่ของข้าเถอะ ยังไงซะท่านเองก็ต้องช่วยข้าแก้ปัญหาเรื่องนั้นอยู่แล้ว !” อลิซพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ตกลงตามนี้ ! ดูเหมือนว่าการเจอกับริชาร์ดครั้งนี้จะสร้างความประทับใจให้กับข้าอยู่ไม่น้อยเลย แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะใจกาตอนได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่เขามีเลยทีเดียว” รอยยิ้มของโกลิอัทฉีกกว้างก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
*กร่อก ! กร่อก !* เสียงของกีบม้าดังขึ้นราวกับเสียงของฟ้าร้อง กองทัพไนท์ที่สวมชุดเกราะสีทองและหมวกสีแดงซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของทหารองครักษ์ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหัวหน้าทหารเหล่านั้นมองเห็นเลือดและแขนขาที่กระจายอยู่ตามพื้นก็พากนให้ความสนใจไปยังตราสัญลักษณ์ของโจเซฟและอาเครอนก่อนที่หางตาของเขาจะกระตุกขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เขารีบกระโดดลงจากอานม้าและเดินตรงมายังโกลิอัทและโค้งเคารพ “ข้าคือดีน หัวหน้ากองลาดตระเวนของจักรพรรดิ ข้าขอทราบชื่อของท่านและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ด้วย”
โกลิอัทกอดอกก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ข้าคือเอิร์ลโกลิอัท อาเครอน ลอร์ดแห่งเวสท์เวย์ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นมีผู้คนจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้ายินดีตามท่านไปที่ประชุมเพื่ออธิบายเรื่องทุกอย่างให้ฟัง”
ม่านตาของดีนหดลงทันทีที่ได้ยินชื่อของโกลิอัทและเขาก็แสดงท่าทางที่เคารพและให้เกียรติฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นกว่าเดิม เขารีบหันกลับไปเล่าให้เหล่าไนท์ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาฟังและสั่งให้เชิญเคลริคมายังที่แห่งนี้เพื่อรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ภายในที่แห่งนี้มี 3 คนที่เสียชีวิต ส่วนคนที่เหลือได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่ถึงแก่ความตาย อย่างไรก็ตาม ถึงคนเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอยู่ก็ดูเหมือนกับตายทั้งเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของพวกเขาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สาหัสมาก ขณะที่หน่วยลาดตระเวนพากันจัดการกับคนเหล่านั้น โกลิอัทก็ยืนนิ่งและดูไร้ความรู้สึกเสมือนกับขุนเขาที่นิ่งสงบ
……
เรย์มอนด์เก็บกล้องส่องทางไกลของเขาทว่าเขายังคงนั่งอยู่ในห้องนั้นโดยไม่ลุกไปไหนราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่าง
เสียงเคาะประตูดังติดต่อกัน 3 ครั้งก่อนที่ประตูจะเปิดออกโดยไม่ทันให้เขาได้ตอบรับ อลิซ อาเครอนเดินเข้ามาภายในห้องก่อนปักดาบใหญ่ในมือของนางลงกับพื้นด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม นางดึงเก้าอี้ตรงหน้าเรย์มอนด์มานั่งอย่างไม่เกรงกลัวในสิ่งใด
เรย์มอนด์ยืนขึ้นก่อนที่จะโค้งตัวให้กับอลิซและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อา… ! ช่างเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบกับเทพีแห่งสงครามที่งดงามแห่งอาเครอน !”
คำพูดของเขาไม่ทำให้อลิซรู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เขากล่าวจบ อลิซก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “โทษทีนะ แต่ข้าไม่อยากจะสุภาพกับคนที่เป็นศัตรูกับพวกข้า เข้าเรื่องเถอะ แผนการที่เจ้าเตรียมไว้น่ะ ถือว่าเกินความคาดหมาย และดูเหมือนว่าเจ้าก็เกือบจะทำมันได้สำเร็จด้วยสิ”
เรย์มอนด์นั่งลง เขายิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบว่า “แน่นอน ‘เกือบจะ’ ย่อม ไม่ได้แปลว่าสำเร็จ ยังไงซะครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าข้าจะพ่ายแพ้เพราะโชคที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่”