นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 85 เสียสละ ตอนที่ 2
“เจ้าเด็กนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกทั้งยังดูเหมือนจะดื้อรั้นแม้จะต้องเจอกับสภาพแบบนี้อีกด้วย !” ฟอล์กยิ้มก่อนจะหันไปพูดกับกลุ่มของเหล่าชนชั้นสูงขณะที่เท้าของเขายังเหยียบศีรษะของริชาร์ดอยู่
ทว่าครั้งนี้เขาไม่ได้รับการตอบรับที่อบอุ่นเท่าไหร่นัก เหล่าเด็กหนุ่มที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างมองไปที่เขาด้วยใบหน้าซีดเผือดราวกับผู้ที่ได้รับรู้ถึงความพ่ายแพ้ ส่วนคนที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ต่างก็พอจะคาดเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่ใช่แค่รับรู้ได้ว่าริชาร์ดเป็นพวกชนชั้นสูงจากสีสันบนเสื้อผ้าที่ริชาร์ดสวมใส่เท่านั้น แต่การออกแบบของเสื้อผ้าชุดนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีสถานะที่สูงกว่าวอร์เรนอีกด้วย !
อย่างไรก็ตาม เหล่าคนที่ดูเหตุการณ์อยู่นั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้เกิดเพียงแค่รอยฟกช้ำนี้ เหตุใดจึงได้ดูรุนแรงและนองเลือดไปเสียได้ พวกเขามองเลือดที่นองออกมาจากศีรษะของเด็กหนุ่มไร้ชื่อที่อยู่ใต้เท้าของฟอล์ก รวมถึงส่วนไหล่และหลังของเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยสายตาสิ้นหวัง ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พวกเขาต่างก็รู้ว่าหลังจากนี้คงจะต้องเกิดเรื่องตึงเครียดขึ้นแน่ ๆ ตอนนี้มันคงยากแล้วที่จะแก้ไขสถานการณ์อะไร ๆ ได้ พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีอิทธิพลและภูมิหลังอันน้อยนิด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรับมือกับความโกรธเกรี้ยวของอาเครอนได้ เมื่อคิดถึงวิธีการอันนองเลือดที่กาตอนใช้เพื่อเข้ามายังเฟาสต์แล้ว เหล่าเด็กหนุ่มที่ดูการต่อสู้ต่างก็ต้องก็รู้สึกหนาวราวกับมีน้ำแข็งมาเกาะที่หัวใจของพวกเขาเลยทีเดียว
……
ในขณะเดียวกันสถานการณ์ในป่าเล็กก็ยังคงดำเนินต่อไป เซนม่าได้ปลดปล่อยพลังที่น่าประหลาดใจออกมา นางหยุดก้าวเดินหลังจากที่เดินออกมาจากจุดสายตาของอสรพิษก่อนหมอบลงราวกับเสือชีต้าร์ และทันใดนั้นร่างกายที่เย้ายวนของนางก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอสรพิษเริ่มกังวลใจขึ้นมาแล้วว่าเซนม่าอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างที่รุนแรงกับเขา สำหรับเขานั้น การที่จะต้องเผชิญหน้ากับออร่าที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวเช่นนี้ทำให้เขามั่นใจได้ว่าเขาจะไม่สามารถหยุดนางได้ด้วยหน้าไม้และลูกยิงของเขาอย่างแน่นอน
เขารู้ดีว่าหากลูกยิงนี้ไม่สามารถชะลอความเร็วในการเคลื่อนที่ของนางได้ทัน บลัดพาลาดินก็อาจจะฆ่าคนของโจเซฟทั้งหมดได้ภายในไม่กี่วินาที !
ขณะที่อสรพิษกำลังวางแผนที่จะยิงเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของนางไว้นั้น เซนม่าก็หยุดเคลื่อนไหวก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และมองมาที่อสรพิษด้วยสายตาเย็นชา นางเปล่งเสียงเยาะเย้ยในลำคอและเอ่ยขึ้น “เจ้าทำได้ดีหนิ แม้แต่ข้าเองก็ยังประทับใจ ! แต่น่าเสียดายที่เจ้ายังขาดโชค แต่ครั้งหน้าก่อนที่เจ้าจะทำอะไร ข้าว่าเจ้าไปขอพรจากวิหารมังกรนิรันดรซะก่อนเหอะ ! สำหรับตอนนี้เจ้าคงต้องคิดแล้วล่ะว่าเจ้าจะหนีไปยังไง”
ในเวลาเดียวกันอสรพิษก็รับรู้ได้ถึงออร่าที่ทรงพลังที่มาจากระยะไกล และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที !
ในอีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของฟอล์กเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีกับกิจกรรมสันทนาการที่เกิดขึ้นในตอนนี้ รวมถึงการที่เขาได้เหยียบศีรษะของริชาร์ดด้วย พลังของเขาในตอนนี้ดูเหมือนว่ามากพอที่จะทำให้กะโหลกของริชาร์ดแหลกได้ภายใต้เท้าของเขา
— และนี่คือจุดประสงค์หลักที่แท้จริงในการมาของฟอล์กในครั้งนี้ ! —
ฟอล์กเชื่อว่าการกระทำของเขาในตอนนี้เป็นเรื่องยากที่จะปกปิดต่อฝูงชนได้ ทว่าหากมีใครกล้าเข้ามาต้านเขา ริชาร์ดก็อาจจะตายก่อนที่คนเหล่านั้นจะสามารถช่วยเขาไว้ได้ทันอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าริชาร์ดจะต้องมีผู้เก่งกาจอยู่รอบ ๆ เพื่อช่วยปกป้องเขาอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะกฎของชนชั้นสูงที่ตั้งไว้ว่าเมื่อมีการประลองหรือต่อสู้กันระหว่างเด็กหนุ่มสาวแห่งตระกูลชั้นสูง ห้ามไม่ให้ผู้คุ้มกันของตระกูลเข้ามารบกวนหรือขัดขวางเป็นอันขาด ข้อขัดแย้งระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องได้รับการแก้ไขด้วยตัวของพวกเขาเองเท่านั้น หลักการเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะหลอกลวงและสร้างความเสียเปรียบบางอย่างอยู่ไม่น้อย ทว่ากฎเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่เรื่อย ๆ จนมาถึงรุ่นปัจจุบัน แลสำหรับคนที่สร้างกฎเหล่านี้นั้น พวกเขาตั้งขึ้นมาเพราะคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องของความแข็งแกร่งส่วนบุคคล ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกตระกูลของพวกเขาให้เข้ามาจัดการกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่ท้ายที่สุด ทุกอย่างก็ยังมีข้อจำกัดเสมอโดยเฉพาะในเรื่องของชีวิต
ในฐานะหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกของตระกูลโจเซฟในอนาคต ไม่มีใครคาดคิดว่าฟอล์กจะกล้าทำอะไรที่บ้าระห่ำได้ขนาดนี้
มีเพียงฟอล์กเท่านั้นที่รู้ว่าการเป็นบุตรชายของดยุกโจเซฟนั้น เขาก็เป็นเหมือนกับวอริเออร์ที่มีพรสวรรค์ที่จะต้องยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อตระกูลของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งนี้ แต่ในอนาคตเขาก็ต้องเสียสละอยู่ดี ชะตากรรมของเขาถูกกำหนดโดยสถานะที่ต้อยต่ำของมารดาของเขา และพรสวรรค์ของเขาก็ไม่ได้ดีพอที่จะเปลี่ยนชะตากรรมให้กับตัวเอง
ได้ ทว่าความสามารถของเขาดูเหมือนว่าจะเป็นทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น รวมถึงโชคชะตาของเขาด้วย
ก่อนที่จะเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญของตระกูล คุณค่าของเด็กชนชั้นขุนนางจะถูกวัดจากสายเลือดของพวกเขา ดังนั้นวอร์เรนและฟอล์กจึงมีสถานะที่เท่าเทียมกัน ซึ่งรวมไปถึงริชาร์ดด้วย ทว่าสิ่งที่เขารู้อยู่ตลอดคือหากในวันนี้เขาฆ่าริชาร์ด ตัวเขาเองก็คงจะไม่มีชีวิตรอดต่อไปเช่นเดียวกัน
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ฟอล์กจะถูกฆ่าต่อหน้าตระกูลของอาเครอนเพื่อเป็นการชดใช้ด้วยชีวิต แต่ถึงอย่างไรความสำเร็จในการสละชีวิตเพื่อฆ่าคนสำคัญในตระกูลของอาเครอนของเขานี้ก็จะเป็นเกียรติยศให้กับเขาไม่น้อย ทันทีที่ริชาร์ดถูกเขาฆ่าตาย ข่าวเหล่านี้จะถูกประกาศไปทั่วไม่ว่าจะต่อตระกูลอาเครอน ตระกูลของจักรวรรดิแห่งสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งขุนนางของเฟาสต์
มาร์ควิสกาตอนจะสูญเสียลูกชายของเขาและดยุกโจเซฟเองก็เช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์นี้ดูเหมือนว่าจะยุติธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย
ในอีกมุมมองหนึ่งสำหรับตระกูลโจเซฟแล้ว เรียกได้ว่าอาจจะเพียงแค่สูญเสียวอริเออร์ที่มีพรสวรรค์ไปเท่านั้น แต่สำหรับอาเครอนคือการที่ต้องสูญเสียรูนมาสเตอร์ในอนาคตไป 1 ชีวิต หากนำความสูญเสียในครั้งนี้มาวัดกันแล้วก็ยังไม่ถือว่ายุติธรรมหรือเสมอภาคไปซะทีเดียว เพราะการมีฟอล์ก 100 คนก็ไม่สามารถเทียบเท่ากับริชาร์ดเพียงคนเดียวได้
เหตุผลที่ตระกูลโจเซฟเลือกที่จะทำเช่นนี้นั้นได้ผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว ริชาร์ดยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งตำแหน่งใด ๆ ภายในตระกูลของเขา และไม่ว่าเขาจะมีความสามารถเก่งกาจเพียงใด สำหรับเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่บุตรชายของมาร์ควิสกาตอนเท่านั้น หากเขาปล่อยให้เวลาไปไกลมากกว่านี้จนทำให้ริชาร์ดกลายเป็นรูนมาสเตอร์ของตระกูลอาเครอนอย่างเป็นทางการ ชีวิตเล็ก ๆ ของบุตรชายของดยุกโจเซฟก็คงจะไม่สามารถเทียบเท่าหรือแลกเปลี่ยนกับการตายของริชาร์ดได้อีกต่อไป
แต่ไม่ว่าอย่างไรการสูญเสียทุกอย่างภายในตระกูลโจเซฟก็คือทั้งชีวิตของฟอล์กอยู่ดี ! นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฟอล์กหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งทันทีที่เขาสามารถเอาเท้าของตนเองเหยียบเข้าที่ศีรษะของริชาร์ดให้จมลงสู่พื้นดินได้
แต่ทันใดนั้นเอง ฟอล์กก็รู้สึกว่าภาพทุกอย่างตรงหน้าของเขามืดลง ในเวลานี้สิ่งที่เขาควรจะมองเห็นก็กลับไม่เห็นอีกต่อไป ดาบดำมืดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะบดบังการมองเห็นของเขาทั้งหมด ความกดดันที่มองไม่เห็นครอบคลุมร่างกายของฟอล์กจนทำให้เขาหายใจไม่ออกอย่างฉับพลัน
‘นี่ข้าจะตายแล้วอย่างนั้นเหรอ ?’ ความคิดหนึ่งแวบเขามาในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว เขาหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังในขณะเดียวกันก็ยังคงกดเท้าของตัวเองลงอย่างแรง หากเขาสามารถเอาชีวิตของรูนมาสเตอร์ในอนาคตไปพร้อมกับเขาได้มันก็คุ้มค่ากับความเสียสละของเขาในครั้งนี้
ทันทีที่ดาบใหญ่กำลังจะปักเข้ากลางอกของเขานั้น ก็มีดาบยาวเล่มหนึ่งลอยมาปัดมันออกไปเสียก่อน !ทันใดนั้น ฟอล์กก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทว่าเขากลับพบว่าร่างของตัวเองแข็งทื่อจนทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่ปลายเท้าของเขาเอง เขาร้องตะโกนออกมาพร้อมทั้งปล่อยพลังที่มีอยู่ในร่างกายเพื่อทำให้ร่างของเขาเป็นอิสระจากการควบคุมในครั้งนี้ ทว่าพลังที่ควบคุมเขาอยู่มันแข็งแกร่งมากซะจนเขาไม่สามารถดิ้นให้หลุดออกจากการพันธนาการได้เลย อีกเพียงนิดเดียวเขาก็จะสามารถขยี้ศีรษะของริชาร์ดให้แหลกได้อยู่แล้ว เหตุใดระยะทางเล็ก ๆ สำหรับเขาในครั้งนี้จึงดูเหมือนว่าจะห่างไกลออกไปได้มากขนาดนั้น ?
ฟอล์กรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาในทันทีเมื่อรู้ว่าร่างกายของเขากำลังลอยขึ้นจากพื้นเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงเตะขาไปมาอย่างไม่ยอมแพ้เพื่อหวังจะกำจัดริชาร์ดอย่างสุดพลัง เขาขออีกเพียงแค่นิดเดียว… นิดเดียวเท่านั้นและเขาก็จะสามารถฆ่าริชาร์ดเพื่อแลกกับความเสียสละของเขาในครั้งนี้ได้…
ชายร่างใหญ่และแข็งแกร่งคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฟอล์ก การปรากฏตัวของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วจนแม้แต่เหล่าผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น เขาเป็นชายวัยกลางคนผมสั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราจนทำให้เขาดูน่ากลัวและน่าเกรงขามอย่างมาก ออร่าของเขาแผ่ออกมาจนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์ แต่มันเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ร้ายไม่มีผิด
ชายร่างกำยำผู้นั้นใช้มือข้างหนึ่งของเขาบีบเข้าที่คอของฟอล์กขณะที่มืออีกข้างถือดาบยาวไว้ มุมปากของเขากระตุกขึ้นก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับเสียงที่มาจากขุมนรก หญิงสาวหน้าตาสะสวยปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของชายผู้นั้น นางมีผมสีแดงเข้มสั้นและรอยแผลเป็นชัดเจนที่ด้านขวาของใบหน้าซึ่งมันเข้ากันได้ดีกับท่าทีที่เยือกเย็นรวมถึงออร่ามืดมนที่ถูกส่งออกมาจากตัวของนาง และในเวลานี้นางมาพร้อมกับดาบสีเลือดในมือ
ภาพตรงหน้านี้เรียกได้ว่าแทบจะทำให้ชายทุกคนที่พบเห็นนางต่างต้องพากันตกอยู่ในภวังค์