นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 84 เสียสละ ตอนที่ 1
ผู้คุ้มกันของตระกูลอาเครอน 3 คนกระเด็นออกไปทันที แม้ว่าแต่ละคนจะอยู่ในระดับ 5 หรือ 6 และมีคุณสมบัติในการเป็นนักผจญภัยในแผ่นดินหลักได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คุ้มกันของตระกูลโจเซฟที่อยู่ในระดับ 8 ไปจนถึง 10 นั้น พวกเขาก็ไม่สามารถถ่วงเวลาอะไรได้เลย
ในระหว่างนั้นวอร์เรนทำท่าทางราวกับคนเสียสติขณะที่พุ่งตัวไปรอบทิศทางอย่างบ้าคลั่งและทุบตีทุกอย่างรอบ ๆ ตัว ดูจากสถานการณ์แล้ว เหล่าขุนนางหนุ่มและผู้คุ้มกันของโจเซฟยังไม่กล้าที่จะทำอะไรรุนแรงมากนัก นั่นหมายความว่าวอร์เรนสามารถยืนหยัดต่อไปได้อีกสักพักแม้ว่าจะต้องทนกับการถูกเตะต่อยเป็นครั้งคราวก็ตาม
ริชาร์ดรู้สึกว่าอันตรายเริ่มใกล้ตัวเขามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้ว่าเขาพยายามจะล่าถอยแต่ผู้คุ้มกันคนหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามก็เตะเข้าที่ซี่โครงของเขาอย่างจัง การโจมตีนี้รุนแรงมากจนสามารถทำให้เมจธรรมดาซี่โครงหักได้เลยทีเดียว
ความเกรี้ยวกราดฉายขึ้นในแววตาของเขาทันทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว เขาก้าวถอยหลังช้า ๆ เพื่อหลบหลีกจากการเตะก่อนรีบคว้าข้อเท้าของผู้คุ้มกันคนนั้นไว้และออกแรงบิด ข้อเท้าของผู้คุ้มกันส่งเสียงเอี๊ยดและบิดเบี้ยวไปโดยสิ้นเชิง และในขณะนั้นเอง เกิดเสียงลมพัดหวิวดังขึ้นจากข้างหลังของริชาร์ด !
ในป่าเล็ก ๆ ที่ไม่ไกลออกไปนัก เซนม่านั่งอยู่บนต้นไม้อย่างขี้เกียจ ร่างท่อนบนของนางเอนพิงไปกับลำต้นขณะที่นางเริ่มสะลึมสะลือ ทว่าทันใดนั้น จู่ ๆ ดวงตาที่มึนงงของนางก็ลืมขึ้นมา ใบหน้าที่แสนมีเสน่ห์เต็มไปด้วยความกระหายเลือดอย่างรุนแรง นางส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาและยกดาบเรียวขึ้นมาก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีการต่อสู้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินไปแค่ก้าวเดียว บลัดพาลาดินก็หยุดชะงักราวกับว่าห้วงเวลาได้ถูกหยุดไว้ มีชายรูปร่างเหี่ยวเฉาปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไปตรงบริเวณต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของนาง เขาแต่งกายด้วยชุดสีเทาเข้ม แม้แต่เส้นผมภายในฮู้ดก็เป็นสีหญ้าแห้ง ๆ โดยมีเส้นผมบางส่วนเผยออกมาด้านข้าง ขณะที่เงาของฮู้ดบดบังใบหน้าของเขาจนทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดนั้น แววตาที่มุ่งร้ายของเขากลับสว่างชัดจนผิดธรรมดา มีบางอย่างนูนออกมาตรงด้านหน้าของเสื้อคลุม และมีอาวุธชนิดหนึ่งเล็งอยู่ที่กลางหลังของนาง
เซนม่ายังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และหันหน้ากลับไปช้า ๆ ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง “อสรพิษ !”
ชายคนนั้นหัวเราะออกมาด้วยเสียงแหบพร่า “เซนม่าที่รักของข้า นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เราเจอกัน เราก็คุ้นเคยกันแล้ว เพราะงั้นข้าจะเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน เจ้าล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปช่วยพวกเขาซะ หากเจ้ายังพยายามเจ้าก็จะต้องบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เจ้าอาจจะถึงตายและย่อมไม่สามารถไปช่วยใครได้ ! ดังนั้นการกระทำที่ฉลาดที่สุดของเจ้าในตอนนี้ก็คือค่อย ๆ ข้าขอย้ำว่าให้เจ้าค่อย ๆ หันกลับมาอย่างช้า ๆ และอย่าคิดจะทำอะไรเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นลูกยิงหน้าไม้ที่มีมูลค่าหลายพันเหรียญนี่จะทำให้เอวเล็ก ๆ ของเจ้าเป็นรู หรือว่าเจ้าอยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของชุดเกราะที่สวยงามแต่ใช้การไม่ได้นั่นไหมล่ะ ? ที่จริงแล้วข้าก็อยากจะยิงเข้าที่ก้นของเจ้านะ แต่นั่นก็หลังจากที่ข้าจัดการกับลูกยิงลูกแรกเสียก่อน”
เซนม่าไม่ได้ก้าวขาต่อไปข้างหน้าแต่อย่างใดและก็เป็นไปตามคาด นางเริ่มหันหลังกลับอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง อย่างไรก็ตามนางไม่ได้เดือดดาลอะไรจากคำยั่วโมโหของอสรพิษขณะตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น “อสรพิษ ข้ารู้ดีว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง เมื่อข้าหันกลับไป เจ้าจะไม่สามารถหนีไปได้ง่าย ๆ อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าใครในเฟาสต์ !”
อสรพิษเลียริมฝีปากของตนเองและหัวเราะคิกคัก “ไม่เห็นจำเป็นจะต้องโวยวายเลยนี่ ? ในที่สุดมาสเตอร์ฟอล์กก็ได้โอกาสสั่งสอนวอร์เรนจากตระกูลเจ้าสักที เขาไม่ฉลาดเอาซะเลย ที่จริงวอร์เรนก็ไม่ได้มีสถานะอะไรในตระกูลอาเครอนอยู่แล้ว ทำไมเจ้าจะต้องจริงจังด้วย ? อีกอย่าง อย่างมากเจ้าก็แค่ทำให้ข้าบาดเจ็บได้เท่านั้น คนอย่างเจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถวิ่งไปถึงวิหารได้ทัน และเจ้าจะไม่มีทางกล้าฆ่าใครต่อหน้าผู้คุ้มกันของวิหารอย่างแน่นอน หากถึงตอนนั้นเจ้ายังอยากจะโจมตีข้าจริง ๆ ล่ะก็ บลัดพาลาดินผู้มีชื่อเสียงก็คงจะต้องตายไปพร้อมกับข้าด้วย แต่อืม… นั่นก็ถือว่าคุ้ม”
สีหน้าของเซนม่าเยือกเย็นขึ้นขณะเอ่ยตอบ “ไม่ว่าวอร์เรนจะไร้ประโยชน์แค่ไหน เขาก็เป็นอาเครอนคนหนึ่ง ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้าที่จะทำให้เขาเสียเกียรติ ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้าไม่หายตัวไปซะภายใน 3 วินาที โลกนี้จะไม่มีอสรพิษอีกต่อไป”
“นั่นคำขู่จริง ๆ รึ หรือแค่พยายามจะพูดจาใหญ่โต ? รีบนับเถอะ ข้าจะช่วยนับถอยหลังเอง !” เห็นได้ขัดว่าอสรพิษไม่ได้เกรงกลัวอะไรกับคำขู่ของเซนม่าเลย เขาปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปแบบนั้น
……
ในขณะเดียวกันผลของการต่อสู้ตรงมุมถนนก็ชัดเจนขึ้นแล้ว และก็เป็นไปตามคาด ตระกูลโจเซฟที่เหนือกว่าทั้งด้านจำนวนคนและความแข็งแกร่งเป็นฝ่ายชนะ
ผู้คุ้มกันของอาเครอน 4 คนนอนกองอยู่กับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้ แม้แต่คนที่วิ่งหนีไปเพื่อส่งข่าวก็โดนสกัดไว้ได้ทัน เหล่าขุนนางหนุ่มล้อมรอบพวกเขาไว้และเตะพวกเขาอย่างไม่ปราณีเป็นครั้งคราวขณะที่ปากก็ล้อเลียนชื่อของพวกเขาไปต่าง ๆ นา ๆ ในทางตรงกันข้าม วอร์เรนก็ถูกเตะลงไปกองอยู่กับพื้นและถูกผู้คุ้มกันคนหนึ่งกดไว้ไม่ให้ลุกขึ้นได้ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเตะเขาซ้ำ
ในโลกของขุนนาง การเตะต่อยเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้แต่อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายหนึ่งไม่สามารถตอบโต้ได้อีกแต่อีกฝ่ายยังคงโจมตีต่อไปนั่นจะถือเป็นความอัปยศอดสูแทนที่จะดูเป็นความเก่งกาจ เหล่าขุนนางวัยรุ่นกลุ่มนี้มาจากเฟาสต์โดยตรง ไม่ได้มาจากเกาะใดเกาะหนึ่ง และพวกเขาก็น่าจะเป็นขุนนางรับใช้ของตระกูลโจเซฟ วอร์เรนและฟอล์กอยู่ในสถานะเดียวกัน หากพวกเขากล้าที่จะทำอะไรข้ามเส้น ตระกูลของอีกฝ่ายจะไม่ไว้หน้าเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีสุภาษิตโบราณที่ว่าให้มองเจ้าของสุนัขก่อนที่จะตีมัน แต่สุนัขที่ฉลาดจะเรียนรู้ที่จะไม่โจมตีทุกอย่างในที่แจ้ง
ริชาร์ดนอนกองบนพื้นเช่นกัน แต่ความแตกต่างจากวอร์เรนคือมีผู้คุ้มกัน 2 คนรั้งตัวเขาไว้ ส่วนอีก 2 คนจากตระกูลโจเซฟนอนอยู่บนพื้นข้าง ๆ เขา โดยคนหนึ่งอยู่ในสภาพที่เท้าข้างขวางออย่างผิดรูป ในขณะที่อีกคนนอนกอดกระดูกสะบ้าหัวเข่าด้วยใบหน้าซีดเซียวจากความเจ็บปวด
จากผู้คุ้มกัน 2 คนนั้น คนแรกริชาร์ดหักข้อเท้าของเขาตอนที่เขากระโดดเตะริชาร์ด ส่วนอีกคนพยายามจะเอาเข่ามากระทุ้งเขา ริชาร์ดจึงตอบโต้โดยการใช่หินแร่ที่เขาพกติดตัวเป็นประจำทุบเข้าไปที่กระดูกสะบ้าของผู้คุ้มกันคนนั้น ริชาร์ดได้เปรียบโดยตรงหลังจากการใช้เออรัพชั่น และสกิลการต่อสู้แบบอาชญากรยังช่วยให้เขาเล็งจุดอ่อนในการป้องกันตัวของฝ่ายตรงข้ามได้ดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่เมจ ไม่ใช่วอริเออร์ระดับสูง นั่นทำให้เขาไม่ทันตั้งตัวเมื่อโดนโจมตีจากด้านหลัง ผู้คุ้มกันคนที่ 3 ทุบที่ด้านหลังศีรษะของริชาร์ดทำให้เขาล้มลงกับพื้นและถูกกดไว้อย่างที่เห็น
ในตอนนี้ริชาร์ดบาดเจ็บสาหัสและความเจ็บปวดมหาศาลนั้นก็เริ่มจะทำให้การมองเห็นของเขามืดมัวลงเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแรงอย่างน่าทึ่งที่เขาได้มาตอนอยู่ที่ดีพบลู แค่หมัดแข็งแกร่งหมัดเดียวนั้นก็คงจะทำให้เขาสลบไปได้ง่าย ๆ เลย ส่วนความเสียหายตรงอวัยวะสำคัญของเขานั้นค่อนข้างหนัก มันอาจทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาวซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาในฐานะเมจได้ ซึ่งการบาดเจ็บเช่นนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้จากเหล่าเคลริคที่ทรงพลังเท่านั้น นอกจากศีรษะแล้ว แขนและร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่เจ็บปวดรุนแรงเช่นกัน ไหล่ของเขาเจ็บปวดมากซะจนเหมือนจะหลุดออกจากร่าง ใบหน้าของเขาถูกกดไว้กับพื้นหินที่เย็นเยียบทำให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากตาข้างขวาเท่านั้น
ความตกใจและอับอายท่วมท้นอยู่ในความคิดของเขา เลือดพลุ่งพล่านอยู่ในหัวจนเขาแทบจะระเบิด ผู้คุ้มกันจับตัวเขาไว้ในท่าที่น่าอับอายและพวกเขาก็กล้ามากที่ไม่ยอมลดความรุนแรงของการโจมตีลงเลย ! ทุกวินาทีที่เขาถูกกดไว้กับพื้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกตบใบหน้าหลาย ๆ ครั้งต่อหน้าสาธารณชน
ทุกอย่างยังคงเกิดขึ้นเร็วมาก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งกับสถานการณ์ปัจจุบันมันห่างกันเพียงไม่ถึง 2 นาที ด้วยซ้ำและในที่สุดเขาก็หมดความอดทน เขาปล่อยเสียงหอนเหมือนสัตว์ออกมาและใช้กำลังทั้งหมดที่เขามีทำให้ร่างกายส่วนบนของเขาเริ่มขยับขึ้นมาได้ !
ร่างของหนึ่งในผู้คุ้มกันที่กดตัวเขาไว้กระเด็นออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวทันที ส่วนอีกคนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการใช้แขนอีกข้างยึดเอวเขาไว้ อย่างไรก็ตาม พลังมหาศาลที่เขาระเบิดออกมาก็ทำให้ผู้คุ้มกันโอนเอนไปมาและเกือบจะปล่อยมือที่จับเขาออก
ทว่าผู้คุ้มกันที่จับตัววอร์เรนอยู่ใช้กำลังของเขาเพื่อพุ่งตัวไปเตะเข้าที่หลังของริชาร์ดทันทีจนเขาล้มลงอีกครั้ง ศีรษะของริชาร์ดกระแทกเข้ากับพื้นหินอย่างจังจนมีเลือดไหลออกมาจากหน้าผากเป็นทาง
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างถนน ทว่าพวกเขาเห็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลโจเซฟและอาเครอนจึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง เลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะริชาร์ดนั้นทำให้ผู้คนร้องออกมาด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าที่ริชาร์ดสวมใส่อยู่นั้นเป็นสีของขุนนาง นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่ผู้คุ้มกัน บัดนี้มีระดับขุนนางได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว !
ฟอล์กเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นริชาร์ดในตอนนี้ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาใกล้ “เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร ? ทำไมข้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ?”
ริชาร์ดยกศีรษะขึ้นและเมื่อเขากำลังจะเอ่ยปากนั้น ฟอล์กก็ใช้เท้าของเขาเหยียบไปบนศีรษะของเขาจนใบหน้าเขาแนบไปกับพื้น !