นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 57 การต่อสู้ชี้ชะตา ตอนที่ 1
ในที่สุดการแข่งขันก็มาถึง เลเจนดารี่เมจที่หายตัวไปเป็นเวลานานก็เพิ่งกลับเข้าสู่ดีพบลูในคืนก่อนหน้านี้ นั่นทำให้เหล่าแกรนด์เมจรู้โล่งใจขึ้นมาทันทีเพราะจะได้ไม่ต้องเลื่อนการแข่งขันนี้ออกไป การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในดีพบลูในช่วงหลัง ๆ มานี้อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มวางเงินพนันกัน แม้ว่าแท้จริงแล้วการแข่งขันครั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวของริชาร์ดกับสตีเว่น แต่แน่นอนว่าตำแหน่งผู้สืบทอดความเชี่ยวชาญในการสร้างรูนของชารอนย่อมมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วไปได้
เมื่อมาถึงดีพบลู ชารอนก็เรียกประชุมแกรนด์เมจทุกคนทันที คิ้วที่ขมวดเป็นปมของนางทำให้เห็นได้ชัดว่านางกำลังอารมณ์ไม่ดี แกรนด์เมจต่างก็พากันนั่งนิ่งและไม่เข้าไปรบกวนนาง ชารอนรอแล้วรอเล่าให้อาหารว่างของนางมาเสิร์ฟ ในที่สุดเมื่อทาสผิวเข้มมาถึง นางก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นว่าในหม้อสีทองนั้นมีผลไม้หลากหลายทว่ามีจำนวนที่น้อยนิด แล้วผลไม้ของโปรดของนางหายไปไหน ?
นางคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมออก ก่อนขมวดขึ้นอีกครั้ง “นี่มันอะไรกัน ? แล้วผลไม้ของข้าหายไปไหนหมด ?”
แบล็คโกลด์รีบเข้ามาใกล้นางก่อนพึมพำในลำคอ “ทะ… ท่านชารอน ผลไม้ของท่านหมดแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ ! ข้าสำรองไว้พอถึงครึ่งปี !” นางขึ้นเสียง
“มาสเตอร์ เม้าเทนซีกินจุกว่าท่านมาก และนางก็กินผลไม้พวกนั้นมาตลอดเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ก็เลย… มีเหลือเก็บไว้เพียงน้อยนิดเท่านั้น” แบล็คโกลด์รายงานอย่างระมัดระวัง
“ทำไมนางถึงยังอยู่ที่นี่ ?” เสียงของชารอนเย็นยะเยือก ทว่าคนแคระเกรย์เตรียมตัวไว้ก่อนแล้วจึงยื่นใบเสร็จ 2 ใบให้กับนาง “นี่คือจำนวนเงินที่ได้มาจากการขายผลไม้อย่างเดียวเท่านั้น และนี่คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดของนางในดีพบลู”
หลังจากเห็นใบเสร็จ สีหน้าของชารอนดีขึ้นมากก็จริง การได้รับเงินทำให้นางมีความสุขได้แทบจะทุกครั้งแม้จะเพิ่มขึ้นแค่เพียงเหรียญเดียวก็ตาม ซึ่งแบล็คโกลด์รู้ความจริงข้อนั้นดี อย่างไรก็ตาม รายได้เหล่านั้นไม่ได้ทำให้นางดีใจอย่างที่คิด รวมถึงเวลา 2 เดือนของการออกไปทำงานหนักนั้นก็ไม่ได้ทำให้นางมีความสุขขึ้นมาได้
2 เดือนที่หายไป ชารอนได้เพชรอิซล่ากลับมาด้วย ซึ่งมันมีมูลค่าเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายรายปีของนาง ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้นางมีความสุขมากขึ้นเท่าไหร่ และเหตุผลที่แท้จริงนั้นง่ายนิดเดียว ยิ่งนางมีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น นางก็ยิ่งเห็นถึงความแตกต่างในความร่ำรวยของนางและเม้าเทนซีมากขึ้นเท่านั้น
หลังเอ่ยปากชมแบล็คโกลด์แล้ว เลเจนดารี่ผู้ที่กำลังทำหน้าตาบูดบึ้งก็วางใบเสร็จเหล่านั้นลงและถามขึ้นว่า “การเตรียมการเรื่องการแข่งขันพรุ่งนี้เป็นยังไงบ้าง ?”
“ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว พวกเรารอแค่การกลับมาของท่าน”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มตามเวลาได้เลย เพราะดูเหมือนข้าจะไม่ได้อะไรเพิ่มจากโซแลมอีกแล้ว และข้าก็ตื่นเต้นเต็มทีว่าริชาร์ดน้อยของข้าจะเตรียมอะไรมาทำให้ข้าตกตะลึง”
“มาสเตอร์ เราควรเตรียมตัวล่วงหน้าหรือไม่ ?” แบล็คโกลด์ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“เตรียมตัวรึ ? เตรียมตัวอะไร ?” เลเจนดารี่เมจถามเสียงเรียบทว่าแฝงความตื่นตกใจ
นางลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะออกไปทว่ากลับรู้สึกได้ว่าแบล็คโกลด์กำลังพยายามจะบอกใบ้อะไรบางอย่างและมันก็ดูแปลกพิกล และในที่สุดนางจึงเอ่ยถาม “ริชาร์ดของข้าจะพ่ายแพ้ได้ยังไงกัน ?”
แบล็คโกลด์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพยายามจะพูดก่อนหน้านี้ “ตระกูลโซแลมนั้นสนับสนุนสตีเว่นอย่างเต็มที่ ถึงแม้เขาจะสร้างรูนได้ แต่มันก็เป็นเพราะเซนต์เคลาส์เป็นคนออกแบบให้ ต่างกับริชาร์ดที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่เคยขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของเขาหรือแม้แต่จากเม้าเทนซีเลย”
“แล้วเม้าเทนซีไม่ได้เอาหนังคอมังกรไฟให้เขาหรอกหรือ ?” ชารอนถามอย่างเยือกเย็น
“นางให้ แต่เขาแค่เอาไปวางไว้เฉย ๆ และไม่ได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ” แบล็คโกลด์อธิบาย
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาที่เกิดจากชารอนทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ สิ่งที่ได้ยินจากแบล็คโกลด์กลับทำให้นางมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม และบางอย่างที่คล้ายกับรอยยิ้มได้ฉายชัดขึ้นบนใบหน้าแทบจะทันที นางยืดเส้นยืดสายอย่างขี้เกียจก่อนพูดขึ้นอย่างแจ่มใส “อย่ากังวลไปเลย เซนต์เคลาส์น่ะกระจอกจะตายไป เขาได้แต่ทำตามตำราและไม่มีความสร้างสรรค์อะไรเลย ชั่วชีวิตนี้เขาก็ไม่มีทางเป็นเกรทรูนมาสเตอร์ได้หรอก และเขาก็ออกแบบอะไรที่น่าประทับใจไม่ได้ ตอนเลือกหัวข้อการแข่งขัน ข้าเอาเรื่องนี้มาประกอบการตัดสินใจด้วย ต่อให้เขามีเซนต์อีกเป็น 30 คนหนุนหลังอยู่ เขาก็ทำให้สตีเว่นชนะไม่ได้อย่างแน่นอน”
แบล็คโกลด์ตระหนักได้ว่าชารอนไม่รู้เรื่องการออกแบบของริชาร์ดเลยแม้แต่น้อยจึงย้ำนางไปอีกครั้ง “ขะ… ข้าหลวง แต่ริชาร์ดก็อาจไม่ชนะเช่นกัน !”
ชารอนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาพลางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เลิกทำให้เรื่องมันซับซ้อนซะที ! ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นยังไง ก็แค่ประกาศว่าริชาร์ดคือผู้ชนะ แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึ ?”
คนแคระเกรย์ถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดของชารอน “แล้วท่านจะอธิบายกับคนของโซแลมว่ายังไง ?”
เลเจนดารี่เมจหัวเราะเยาะ “หึ ๆ ก็แค่บอกว่ากาตอนจ่ายมากกว่า ! หากโซแลมไม่พอใจก็ให้ไปหาเขาได้เลย !”
สิ้นคำของชารอน แบล็คโกลด์ก็เริ่มหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ชารอนเดินออกไปก่อนที่เขาจะพูดอะไรได้อีก และดูจากการเอามือปิดปากและหาวออกมาไม่หยุดหย่อนนั้น นางคงจะไปงีบหลับอย่างแน่นอน นี่ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว แบล็คโกลด์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะต้องเห็นด้วยกับความคิดนาง
ค่ำคืนที่เงียบสงบผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในเวลา 9 โมงเช้าของวันถัดไป สถานที่แข่งขันก็คือเวทีทดลองส่วนตัวของชารอน ในการแข่งขันครั้งนี้ นอกเหนือจากผู้เข้าร่วมประลองแล้ว มีเพียงชารอนและเหล่าแกรนด์เมจเท่านั้นที่จะเข้าร่วมชมได้ อย่างไรก็ตาม เม้าเทนซีนั่งอยู่ถัดจากริชาร์ดเพื่อให้กำลังใจเขาโดยมีอูราซัดซู สตีลร็อค และผู้คุ้มกันอีก 2 คนนั่งอยู่ข้างหลังนาง
ตระกูลโซแลมคัดค้านเรื่องนี้กับแบล็คโกลด์อย่างยิ่ง พวกเขาเห็นว่าเม้าเทนซีและบุคคลอื่นเป็นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง จึงไม่ควรได้ร่วมชม เพราะการแข่งขันนี้ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ พวกเขาอ้างอีกว่าจะไม่มีทางรู้ได้เลยหากอูราซัดซูจะแอบลอบฆ่ากระต่ายของสตีเว่น
ทว่าคำกล่าวหาทั้งหมดนั้นถูกปัดไปอย่างไม่ใยดี แบล็คโกลด์บอกกับพวกเขาว่าไม่ว่าจะอย่างไร เม้าเทนซีก็ยังเป็นนักเรียนของชารอนอยู่ และอีกอย่างพวกเขาไม่ควรดูถูกดีพบลูแห่งนี้ เพราะต่อให้ตระกูลโซแลมที่อยู่ที่นี่บอกว่า ‘ไม่ได้’ ชารอนและแกรนด์เมจทั้งหลายก็บอกว่า ‘ได้’ อยู่ดี
ในตอนนี้ ท่าทางสง่าผ่าเผยของแบล็คโกลด์ทำให้สตีเว่นรู้สึกไม่ดี อีกอย่างทั้งสตีเว่นและตระกูลของเขาก็ไม่กล้าที่จะเปิดศึกกับแบล็คโกลด์โดยตรงด้วย มินนี่เองก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของพวกเขา ทั้งเลเจนดารี่และเม้าเทนซีต่างก็มีพลังที่เหนือกว่า ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ก็ล้วนส่งผลกระทบต่อชีวิตและสถานะของดยุกโซแลมได้ทั้งสิ้น ไหนจะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นอีกไปอีกเมื่อทุกคนได้รับรู้ถึง ‘ภูมิหลัง’ ของเม้าเทนซี
เมื่อหมาป่าฤดูหนาวเข้าสู่เวทีประลองก็ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาทำการสุ่มรายชื่อซึ่งสตีเว่นได้เป็นผู้ที่เริ่มก่อน เมื่อเดินไปยังเวที เขายกผ้าคลุมให้พ้นออกไปจากทางเข้ากรงและเปิดประตูอย่างเคร่งขรึม สิ่งที่ออกจากกรงก็คือกระต่ายหิมะที่โซแลมและเซนต์เคลาส์ทุ่มเททุกอย่างในการฟูมฟักดูแลอย่างดีตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา
วินาทีแรกที่กระต่ายกระโดดออกมานั้น มันดูเหมือนจะไม่มีเรื่องใดผิดปกติ ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงคือกระต่ายหิมะนั้นตัวใหญ่ราวกับสุนัขล่าเนื้อ