นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 36.1 การมีส่วนร่วม [1]
ริชาร์ดไม่ได้ดึงแท่นเหล็กออกมาจากร่างของแอสซาซิน ทว่าเขากลับใช้มือจับมันไว้พร้อมทั้งผลักร่างของแอสซาซินกระเด็นลอยออกไปไกล ทันทีที่ร่างนั้นลอยออกไปและกระแทกลงสู่พื้น ร่างของมือสังหารก็หยุดการตอบสนองในทันที เขารู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าภายในนั้นยังมีคนที่ดักรอเขาอยู่อีก !
เกิดเสียงดังขึ้นถึง 2 เสียง มันฟังดูราวกับเป็นเสียงของกริชที่แทงลงบนร่างของแอสซาซินถึง 2 ครั้งในเวลาเดียวกัน เสียงแรกเป็นเสียงเจาะเข้าไปในหัวใจของเขาผ่านช่องว่างระหว่างซี่โครง ในขณะที่อีกเสียงเป็นเสียงเสียบเข้าไปยังกระดูกสันหลังด้วยความแม่นยำและโหดเหี้ยมเพื่อหวังจะคร่าชีวิตของเขาในชั่วพริบตาเดียว
ริชาร์ดใช้มือที่เปื้อนเลือดสีแดงเช็ดเข้าที่ร่างของมือสังหาร มือของเขาดูเหมือนจะมีพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งมันมากพอที่จะกระชากศีรษะของมือสังหารออกมาได้อย่างง่ายดาย
เขาคว้าศีรษะที่กระเด็นลอยออกมาแล้วจับมันทุ่มลงไปที่พื้นราวกับลูกบอล ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัวปรากฏอยู่บนศีรษะที่ไร้ร่างนั้นขณะที่มันกลิ้งเข้าไปยังตรอกลึกก่อนหยุดลงตรงหน้าของเงามืดอีกร่างหนึ่ง ซึ่งริชาร์ดก็จ้องมองไปยังเงาร่างนั้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เจ้าของเงามืดนั้นดูเหมือนว่าจะตื่นตระหนกกับภาพตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ริชาร์ดจ้องมองไปที่เงานั้นด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย จากการคำนวนด้วยสายตาของเขาทำให้เขารับรู้ว่าเงาที่เกิดขึ้นไม่ได้ตรงกับจำนวนที่แท้จริงของคนเหล่านั้นเลย
ไฟร์บอลพุ่งเข้าไปในซอยลึกก่อนระเบิดขึ้นในพื้นที่กึ่งปิดผนึก เนื่องจากมีกำแพงเป็นตัวช่วยสะท้อนพลังจึงทำให้มันมีพลังทำลายถึง 50 หน่วย ซึ่งถือว่าสามารถฆ่าคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 10 ได้สบาย ๆ เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังพลุ่งพล่านในทันที
คลื่นความร้อนระอุพุ่งออกมามากมาย แม้จะอยู่ห่างไปไกลถึง 10 เมตรก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกระทบจากความร้อนนี้ได้ ริชาร์ดเลือกที่จะไม่หลบ เขาเดินตรงเข้าไปยังตรอกนั้นอย่างเงียบ ๆ ก่อนยืนพิงกำแพงตรงทางเข้าและอำพรางออร่าของเขาเอง หลังจากนั้นเขาก็ยกแขนขวาขึ้นก่อนจะเล็งฝ่ามือไปยังทางออก
ในที่สุดคลื่นความร้อนก็หยุดลง เพลิงเวทมนตร์ค่อย ๆ สลัวลงเรื่อย ๆ ก่อนที่ภายในซอยลึกจะปรากฏภาพร่างที่ไหม้เกรียมอยู่ครึ่งตัวกำลังบิดไปมาด้วยความทุรนทุรายพร้อมทั้งเปล่งเสียงโหยหวนออกมาราวกับกำลังจะถึงจุดจบของชีวิต ทั้นใดนั้นเอง ร่างของชายรูปร่างผอมบางซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับริชาร์ดได้ปรากฏตัวขึ้น มือของเขาถือขวานขนาดใหญ่ไว้ซึ่งไม่ได้มีขนาดที่สมส่วนกับร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย
สิ่งแรกที่เขามองเห็นคือมือของริชาร์ดที่กำลังปล่อยเพลิงออกมา ! เพลิงนั้นพุ่งตรงมายังหน้าของชายผู้นั้นอย่างจังและเขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าที่กำลังถูกแผดเผาทำให้ทุกอย่างมืดมัว เขารีบถอยกลับไปทันที แม้ว่าเพลิงในมือของริชาร์ดจะเป็นคาถาระดับ 1 ที่มีพลังทำลายเพียงแค่ 2 หน่วยเท่านั้นและโดยปกติแล้วส่วนใหญ่จะใช้ไฟเหล่านี้เพื่อส่องให้เห็นทางเดินเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วหากว่าใช้พลังของมันอย่างถูกต้องก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากทีเดียว
ชายผู้นั้นก้าวถอยหลังออกไปก่อนที่เขาจะรู้สึกเย็นวาบตรงท้อง เขาคำรามออกมาพร้อมเล็งขวานหนักที่ฟันได้ราวกับสายฟ้าฟาดไปที่ศรีษะของริชาร์ด
ตอนแรกริชาร์ดคิดจะใช้จังหวะนี้ในการลอบโจมตีเพื่อฉวยโอกาส แต่จู่ ๆ ตัวของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ ใครจะไปรู้ว่าชายผู้นี้จะโต้กลับมาด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ? พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากขวานบ่งบอกได้ว่าเขาคือวอริเออร์ระดับ 10 เป็นอย่างน้อย
ริชาร์ดก้มตัวหลบทันที เขาเริ่มการเคลื่อนไหวแปลก ๆ โดยการคลานไปรอบ ๆ เหมือนกับจิ้งจกเพื่อหลบหนีการโจมตีจากชายผู้นั้นจนเขาสามารถพาตัวเองออกห่างจากการโจมตีได้ถึง 10 เมตร และเป็นไปอย่างที่ริชาร์ดคาดการณ์ไว้ ชายผู้นั้นโจมตีไปยังจุดที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้อย่างจัง ขวานข้ามศีรษะของเขาไปถึง 3 ครั้งต่อเนื่องกันและการโจมตีแต่ละครั้งก็เข้าใกล้ร่างของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีครั้งสุดท้ายเฉี่ยวผ่านหลังของเขาไปจนทำให้เสื้อด้านหลังของเขาฉีกขาด !
ทว่าถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงพิงร่างตัวเองไว้กับกำแพงโดยไม่ขยับตัว เขารู้สึกเจ็บที่กลางท้องและรู้สึกราวกับว่ามันกำลังเผาไหม้จนทำให้เขาหายใจไม่ออก เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังเป็นปลาที่เกยอยู่บนบกซึ่งกำลังขาดน้ำจนต้องอ้าปากเพื่อหายใจทางปากแทนจมูก เขาพยายามควบคุมตัวเองและกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ในตอนนี้ลมหายใจของเขาค่อย ๆ โรยรินลงอย่างช้า ๆ เพราะความอ่อนล้า ในขณะเดียวกันวอริเออร์ผู้นั้นก็กำลังมองหาเขาท่ามกลางความมืดที่ครอบคลุมดวงตาของเขาอยู่ในตอนนี้
เอฟเฟ็กต์ของเออรัพชั่นได้ผ่านพ้นไปแล้ว อบิลิตี้นี้ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าปกติหลายเท่าแต่เขาก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าชั่วขณะ แม้ว่าเขาจะดื่มโพชั่นพลังงานเข้าไปแล้ว แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงอยู่ดีเขาจึงจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ พลังที่ถูกใช้ไปจนหมดในเวลาอันสั้นเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ชั่วคราว
สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่พื้นเพื่อมองเท้าของวอริเออร์ผู้นั้น เขาใช้แสงไฟเพื่อมองดูการเคลื่อนไหวของชายผู้นั้นอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งนี่เป็นเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาเรียนรู้มาจากโลกมืด มันทำให้เขารับรู้การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่ต้องมองตรง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว ชั่วขณะนั้น เขาคำนวนมานาที่ยังหลงเหลืออยู่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เขาพบว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงอย่างมาก คาถาที่ร่ายออกไปถึง 2 ครั้งทำให้เขาหลงเหลือมานาสำหรับร่ายคาถาไฟร์บอลแบบปกติได้อีกเพียงแค่ครั้งเดียว และแม้ว่าเขาจะสามารถใช้ได้ แต่การโจมตีนั้นก็คงทำความเสียหายให้กับวอริเออร์ที่ระดับเกิน 10 ได้อย่างจำกัดเท่านั้น
ทางด้านวออร์ริเออร์ เมื่อเขาพบว่าขวานโจมตีเข้ากลางอากาศติดต่อกันถึง 3 ครั้ง ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาไม่คิดเลยว่าการโจมตีในแต่ละครั้งของเขาจะไม่สามารถทำลายศัตรูได้แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าตอนนี้การรับรู้ทางสายตาของเขาจะมองไม่เห็น แต่เทคนิคต่าง ๆ รวมถึงความรู้สึกของเขายังคงใช้งานได้อยู่ จากตำแหน่งเดิมที่เขาจดจำได้ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความเร็วของคู่ต่อสู้ เขานึกสงสัยว่าในเวลานี้เขาน่าจะมีโอกาสจับตัวริชาร์ดได้แล้ว แต่ทำไมถึงยังพลาด ? ริชาร์ดสามารถหลบหนีการโจมตีของเขาได้ นั่นก็หมายความว่าเขาน่าจะใช้วิธีคลานหลบหนีไปมาราวกับจิ้งจกอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มกลั้นหายใจก่อนจะหันกลับมาอย่างช้า ๆ เพื่อเตรียมตัวที่จะหาตัวของเด็กเคราะห์ร้ายคนนั้นอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงความเย็นที่เกิดขึ้นตรงท้องขณะที่เขาเคลื่อนตัว บาดแผลความยาวกว่า 40 เซนติเมตรที่ปรากฏอยู่บนร่างของเขาเผยให้เห็นเครื่องในที่อยู่ภายในร่างกายได้อย่างชัดเจน และดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างภายในร่างกายของเขาไหลออกมาด้านนอกอีกด้วย วอริเออร์แทบไม่อยากจะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง เขาปล่อยขวานให้หล่นลงสู่พื้นดินอย่างฉับพลัน ในขณะที่เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังอ่อนล้าราวกับถุงกระสอบที่กำลังยวบลงไป
แสงแห่งเวทมนตร์ที่ริบหรี่เริ่มสว่างขึ้นในระยะไกลซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เกิดเสียงดังกึกก้อง ฝีเท้าที่เร่งรีบของเหล่าเมจผู้คุมกฎที่พุ่งตัวใกล้เข้ามาเป็นสัญญาณบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คนภายนอกได้รับรู้แล้ว ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้กันดีว่าภายในเขตชายแดนมีการสั่งห้ามไม่ให้ร่ายเวทมนตร์หรือใช้คาถาที่มีความอันตรายในพื้นที่สาธารณะ และไฟร์บอลคือหนึ่งในนั้น ผู้คุมกฎที่มาถึงสร้างความเบาใจให้กับริชาร์ดอยู่ไม่น้อย เขาจึงถอนหายในออกมาด้วยความโล่งใจ
ในขณะที่ริชาร์ดเพิ่งจะเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย เสียงหัวเราะที่ฟังดูมีเสน่ห์ก็ดังขึ้นข้างหูของเขา “ถึงเวลาตายอย่างสงบแล้ว ริชาร์ด !”
สิ้นเสียงนั้น กริชไร้แสงประมาณ 4 เล่มก็พุ่งตรงมาที่หลังของริชาร์ดทันที กริชนั้นมีสีเทามรณะและมีสารพิษเคลือบอยู่บนพื้นผิว หากกรีดลงบนผิวของริชาร์ดเพียงนิดเดียวก็อาจจะทำให้เขาตายได้อย่างรวดเร็วภายใน 30 วินาที ซึ่งในขณะที่กริชเคลื่อนเข้ามาใกล้หลังของเขามากขึ้น ๆ นั้น มือสังหารก็เริ่มปรากฏตัวในลักษณะโปร่งใส
ทว่าการโจมตีที่ผู้สังหารนั้นเตรียมการไว้ไม่ประสบความสำเร็จ จู่ ๆ กริชรูปร่างประหลาดที่มีสีแดงหม่นก็ปรากฏขึ้นและยับยั้งการโจมตีจากกริชสีเทาเข้าอย่างจัง
นี่ไม่ใช่กริชไร้นาม ในทางตรงกันข้าม ร่องที่แปลกประหลาดบนใบมีดและความมันวาวสีแดงเลือดแสดงให้เห็นว่ากริชนี้เป็นที่รู้จักกันดีในโลกมืด
“ใบมีดแห่งความพิบัติ !” เสียงของแอสซาซินสาวตะโกนขึ้น ในเวลานี้สามารถมองเห็นร่างรวมถึงใบหน้าของนางได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าตอนแรก นางจ้องมองกริชที่กำลังพุ่งทะลุผ่านร่างของนางไปอย่างตกตะลึงขณะที่ระลึกถึงตำนานมากมายในอดีตที่เกี่ยวกับใบมีดแห่งความพิบัติเล่มนี้ ความทรงจำแห่งทศวรรษได้กลับมาสู่ห้วงแห่งความคิดของนางอีกครั้ง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของใบมีดแห่งความพิบัติไม่ใช่ความแหลมคมแต่กลับเป็นเทคนิคที่มีความประณีตและโดดเด่นบนกริชเล่มนั้น อีกทั้งยังมีคำสาปเกี่ยวกับหายนะที่ลึกลับและคาดเดาได้ยากอยู่บนกริชเล่มนั้นด้วย
ทุกครั้งที่กริชสังหารใครสักคน มันจะดูดซับจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายไว้พร้อมทั้งใช้พลังนั้นเป็นดั่งเชื้อเพลิงเพื่อสร้างคำสาปแห่งหายนะ กริชนี้มีทั้งหมด 6 เล่ม และจะสามารถใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น ใครก็ตามที่ถูกสะกดไว้ด้วยคำสาป คนเหล่านั้นจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจะถูกโจมตีอีกครั้งเมื่อใด ยิ่งใบมีดแห่งความพิบัติจับตามองคนเหล่านั้นนานเท่าไหร่ อันตรายที่จะเกิดก็จะมากขึ้นเท่านั้น
ความมันวาวสีแดงเข้มที่เปล่งออกมาจากกริชไม่ได้ทำให้นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยแม้ว่ามันจะทะลุเข้าไปในร่างกายของนางแล้วก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้กันดีเกี่ยวกับคำสาปของกริชนี้คือมันสามารถระบุตำแหน่งของผู้ที่ถูกแทงได้ภายใน 3 วัน ซึ่งนั่นหมายถึงภายใน 3 วันนี้ ไม่ว่านางจะไปที่ใด กริชก็จะรู้ได้ในทันที
มือสังหารทะยานลงมาสู่พื้นดินอย่างเงียบ ๆ ในระยะห่าง 10 เมตร นางหมอบลงบนพื้นเหมือนเงาของเสือดำและใช้สายตาที่ดูไร้ชีวิตจ้องมองกริชสีแดง มือลึกลับที่ถือกริชไว้ปรากฏขึ้น เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่มีสภาพทรุดโทรมส่วนใบหน้าธรรมดาของเขาก็ไม่ได้ตรึงตาตรึงใจต่อผู้พบเห็นเท่าไหร่นัก ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับแสดงให้เห็นถึงความหยาบคายอยู่ไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะกริชที่น่ากลัวและร้ายกาจที่เขาครอบครองอยู่ นายาคงจะถูกประเมินว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารเล็ก ๆ หรือไม่ก็เป็นเจ้าของร้านเหล้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยรายได้อันน้อยนิดของเขาที่ทำให้เขาดำเนินชีวิตเสมือนประทังชีวิตไปวัน ๆ จึงถือว่าเขาก็ไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเท่าไหร่เลย ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาจะใช้เงินเพื่อซื้อสาวงามมาปรนเปรอความสุขก็ยังถือเป็นเรื่องยาก จากสภาพที่เห็นตรงหน้า หากเป็นคนนอกก็คงยากที่จะรับรู้ได้ว่าเขาเคยเป็นชายหนุ่มผู้งดงามที่จุดประกายในโลกแห่งความมืดเมื่อทศวรรษก่อนหน้านี้
ขณะนี้นายายืนอยู่ตรงข้ามกับแอสซาซินสาวแล้ว เขาได้แสดงทักษะของเขาด้วยกริชและส่งสายตาหื่นกามมองไปยังสัดส่วนของมือสังหารสาว “เจ้านี่เอง เจ้าชื่ออะไรนะ ? ข้าขอคิดก่อน… อ้อ คงจะเป็นบลัด แพรอท ไม่ก็อาร์ช สแปร์โรล… แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะชื่ออะไร ดูเหมือนจะผ่านมามากกว่า 10 ปีแล้วมั้งตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเจ้า ข้าไม่คิดเลยว่าร่างกายของเจ้าจะเย้ายวนมากถึงเพียงนี้ ! แต่ระดับของเจ้านี่สิ เหอะ จะว่ายังไงดีล่ะ… ผ่านไปตั้งหลายปีแล้วเจ้าไม่คิดที่จะพัฒนามันให้ดีขึ้นเลยรึ ? ยังระดับ 14 เนี่ยนะ ? เจ้าคงใช้เวลาก่อนหน้านี้ไปกับการนอนกับเหล่าขุนนางแก่โดยไม่ได้ฝึกเลยใช่ไหม ?”