นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 24.1 ฤดูร้อนที่เป็นดั่งฤดูหนาว [1]
การที่เอรินทำตัวเปลี่ยนไปนั้น เสมือนทำให้ท้องฟ้าฤดูร้อนอันกว้างใหญ่ของริชาร์ดเต็มไปด้วยหมอกอึมครึม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและรอยยิ้มที่ขมขื่นของนางปรากฏขึ้นมาภายในใจของเขา เขาไม่สามารถสะบัดความคิดของตัวเองให้หลุดไปได้ ภายในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยภาพของนาง อบิลิตี้วิสดอมและทรูธทำให้ทุก ๆ คำพูด ทุก ๆ เสียงหัวเราะ และทุก ๆ การเคลื่อนไหวของนางถูกจดจำอยู่ในความทรงจำของเขาโดยไม่จางหายไป ซึ่งนั่นรวมไปถึงรูปร่างของนาง ขนาดและสัดส่วนต่าง ๆ ทั้งที่เคยเห็น เคยสัมผัส และยังไม่เคยได้เห็นต่างก็ถูกเก็บไว้ภายในใจของเขาเป็นอย่างดี
จิตใจคนเรามักจะแปรเปลี่ยนไปเสมอ… ในความทรงจำของริชาร์ดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เอรินยังเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความสนุกสนาน และนางยังคอยกระทำสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ริชาร์ดเกิดความคาดหวังให้เขาตั้งหน้าตั้งตารอในวันถัดไป ทว่าในตอนนี้ความทรงจำเหล่านั้นได้เพิ่มขึ้นทุกวัน หัวใจที่อบอุ่นในตอนนั้นกลับกลายมาเป็นเหล็กเย็นเฉียบที่สร้างบาดแผลภายในหัวใจของเขาในตอนนี้
ริชาร์ดรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเอริน ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่กำลังสร้างความหนักใจให้กับนางอยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเรื่องเหล่านั้นเกิดจากอะไร เพราะช่วงหลังนางไม่เคยตอบในสิ่งที่เขาถามเลยสักครั้ง
สิ่งเดียวที่เขารับรู้ในตอนนี้คือนอกจากเอรินแล้ว เขาไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว นักเรียนของชารอนคนอื่นๆเขาก็แทบไม่ค่อยได้เจอ และเหล่าแกรนด์เมจที่เป็นอาจารย์ของเขาในตอนนี้ต่างก็กำลังหมกมุ่นอยู่กับหญิงสาว
ความโศกเศร้าเริ่มเพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาต้องอยู่เพียงลำพัง บางครั้งเขารู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแผดเผาโดยเพลิงไฟที่อยู่ในฝันร้ายของเขา มีสิ่งเดียวที่ทำให้ความสงบภายในจิตใจของเขากลับมาคือการอุทิศตนให้กับโลกแห่งเวทมนตร์อันกว้างใหญ่และความรู้ที่อยู่รอบตัว เขาตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้หลักสูตรที่ซับซ้อน กราฟ มานา และสิ่งมีชีวิตต่างแดนอย่างจริงจัง
ฤดูร้อนนี้สร้างความหนาวเหน็บให้กับริชาร์ดราวกับฤดูหนาวที่ผ่านมา ผลงานและการแสดงออกทางการศึกษาของเขายอดเยี่ยมในทุกแง่มุม มาตรฐานของผลงานของเขานั้นดีเยี่ยมทำให้แม้แต่แกรนด์เมจก็ไม่สามารถตำหนิหรือหาข้อผิดพลาดได้ มีสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้คือการสรรเสริญสติปัญญาของท่านชารอนเท่านั้น ขณะเดียวกันมานาของริชาร์ดเพิ่มขึ้น 2 เท่าแล้ว
— ริชาร์ดกำลังจะกลายเป็นเมจระดับ 2 ในอีกไม่นาน —
พลังเวทมนตร์ที่เขาแสดงออกมาเป็นที่น่าตกตะลึงอย่างมาก ทั้งทางด้านวิชาปรัชญา ประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ เขาสามารถเรียนรู้และดูดซับทุกอย่างจากบทเรียนได้เป็นอย่างดี
วันหนึ่ง มาเอสโตร อาจารย์สอนศิลปะของริชาร์ด ผู้ซึ่งนับว่าเป็นจิตรกรผู้มีความจู้จี้จุกจิกมากได้รับชมงานศิลปะของริชาร์ด ผลงานชิ้นนี้ริชาร์ดวาดเด็กสาวที่ถือกล่องอาหารเก็บความร้อนไว้ในมือ เธอกำลังเดินไปยังอุโมงค์ที่มืดมน เงาที่เยือกแข็งนั้นทำให้เธอตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ตื่นตระหนก และเป็นกังวล ส่วนปลายของเสื้อคลุมเวทมนตร์ของเธอพริ้วไหวไปมาท่ามกลางสายลม
มาเอสโตรรู้สึกว่ากล่องอาหารเก็บความร้อนในมือของเด็กสาวนั้นเป็นศูนย์กลางของงานศิลปะชิ้นนี้ รูปแบบของภาพมันต่างออกไปกับรูปแบบที่ใช้วาดเด็กสาว แม้ว่าเด็กสาวในภาพวาดนี้ดูราวกับว่าจะมีชีวิตอยู่จริง แต่ภาพของกล่องนั้นกลับให้ความรู้สึกราวกับว่ามันกำลังขยับเคลื่อนไหวอยู่จนต้องเพ่งความสนใจไปที่มันอย่างน่าประหลาดใจ ภาพตรงหน้าสร้างความรู้สึกที่หน่วงหัวใจต่อผู้ที่ได้ดูเป็นอย่างมาก สีที่ถูกระบายเป็นแบบพื้น ๆ ทุกอย่างถูกวาดด้วยขนนกเวทมนตร์ ทว่ามิติด้านลึกที่หลากหลายแสดงออกถึงความแตกต่างจนทำให้งานศิลปะชิ้นนี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก
หลังจากที่มาเอสโตรจ้องงานศิลปะชิ้นนี้อยู่เป็นชั่วโมง เขากลับเกิดความรู้สึกลำบากใจที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับผลงานชิ้นนี้ เขารีบขจัดความหนักหน่วงภายในใจที่รู้สึกได้จากภาพวาดชิ้นนี้ออกไป พร้อมกับบอกผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายว่า “แม้เป็นการพรรณนาถึงความเป็นจริง แต่นี่มันเกินขีดจำกัดของงานศิลปะไปแล้ว นี่เป็นความรู้สึกทั้งหมดของเขาในตอนนี้ และมันจะถูกจารึกไปชั่วนิรันดร์ !”
ผู้ช่วยได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเกิดความตกตะลึง เขาไม่เคยคาดคิดว่าภาพร่างชิ้นนี้จะได้รับการชมเชยจากมาเอสโตร เพราะเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่จุดสูงสุดของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ในแง่ของศิลปะ งานศิลปะชิ้นใดหรือผลงานศิลปะใด ๆ ที่เขาประเมินว่ามีราคาสูงมักจะขายให้กับคนนับล้านได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนั่นหมายถึงว่าริชาร์ดจะสามารถทำมันออกมาได้ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ ทว่าในความเป็นจริงเด็กชายคนนี้อาจจะไม่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นเช่นนี้ออกมาได้อีกนานเลยก็ได้
มาเอสโตรเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นภายในจิตใจ เขาสะบัดศีรษะอย่างแรงหลังจากที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดเป็นเวลานาน เขาโบกมือให้ผู้ช่วยของเขาออกไปก่อนที่เขาจะนั่งลงและจ้องมองดูผลงาน เวลาผ่านไป ความมืดก็เริ่มแทรกซึมเข้ามา แสงไฟจากมานาก็เข้ามารายล้อมเขาไว้เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับห้องที่มืดสลัว แสงไฟนั้นทำให้ภาพวาดเกิดความรู้สึกมากยิ่งขึ้น จนทำให้ผู้ที่มองดูผลงานรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่กว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด
“นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่ได้เห็นผลงานศิลปะที่ดีเช่นนี้ ? เด็กคนนี้… หัวใจของเขาคงจะกำลังเจ็บปวดมากเมื่อวาดนาง…” เขาพึมพำกับตัวเอง ในตอนที่เขาเป็นเด็ก จุดสูงสุดของอาชีพศิลปะของเขานั้นเกิดขึ้นท่ามกลางมรสุมที่เลวร้ายที่สุดของเขา เขาไม่สามารถค้นหาแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นที่เหมือนกับสมัยก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงได้เลย… เขาเหมือนมองเห็นริชาร์ดผ่านงานศิลปะชิ้นนี้ เด็กชายผู้ซ่อนความน่าหลงใหลไว้ภายใต้ความเงียบ
เขาเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกจนต้องเดินไปมา เขาใช้เวลาตัดสินใจอยู่เป็นชั่วโมงก่อนที่จะหันกลับไปมองมุมห้องศิลปะ
เครื่องจักรที่พิถีพิถันวางอยู่ตรงมุมห้องนั้น มันคืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแสดงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน จริง ๆ แล้วเขาควรจะหาสถานที่เพื่อวางมันให้ดี ๆ แต่ในฐานะที่เป็นคนที่ไม่พิถีพิถันเขาจึงวางเครื่องจักรราคาแพงไว้ตรงมุมห้อง และเมื่อถึงเวลาต้องใช้งานจึงจะดึงออกมาใช้ทันทีหลังจากที่เขามองเห็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนรวมถึงความสุขของชารอน
— เลเจนดารี่เมจไม่ได้มีความสุขกับผลงานของเขาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ! —
ผลงานศิลปะชิ้นนี้ดูเหมือนจริงเกินกว่าที่เขาจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นได้ นี่ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านชารอนบอกเขาเสมอว่า เขาต้องรายงานนางทุกครั้งเมื่อเขาเห็นมัน และเขารู้ดีว่าหากไม่รายงานสิ่งนี้ให้นางรู้จะต้องสร้างความโกรธเคืองให้กับนางอย่างแน่นอน เขาชั่งใจอยู่นานระหว่างมโนธรรมกับความสุขของชารอน อย่างไรก็ตามระหว่างมโนธรรมและความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจากชารอนหากเขาทำให้นางโกรธทำให้เขาไม่มีทางเลือกในการตัดสินใจในครั้งนี้อีกต่อไป
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ แต่ทว่าเขาก็ม้วนภาพวาดของริชาร์ดอย่างระมัดระวังพร้อมกับออกจากห้องศิลปะไปอย่างรวดเร็ว