นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 166 ความบังเอิญ ตอนที่ 2
นิยาย นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 166 ความบังเอิญ ตอนที่ 2
ด้วยความสูงที่มากกว่า 2.5 เมตรของในท์เกราะดำเหล่านี้ทำให้พวกเขามีรูปร่างราวกับสัตว์ป่า สัตว์พาหนะของพวกเขามีลำตัวยาวมากกว่าปกติ แต่ถึงแม้ว่าความสูงที่พวกเขามีจะโดดเด่นทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สูงไปกว่าสัตว์พาหนะของตนเองนอกจากสัตว์พาหนะแล้ว ในมือของเหล่าไนท์เกราะดำยังมีดาบที่หนักกว่าร้อยกิโลพร้อมด้วยท่อนไม้ที่ดูเหมือนจะไร้น้ำ หนักอยู่ด้วยทุกครั้งที่อาวุธเหล่านั้นสัมผัสเข้ากับสิ่งต่าง ๆ ที่ อยู่รอบตัวความเสียหายที่เกิดขึ้นทันที
เมื่อเมจทั้ง 2 คนก้าวเท้าออกมาจากประตูมิติ สถานการณ์รอบข้างก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ทันทีที่พวกเขาเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากด้านนอกประตูมิติ พวกเขาก็ร่ายหมอกกรดออกมาซึ่งคาถาหมอกกรดที่พวกเขาใช้นั้นก็โดนเหล่าไนท์เกราะดำที่เป็นพวกเดียวกันด้วย
ทันทีที่คาถาหมอกกรดถูกร่าย ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกสีเขียวอมเหลืองที่ปกคลุมเกือบครึ่งสนามรบ และเมื่อกลุ่มควันเหล่านั้นสัมผัสเข้ากับผิวหนังของพวกเขา เสียงหวีดร้องก็เริ่มดังขึ้นขณะที่แผลพุพองเกิดขึ้นกับเหล่าศัตรูทั้งหมด
เหล่าพาลาดินเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความฮักเฮิมอีกครั้งก่อนพยายามขับไล่หมอกกรดด้วยพลังงานของพวกเขา ทว่าเหล่าทหารสามัญรวมไปถึงผู้ที่อยู่ในระดับ 6 และ 7 กลับไม่มีความสามารถที่จะทำได้อย่างพาลาดิน ความเจ็บปวดเริ่มแทรกซึมเข้าสู่กระดูกทำให้พวกเขาร้องออกมาอย่างโหยหวนพร้อมกับที่ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงและค่อย ๆ ปิดลงจนไม่สามารถลืมตาอันหนักอึ้งขึ้นมาได้อีก
พลังของเหล่าไนท์เกราะดำพลุ่งพล่านท่ามกลางหมอกควันที่เกิดขึ้น พวกเขากวัดแกว่งอาวุธไปทั่วจนทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยเศษเนื้อสดและเลือด ส่วนสัตว์พาหนะของพวกเขานั้นสามารถก้าวไปด้านหน้าได้โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดจากรดพวกนี้เลย
ในเวลานี้พื้นที่ที่เกิดหมอกกลายเป็นสนามแห่งการสังหารอย่างสมบูรณ์แล้ว เหล่าพรีสต์ที่อยู่ด้านหลังไกลออกไปต่างล้มลงที่พื้นโดยที่ปากก็กล่าวสาปแช่งออกไปด้วย แสงศักดิ์สิทธิ์ส่งออกมาจากปลายนิ้วของพวกเขาก่อนที่จะระเบิดออกเป็นทรงกลม ซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดลมกรรโชกรุนแรงก่อนที่มันจะกระจายอยู่ในหมอกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทว่าในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เหล่าวอริเออร์ 10 คนกับพาลาดินอีก 2 คนก็ถูกสังหารในทันที แม้ว่าในตอนนี้หมอกจะปลิวลอยออกไปแล้วแต่คนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกก่อนหน้านี้ยังดิ้นไปมาด้วยความทุรนทุราย
เหล่าเคลริคยังคงหมกมุ่นอยู่กับการทำให้บรรยากาศที่อยู่ภายในที่แห่งนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยยังคงร่ายคาถาออกมาอย่างต่อเนื่อง ทว่าถึงแม้ความพยายามของพวกเขาจะเต็มเปี่ยมแต่พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความหมดหวังที่ทวีคูณมากขึ้น
ไม่กี่วินาทีหลังการเทเลพอร์ตหยุดลง แสงอันกล้าแกร่งที่มาจากประตูมิติก็เปล่งประกายออกมาก่อนจะระเบิดหมอกที่เป็นสีดำเหมือนหมึกออกมาอีกครั้ง หมอกสีดำยังคงมีดลงอย่างต่อเนื่องขณะที่มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังออกมาจากด้านในนั้น
ทว่าเพียงครู่เดียวหมอกดำก็หายไปก่อนจะเผยให้เห็นร่างของในท์สาวที่มาพร้อมกับสัตว์พาหนะสีดำตัวใหญ่ นางตบแผงคอของมันเบา ๆ และทันใดนั้นมันก็เหยียดตัวแล้วเคลื่อนลงมาที่พื้น
ทันทีที่เท้าของมันแตะลงสู่พื้นดิน ความยิ่งใหญ่ของมันก็ยิ่งทวีคูณ ร่างของมันเป็นเหมือนกับสิงโตโดยมีฟันแหลมคมยาวขึ้นออกมาจากริมฝีปากบน มันกระพือแผงคอออกอย่างสง่าผ่าเผยแม้ว่าจะไม่มีลมพัดมาก็ตามจนทำให้มันดูยิ่งใหญ่อย่างไม่
น่าเชื่อ ทันทีที่มันยืนขึ้น ความสูงของมันก็ดูเหมือนจะสูงกว่าเหล่าไนท์เกราะดำเป็นอย่างมาก อีกทั้งมันยังมีเกราะสีดำยื่นออกมาจากด้านหลังรวมไปถึงหางของมันด้วยซึ่งปลายหางของมันเป็นเหมือนกับหางของแมงปอง
ในท์สาวที่อยู่บนตัวของสัตว์ตัวนี้ถือว่ามีรูปร่างที่กะทัดรัดไม่ใหญ่หรือเล็กไปกว่ามาตรฐาน นางดูเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่บนหลังของสิ่งมีชีวิตที่สง่างาม ในเวลานี้นางสวมใส่เกราะและเสื้อคลุมสีดำสนิท ส่วนสายตาและเส้นผมของนางมีสีเช่นเดียวกันกับเสื้อผ้า โทนสีบนตัวของนางเข้ากับเหล่าไนท์และสัตว์พาหนะหลาย ๆ ตัวเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีทว่าในส่วนเกราะของนางที่อยู่บนร่างนั้นยังเป็นปริศนาที่ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากอะไรและนอกจากนั้นก็ไม่มีใครทราบว่ามันมีความสามารถหรือมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดไหน การออกแบบของมันนั้นเปิดเผยสรีระของไนท์สาวได้มากเสียยิ่งกว่าเซนฆ่าเสียอีก หากไม่ได้สนใจในส่วนของปลอกแขนและรองเท้าบูทก็ทำให้ดูเหมือนกับว่านางสวมใส่เพียงแค่ชุดชั้นในเท่านั้น เพราะนอกจากหน้าอกและบริเวณส่วนล่างที่ถูกปกปิดแล้ว นอกนั้นก็เหมือนเป็นเพียงส่วนที่เปลือยเปล่า
ไนท์สาวคนนี้มีสีหน้าที่เชื่องซึมราวกับเพิ่งตื่นจากฝันที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มือข้างหนึ่งของนางยังคงจับที่แผงคอของสัตว์พาหนะของตนเองในขณะที่อีกข้างยกขึ้นมาปิดปากที่อ้าหาวออกมาหวอดใหญ่ นางมองดูพื้นที่รอบ ๆ อย่างมึนงงก่อนเตะไปที่ขาของสัตว์พาหนะเพื่อให้มันหมอบลง
“เกิดอะไรขึ้น ? ” เสียงของนางเต็มไปด้วยความนุ่มนวลราวกับว่าเป็นเสียงทักทายคนรักของตัวเองในยามเช้า
ไนท์เกราะดำที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สัตว์พาหนะของนางไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ทว่ายังคงยืนมองหมอกดำที่ถูกส่งออกมาจากประตูมิติอยู่ครู่หนึ่ง ชายผู้นี้สูงกว่าเหล่าไนท์คนอื่น ๆ ที่อยู่ในสนามและออร่าแห่งความแข็งแกร่งของเขาก็ดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ความโดดเด่นที่ชัดเจนนี้ทำให้ทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่าเขาคือหัวหน้ากองทัพ “ท่านหญิง นี่คือคนพื้นเมืองที่อยู่ในเพลนแห่งนี้ พวกมันต่างซุ่มโจมตีจากด้านนอกประตูมิติ ข้าก็เลยเดาว่าพวกมันคงต้องการทำลายพวกเราทุกคน แต่น่าเสียดายที่ความสามารถที่พวกมันมีช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน ท่านรออีกหน่อยเถิดเพราะในไม่ช้าพวกเราก็คงกำจัดคนเหล่านี้ได้แล้ว !”
“การซุ่มโจมตีโดยชาวพื้นเมือง ? น่าแปลกใจซะจริง !” ไนท์สาวเบิกตาของนางขึ้นก่อนกวาดตามองไปรอบ ๆ อีกครั้งและหยุดสายตาลงตรงกลุ่มของพรีสต์ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงก่อนที่นางจะพูดขึ้นว่า “หึม… พรีสต์ระดับ 15 ! ดูเหมือนว่าการซุ่มโจมตีครั้งนี้จะมีการคิดไตร่ตรองมาล่วง หน้าเป็นอย่างดี แหมมุ่งมั่นที่จะได้รับชัยชนะเสียจริงนะ ! แต่… พวกมันคิดจริง ๆ รึว่าระดับอย่างพวกมันจะสามารถทำอะไรพวกเราได้ ?”
“มั่นใจข้าได้ท่านหญิง ข้าจะไปจัดการกับพวกมันเดี๋ยวนี้ !” หัวหน้ากองทัพพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
ในท์สาวเผยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน “ข้าจะรอนานขนาดนั้นได้ยังไงกัน ?” หญิงสาวกล่าวพลางกระโดดลงจากสัตว์พาหนะและสะบัดปลายเสื้อคลุมของตนเองก่อนที่จะหายตัวไปในทันที
นางปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเหล่าพรีสต์ภายในชั่วพริบตาราวกับว่าระยะห่างหลายร้อยเมตรไม่มีผลอะไรต่อนางเลย หญิงสาวโผล่หน้าของตนเองออกมาจากเสื้อคลุมขณะเข้าประชิดตัวเหล่าพรีสต์ด้วยท่าทางที่มีเสน่ห์และโอบแขนคล้องไปที่คอของพรีสต์ผู้นั้นก่อนที่จะเอื้อมมือไปที่คอเสื้อของเขาเพื่ อสัมผัสหน้าอกเบา ๆ กริชสีดำราวกับหมึกปรากฏขึ้นในมือของนางและมันก็ตัดเข้าที่คอหอยของพรีสต์ผู้นั้นอย่างรุนแรง ความแหลมคมของใบมีดทำให้เกิดรอยขาดที่ช่วงคอของพรีสต์ก่อนที่เขาจะล้มลงอย่างช้า ๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีโดยที่พรีสต์ผู้นั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะทันทีที่เขากำลังจะร่ายคาถาสุดท้ายจบ เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่คอซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากคอของเขาอย่างดุเดือด เขาพยายามประคองไม่ให้คอของตนเองขาดออกจากกันทว่าในเวลานั้นพรีสต์คนอื่น ๆ อีก 8 คนก็ต้องเจอชะตากรรมเดียวกันกับเขาเลือดจากคอของพวกเขาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำพุ และแน่นอนว่ารอยแผลแดงที่ประทับอยู่ตรงคอของพวกเขาค่อนข้างเห็นได้ชัด
ในขณะนั้น พรีสต์ระดับสูงก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ เขากวาดตามองไปรอบ ๆ พร้อมทั้งยกมือขึ้นก่อนจะพบว่ามีเลือดไหลออกมาเต็มมือและมันก็ไหลลงเต็มตัวของเขาแล้วในเวลานี้ เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้นพวกเขาก็จะสามารถสร้างกำแพงแห่งความกล้าหาญได้สำเร็จแล้ว กำแพงนี้จะมีเพียงแค่วอริเออร์ระดับสูงกว่า 15 เท่านั้นที่สามารถทำลายมันได้
อย่างไรก็ตาม ในเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะร่ายคาถาได้สำเร็จร่างกายของพรีสต์ชราก็สั่น มานาที่เขาพยายามรวบรวมมาจางหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะกระจัดกระจายออกไปการร่ายคาถาของเขาล้มเหลว…!