นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 159 เก็บเกี่ยวของกํานัล
นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 159 เก็บเกี่ยวของกํานัล
ในมุมมองของแกงดอร์ ม้วนกระดาษเหล่านี้เป็นแค่เศษกระดาษไร้ค่าเท่านั้นหากพวกเขาไม่อยากให้มันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูทางเลือกเดียวที่มีอยู่สําหรับเวลาไม่กี่สิบนาทีในการตระเวนทั่วสนามรบนี้ก็คือต้องเผามันทิ้งให้หมด ภายในวิหารมีสิ่งของล้ําค่ามากมายเสียจนพวกเขาไม่สามารถกวาดและเก็บพวกมันกลับไปได้หมด ตัวอย่างอย่างเช่นอัญมณีโทแพซจํานวนมากที่ถูกฝังไว้ใต้รูปปั้นเนเอียน
คทาของเอสเซียนก็มีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกันทว่าคริสตัลหัวคทาที่ใช้ในการเรียกคาถาของเขาได้ใช้พลังงานสํารองหมดเพื่อปกป้องเขาจากไฟร์บอลก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นทําให้คริสตัลกลายเป็นเถ้าถ่านไปทั้งหมดแล้ว รวมถึงตัวคทานั้นก็โค้งงอผิดรูปไปแต่เนื่องจากมันทํามาจากทองคํา แร่ธาตุชั้นดี และออบซิเดียนจํา นวนหนึ่งทําให้ยังคงมีมูลค่าหลงเหลืออยู่ประมาณ 10,000 เหรียญทอง
การใช้ชีวิตอยู่ในดีพบลูทําให้ริชาร์ดกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการใช้วัสดุต่าง ๆ อย่างคุ้มค่า เขาจึงรู้มูลค่าของความเสียหายที่เป็นผลมาจากการต่อสู้ครั้งนี้ได้โดยอัตโนมัติ ในช่วงแรกของการรุกล้ําเข้ามายังเพลนใหม่นี้ การปล้นสะดมและปล้นชิงทรัพย์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งและร่ํารวย แม้ว่าการกระทําแบบนั้นจะ ต้องเสี่ยงต่อการเสียเลือดเนื้อไปบ้างแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นมันหนทางที่เร็วที่สุดที่สามารถเป็นไปได้
ของกํานัลชิ้นพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่เขาได้มาจากการค้นห้องของเอสเซียนก็คือสมุดไดอารี่หนาเล่มหนึ่ง เพียงแค่ปกของมันก็กินเนื้อที่ถึงครึ่งหนึ่งของความหนาทั้งเล่มแล้ว บนปกหนา ๆ นั้นมีสลักตัวอกที่สร้างขึ้นจากรูนที่ซับซ้อนฝังอยู่และมันถูกเข้ารหัสไว้เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเปิดอ่าน หากใครก็ตามที่จงใจจะเปิดมันและถอดรหัส ผิด สลักตัวล็อกนั้นจะทํางานทันทีโดยเปลี่ยนให้ไดอารี่กลายเป็นเถ้าถ่านไปเพียงแค่การป้องกันที่ซับซ้อนลักษณะนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะชี้ชัดว่าไดอารี่เล่มนี้ต้องไม่ธรรมดา และพรีสต์ที่แท้จริงของเทพเจ้าในเพลนประหลาดนี้จะต้องมีประสบการณ์อันล้ําค่าอย่างแน่นอน
ริชาร์ดตัดสินใจนําเอาไดอารี่เล่มนี้กลับไปกับเขาด้วย ตัวล็อกเป็นวงเวทย์ประเภทหนึ่งดังนั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาจากเพลนรอง มองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้แล้วว่าการถอดรหัสของสลักตัวล็อกนี้เป็นเรื่องง่าย เพียงแต่เขาต้องการเวลาและต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่ เข้าใจรูนและคาถาของเพลนนี้ แต่เมื่อเทียบกันแล้วนัวแลนด์ยังถือว่ามีความก้าวหน้ามากกว่าและมีเวทมนต์ซับซ้อนกว่านี้มาก ดังนี้ การเรียนรู้รูนและเวทมนตร์ของที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และการถอดรหัสสมุดไดอารี่เล่มนี้ก็ไม่เป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นวงเวทย์แบบดั้งเดิมที่มีการทํางานที่เข้าใจง่ายในลักษณะนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรูนในวงเวทย์นี้ไม่ได้ยากเกินไปที่จะถอดรหัสมันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะริชาร์ดสามารถกลับมาตรวจสอบมันอีกครั้งในภายหลังเพื่อช่วยให้เขาเข้าใจกฎของเพลนนี้มากยิ่งขึ้นได้และเมื่อเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้วก็จะสามารถหาซื้ อวัตถุดิบและสร้างรูนที่เข้ากับกฎของเพลนนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ริชาร์ดกลับขึ้นไปบนหลังม้า และเมื่อมองไปยังปราสาทของบารอนซึ่งเป็นสถานที่ที่จะบารอนผู้นั้นจะใช้ปกป้องตัวเขาเองไปจ นตาย ริชาร์ดก็รู้สึกเวทนาขึ้นมาการกระทําของบารอนฟอร์ซ่า นั้นชวนให้ประหลาดใจอยู่ไม่น้อยไม่รู้เป็นเพราะเขาเฉลียวฉลาด หรือขี้ขลาดมากกันแน่ที่ทําให้เขาปิดประตูทั้งหมดแล้วตัวเองก็หลบซ่อนอยู่แต่ในปราสาท รวมถึงยังเลือกที่จะไม่ดักซุ่มโจมตีคนของชาร์ดเลยระหว่างทางที่จะมาให้ถึงที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้นเหล่าทหารก็เอาแต่ป้องกันปราสาทของบารอนเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่ริชาร์ดพาคนบุกเข้าโจมตีวิหารเลยซึ่งนั่นก็ทําให้ริชาร์ด อดนึกผิดหวังน้อย ๆ ขึ้นมาไม่ได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ไม่มีแนวป้องกันปราสาทแต่ฟอร์ซ่าก็ยังมีทหารชั้นดีอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขาอย่างน้อย 12 นาย ถ้าหากทหารพวกนั้นลงสนามต่อสู้อย่างจริงจัง ความเสียหายที่ริชาร์ดและกองกําลังของเขาต้องเผชิญคงจะไม่เบาบางเพียงเท่านี้และ ความตายก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็นับเป็นปัญ หาที่ใหญ่ที่สุดสําหรับริชาร์ดในตอนนี้เขาไม่สามารถสูญเสียสมาชิกในกองกําลังของเขาได้อีกแล้วเหล่าทหารใหม่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักทว่าหากต้องเสียไนท์ไปอีกคนก็คงจะเป็นการสูญเสียที่ หนักหนามากเกินไป
ต่อให้เขามีแผนที่ปราสาทของบารอน แต่การต่อสู้แบบปะทะกันซึ่ง ๆ หน้าอีกครั้งจําเป็นจะต้องให้พลังของโฟลว์แซนด์ฟื้นฟูนมาก่อนนอกเหนือจากริชาร์ดแล้วยังไม่มีกองกําลังแนวหน้าคนใดที่สามารถต่อสู้โดยปราศจากพลังสนับสนุนของนางได้ในตอนนี้ การต่อสู้โดยไร้พลังสนับสนุนจากโฟลว์แซนด์นั้นทําให้พวกเขารู้สึกผิดแปลกไปเมื่อต้องโจมตีในแนวหน้า และในตอนนี้โฟลว์แซนด์ได้ใช้พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของนางไปจนเกือบหมดแล้ว
เคลริคที่อยู่ในระดับเดียวกับโฟลว์แซนด์มักจะเป็นเหมือนชีวิตที่ 2 ของพวกเขาในสนามรบโดยจํานวนการสนับสนุนของนางให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับความเสียหายจากพลังการโจมตีของริชาร์ดมีเพียงเรื่องเดียวที่ริชาร์ดยังเหนือกว่านางก็คือการวิเคราะห์สถานการณ์และการบัญชาการรบที่ทําให้เขาสามารถส่ง นางไปสนับสนุนยังตําแหน่งต่าง ๆ ที่ถูกต้องได้ในภาวะวิกฤต
ริชาร์ดมองเห็นทหารรักษาการณ์ที่อยู่ในระยะไกล บริเวณโดยรอบทั้งมืดมิดและเงียบสงัด ไม่มีเสียงจอแจหรือความชุลมุนวุ่นวายใดดังออกมาเลยหากเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาคารลักษณะคล้ายบ้านที่สร้างติดกันเป็นแถวยาวเรียงรายเหล่านี้เป็นค่ายทหารเขาคงจะคิดว่ามันเป็นเพียงที่พักอาศัยของชาวบ้านทั่วไป
ในช่วงเริ่มต้นการต่อสู้ มีการส่งหน่วยลาดตระเวนหลายกลุ่มออกมาสอดแนมกองกําลังของริชาร์ด ทว่าเมื่อทหารเหล่านั้นหลายคนถูกโอล่ายิงทิ้งไปก็ไม่มีการส่งหน่วยใดออกมาเพิ่มเติมอีก ดูเหมือนว่าในท์มียศที่บัญชาการกองรักษาการณ์นั้นเป็นคนเฉลียว ฉลาดพอตัวเพราะถ้าหากถูกทวงถามถึงเหตุผลที่เขาหยุดส่งหน่วยลาดตระเวนออกไป สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เขาจะได้เจอก็คือการถูกไล่ออกจากตําแหน่งเท่านั้น ซึ่งนั่นย่อมดีกว่าการต้องสูญเสียชีวิตของตนเองหากออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างแน่นอน
ริชาร์ดหันหลังกลับมามองวิหารที่กําลังมอดไหม้ ร่องรอยความเวทนาเจืออยู่ในแววตาของเขา โดยรวมแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ดําเนินไปตามแผนการที่วางไว้ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้เท่านั้น นอกเหนือจากความมั่งคั่งอันน่าประหลาดใจจากสมบัติมูลค่ามหาศาลที่พวกเขาเพิ่งเก็บรวบรวมมาได้แล้วนั้นผลลัพธ์ในด้านอื่นก็ไม่นับว่าเป็นที่น่าประทับใจนัก เอสเซียนหลบหนีไปแล้วส่วนบารอนก็ไม่ได้สูญเสียไนท์แม้แต่คนเดียวแม้ว่าเหล่าพาลาดินที่ถูกกําจัดไปได้อาจจะนับว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าพึงพอใจได้ทว่ามันก็ต้องแลกมากับการที่ฝ่ายของพวกเขาเกิดการสูญเสียอยู่ ไม่น้อย การสังหารสมาชิกสําคัญของกองทัพศัตรูซึ่งเป็นเหล่าคนที่อยู่ระดับสูงนั้นเป็นเรื่องที่สาคัญต่อการได้รับชัยชนะเป็นอย่างมากทว่าในตอนนี้สําหรับริชาร์ดแล้วเรื่องนั้นกลับยังไม่ประสบความสําเร็จเท่าที่ควร
“ไปกันเถอะ !” ริชาร์ดตัดใจเลิกนึกถึงเรื่องความเสียดายของเขาก่อนที่จะโบกมือให้สัญญาณและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองพร้อมด้วยทหารม้า
ประตูเมืองยังคงเปิดกว้าง สิ่งกีดขวางที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไปก่อนหน้านี้ก็ยังคงอยู่ในตําแหน่งที่ถูกย้ายไปเช่นเดิมโดยไม่มีใครให้ความสนใจกับศพของกองทหารรักษาการณ์ที่นอนจมกองเลือดอยู่เลยม้าศึกต่างก็ส่งเสียงร้องดังลั่นขณะที่วิ่งผ่านกองศพเหล่านั้นซึ่งตามมาด้วยโอเกอร์ทั้งสองและเหล่าแร็พเตอร์
หลังจากเดินทางมาได้ครู่หนึ่งริชาร์ดก็หันหลังกลับไปมองเปลวไฟยังคงลุกโชนท่วมทั่วอาคารวิหาร จากจุดที่เขาอยู่ในตอนนี้เขาสามารถมองเห็นตัววิหารถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงได้อย่างชัดเจน กลุ่มควันยังคงหนาแน่นและดูเหมือนว่าการดับไฟเอาตอนนี้คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นับว่าเป็นโชคดีที่บริเวณโดยรอบตัววิหา รเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เพราะถ้าหากไฟที่โหมไหม้นี้เกิดการลุกลามก็เป็นไปได้ว่าเมืองครึ่งเมืองอาจถูกเปลวไฟทําลายล้างจนราบคาบ
ในตอนนั้นเองริชาร์ดก็นึกถึงแผ่นกระดาษแปลกประหลาดที่เขาเพิ่งได้รับขึ้นมาเขาเกิดความรู้สึกลึก ๆ ในใจว่ามันอาจจะเป็นเหมือนรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับคืนนี้ก็ได้ ก่อนออกเดินทาง เขาสั่งให้ติดประกาศตลอดทางจากใจกลางเมืองไปจนถึงประตูเมือง ประกาศทุกแผ่นต่างมีเนื้อความเดียวกันนั่นก็คือการบอกกับฟอร์ซ่าว่าค รอบครัวของไนท์ทั้งสามที่ถูกสังหารนั้นอยู่ในมือของริชาร์ดและเขาต้องการเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5,000 เหรียญทองเพื่อแลกกับการปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ หากฟอร์ซ่าไม่จัดหาเงินค่าไถ่มาให้เขาภายใน 2 วัน คนเหล่านั้นจะถูกขายเป็นทาสทันที
การเรียกค่าไถ่แลกกับเชลยสงครามถือเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปสําหรับเหล่าขุนนาง และก็เป็นเรื่องธรรมดาด้วยเช่นกันที่การต่อสู้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรื่องระหองระแหงเล็กๆน้อยๆและการที่จะสังหารหมู่คนทั้งสนามรบนั้นเป็นเรื่องยาก
นอกจากนี้เงิน 5,000 เหรียญทองนั้นไม่ใช่จํานวนที่มากเกินไปและอยู่ภายในขอบเขตที่บารอนสามารถจ่ายได้อย่างไรก็ตามด้วย “กฏข้อบังคับของเทพแห่งความกล้าหาญ” ทําให้ฟอร์ซ่าไม่สามารถยอมรับคําขอดังกล่าวได้ซึ่งริชาร์ดเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทว่าสิ่งที่เขาต้องการก็คือความแน่ใจว่าการตัดสินใจของบารอนนั้นจะเป็นที่รู้โดยทั่วกันและการตายของไนท์ทั้ง 3 คนนั้นเพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในความแข็งแกร่ง”ของพวกเขาทั้งสอง
เมื่อริชาร์ดและกองกําลังของเขาเดินทางออกไป เขาก็ปล่อยแร็พเตอร์เข้าไปในปาโดยให้พวกมันลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบเพื่อป้องกันกองกําลังอื่นที่จะตามไล่ล่าและป้องกันการซุ่มโจมตีอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
กองกําลังของริชาร์ดกําลังเดินทางไปยังโจเว่นแร็พเตอร์ 2 ตัวลาดตระเวนเส้นทางหลายกิโลเมตรอยู่ข้างหน้าโดยมีตัวหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกตัวอยู่ทางขวาพวกเขาคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดีและต้องการทราบเส้นทางที่กองทัพของโจเว่นกําลังมุ่งหน้าไป หากมีใครในกองทัพนั้นย้อนกลับมาเพื่อช่วยรักษาดินแดนของบารอนริชาร์ดคงไม่ลังเลที่จะจัดตั้งหน่วยซุ่มโจมตีอีกครั้งเพื่อรับมือกับพวกนั้นเพราะกองกําลังธรรมดาเหล่านี้จะต้องเหนื่อยล้าจากการเดินทางที่ยาวนานและไม่สิ้นสุดและพวกเขาก็จะไม่มีพลังงานหลงเหลืออยู่ดังนั้นหากใช้การจู่โจมแบบสายฟ้าแลบรวมถึงการโจมตีของแร็พเตอร์จะทําให้พวกเขาได้พบกับจุดจบอย่างง่ายดาย
ในขณะที่โฟลว์แซนด์กําลังฟื้นฟูมานาของนางอย่างช้าๆรูนไวทัลลิตี้ก็ช่วยเร่งการฟื้นฟูมานาของริชาร์ดให้มากขึ้นด้วยอัตราการฟื้นฟูที่รวดเร็วยิ่งกว่านอกจากนี้แล้วเขายังรู้สึกอีกด้วยว่าการต่อสู้ที่ยากลําบากหลายครั้งที่ผ่านมาทําให้เขาใกล้จะก้าวข้ามขีดจํากัดแล้วในไม่ช้าเขาจะกลายเป็นเมจระดับ 9 ซึ่งจะสามารถเรียนรู้คา ถาระดับ 5 ได้
และด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ของเขาในตอนนี้ก็ทําให้เขามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะกองทหารจํานวน 500 คนที่เมืองโจเว่นได้อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าไนท์ที่เป็นผู้นํากองทหารนั้นค่อนข้างระมัดระวังตัวมากเขาหลบซ่อนตัวอยู่และดูเหมือนว่าเขาไม่มีแผนการที่ จะออกมาจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น เมื่อมองดูจากระยะไกลจะเห็นได้ว่าทางแยกบนถนนที่มุ่งหน้าไปสู่กองทหารนั้นเกลื่อนไปด้วยสิ่งกีดขวางกระจายอยู่ตามเส้นทาง
เมื่อเดินทางผ่านโจเว่น ริชาร์ดทําได้เพียงส่ายหัวเมื่อมองไปยังค่ายที่อยู่ด้านหลัง การยกพลเข้าโอบล้อมและโจมตีกองกําลังเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากสําหรับกองกําลังของเขาและเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาคงจะไม่ต้องเผชิญกับความยากลําบากใด ๆ ในการต่อสู้ แต่เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมาและต้องกา รพักฟื้นจึงทําให้ริชาร์ดไม่มีทางเลือกและทําได้เพียงเปลี่ยนเส้นทางเพื่อเคลื่อนตัวกลับไปยังฐานบนภูเขาโดยที่ในขณะเดียวกันก็เตรียมพร้อมที่จะประชุมสรุปผลของการต่อสู้ในครั้งนี้ไปด้วย