นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 145 การโจมตีอย่างกะทันหัน ตอนที่ 2
เล่ม 2 ตอนที่ 145 การโจมตีอย่างกะทันหัน ตอนที่ 2
ทหารลาดตระเวน 2-3 คนพุ่งไปยังประตูทางเข้าพร้อมด้วยคบไฟในมือได้ทันเวลาพอที่จะเห็นกลุ่มศัตรูติดอาวุธล้อมรอบคฤหาสน์อยู่ หัวหน้าของพวกเขาสามารถมองเห็นใบหน้าของโจรเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนภายใต้แสงของคบไฟ และเขาก็ยังจดจําใบหน้าที่คุ้นเคยได้สองสามคนด้วยจึงอุทานออกมาอย่างตกใจ “อ๊ะ ! ปิแอร์ นั่นเจ้ารี ? ลุงโยเมนด้วย ทําไมพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? พวกเจ้าไม่ได้ตามเซอร์โคโจไปเพื่อตามหาเหล่าปีศาจจากเพลนอื่นหรอกหรือ ?”
เมื่อถูกเปิดเผยตัว ปิแอร์และโยเมนจึงจําเป็นต้องหยุดการกระทําของพวกเขา ซึ่งเชลยอีก 3 คนที่เหลือของริชาร์ดก็หยุดเช่นกัน ทว่าแม้จะมีการถ่วงเวลาชั่วคราวแต่เหล่าทหารลาดตะเวนก็ไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ แกงดอร์เผยรอยยิ้มที่โหดร้ายอยู่ทางด้านหลังของเชลยและจับขวานในมือไว้แน่น เหล่าไนท์ก้าวไปด้านข้างในขณะที่วอเตอร์ฟลาวเวอร์ยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงาของแกงดอร์และกลั้นใจรอ
ในตอนนั้นเอง ริชาร์ดก็ออกคําสั่งมาอย่างเย็นชาจากหอคอยที่เขาเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ “โยเมน… ฆ่าพวกเขาซะ !”
สิ้นเสียงของริชาร์ด วอริเออร์วัยกลางคนก็เหวี่ยงดาบในมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวราวกับว่าเขาได้ยินเสียงกระซิบสั่งจากปีศาจ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามเขาตกตะลึงขณะก้มมองบาดแผลที่หน้าอกของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ บาดแผลนั้นยาวและลึกจนแทบจะเผยให้เห็นอวัยวะภายในของเขา เห็นได้ชัดว่าโยเมนใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามีในการฟาดดาบไปเมื่อครู่
การโจมตีนั้นส่งผลกระทบต่อจุดสำคัญในร่างกายของชายหนุ่มได้ในครั้งเดียวและมันก็เป็นการโจมตีที่รวดเร็วจนเขาไม่ทันได้ตอบโต้ วงสวิงที่เกิดขึ้นนั้นหักกระดูกในร่างกายของเขา เห็นได้ชัดว่านั้นเป็นการโจมตีที่เฉียบขาดและยอดเยี่ยม
โยเมนได้แสดงสกิลพื้นฐานของเขาในฐานะวอริเออร์ที่เป็นทหารผ่านศึกด้วยการโจมตีครั้งเดียวเมื่อดาบฟาดลงไป แม้แต่ตัวของโยเมนเองก็ยังตะลึงงันเมื่อเห็นสิ่งที่เพิ่งทําลงไป อย่างไรก็ตาม เขารีบคืนสติในทันทีก่อนก้าวไปข้างหน้าเพื่อแทงเข้าไปที่ท้องของทหารหนุ่มนั้น
“ฆ่าพวกเขาซะ !” เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้งทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เสียงของริชาร์ด
“ฆ่าพวกมันให้หมด !” โยเมนฟาดดาบตัดร่างของทหารทุกครั้งที่เสียงตะโกนเหล่านั้นดังขึ้นเชลยคนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนจะตื่นจากภวังค์เมื่อพวกเขากระโจนเข้าใส่ทหารเหล่านั้นเช่นกัน พวกเขาสังหารฝ่ายตรงข้ามที่ละคน ๆ แม้ฝั่งของตนจะมีจำนวนน้อยกว่าก็ตาม ทว่าทหารฝั่งตรงข้ามประมาณ 8 คนถูกตัดร่างทันที่ระหว่างที่เกิดแสงวิบวับของดาบเหล่านั้น
เชลยทุกคนที่ร่วมมือกับริชาร์ดในครั้งนี้ต่างก็มือเปื้อนเลือดและเคยเจอกับความตายมาก่อนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เหล่ากองทหารพลเรือนที่อาสามาช่วยกองทัพจะเทียบเท่ากับพวกเขาที่เป็นทหารอาชีพในการโจมตีระยะประชิดได้อย่างไรกัน ?
เมื่อการต่อสู้ที่ดุเดือดเริ่มต้นขึ้น เหล่าเชลยก็ได้รับการปลดปล่อยทั้งมือและเท้าของพวกเขาให้เป็นอิสระ พวกเขาถือโล่และดาบต่อต้านทหารอีกกลุ่มที่รีบเข้ามาให้ความช่วยเหลือจนเกิดการนองเลือดขึ้นอีกครั้ง เหล่าผู้ที่มาใหม่ต่างก็พ่ายแพ้ไปเช่นกันโดยที่ไม่มีผู้รอดชีวิตเหลือแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ถูกปล่อยไป คมดาบได้ฟาดและแทงเข้าไปที่พวกเขาโดยไร้ซึ่งคําถาม ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้ซึ่งพวกเขาไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้นั้นทําให้แม้แต่แกงดอร์ก็ยักไหล่และแสดงสีหน้ายอมรับในฝีมือของพวกเชลย พวกนั้นถือเป็นทหารอาชีพที่มีฝีมือสูงจริง ๆ
ในส่วนของริชาร์ด เขาได้เตรียมคาถาไฟร์บอลไว้แล้วทว่าก็ไม่ได้ใช้มันแต่อย่างใดจึงกระโดดลงมาและร่ายคาถาเฟเธอร์ฟอล (คาถาตัวเบา) ในจังหวะที่ลงสู่พื้นดินอย่างสง่างาม ในเวลานั้นเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมดังออกมาจากหอคอยกลางและด้านข้างขณะที่มีทหารจำนวนมากเดินแห่ขบวนกันออกมา พวกเขาทั้งหมดต่างก็อยู่ ในสภาพกระเซอะกระเซิง บางคนถึงกับไม่มีอาวุธด้วยซ้ำ ทว่าจํานวนที่แท้จริงของพวกเขานั้นเป็นข้อได้เปรียบอย่างเดียวที่พวกเขามี
เชลย 5 คนอ้าปากค้างอย่างรวดเร็วและจับกลุ่มรวมกัน ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บอยู่บ้างแต่นั้นก็เป็นการเพิ่มความดุร้ายของพวกเขาให้มากขึ้น พวกเขาจ้องมองเหล่าสหายเก่าของตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำพร้อมกระชับดาบเหล็กที่ถือไว้ในมืออย่างแน่นหนา
เวลานั้นโฟลว์แซนด์เดินออกมาจากความมืดเพื่อร่ายคาถาฮีลให้กับคน 2 คนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด แม้ว่าเหล่าวอริเออร์จะประหลาดใจทว่ามันก็เป็นการเพิ่มขวัญกําลังใจให้กับพวกเขาได้มากที่เดียว !
ริชาร์ดลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาแทรกมานาลงในน้ำเสียงของเขาและตะโกนเสียงดัง “ฆ่าทุกคนที่กล้าขัดขืน !”
เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์นั้นทําให้ทหารที่กําลังจะ พุ่งตัวเข้ามาต้องประหลาดใจและพวกเขาก็ชะลอความเร็วลงโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกผลักไปข้างหน้าโดยกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง การโห่ร้องในสงครามของพวกเขาในครั้งนี้ดุเดือดเป็นพิเศษราวกับปรารถนาที่จะเพิ่มความกล้าหาญของตัวเองให้มากขึ้น
ริชาร์ดเดินออกมาจากฝูงชนก่อนจะยกแขนขวาขึ้นและโบกมือให้สัญญาณ เสียงแหลมดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืนขณะที่ลูกธนูปักเข้าไปยังหนึ่งในทหารที่อยู่แนวหน้าจนเขาตายในทันที ริชาร์ดกดมือของเขาลงก่อนที่หมูป่า 4 ตัวจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนได้รับพรจากโฟลว์แซนด์ทันทีที่พวกมันปรากฏออกมา
เงาขนาดใหญ่ 4 เงาวิ่งควบเข้าไปในขบวนของศัตรูทําให้พวกเขายุ่งเหยิงแตกกระเจิง หมูป่าตัวหนึ่งฝังคมเขี้ยวของมันลงไปที่เอวของชายผู้เคราะห์ร้ายในระหว่างการโจมตีและยกร่างเขาขึ้นฟ้าจนเกิดเสียงกรีดร้องแหลม
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่กําลังเป็นไป แกงดอร์ก็ตื่นเต้นมากจนหน้าแดง เขารีบวิ่งออกจากฝูงชนและตะโกนขึ้น “ขวานของข้าไม่สามารถ—”
แต่ในวินาทีนั้น เสียงร้องดังขึ้นใกล้ ๆ เขาขณะที่การโจมตีของพลังงานที่ลุกโชนพุ่งผ่านเขาไปไฟร์บอลเคลื่อนออกไปไกลและระเบิดขึ้นในกลุ่มทหารลาดตระเวน ขอบเขตของการระเบิดนั้นอยู่ห่างจากแกงดอร์เพียงไม่กี่เมตร หากเขาออกมาเร็วกว่านี้และกระโจนเข้าไปหาทหารพวกนั้นเขาคงจะถูกไฟลุกท่วมตัวไปด้วยแล้ว
แกงดอร์รู้ดีว่าริชาร์ดน่ากลัวได้มากขนาดไหน เขาสามารถร่ายคาถาไฟร์บอลได้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าหากลูกแรกระเบิดไปแล้วนั่นหมายความว่าลูกที่ 2 ได้ถูกปล่อยออกมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แกงดอร์ทําอะไรไม่ได้นอกจากล่าถอยเพราะลูกที่ 2 คงมาเร็วกว่านี้แน่
และก็เป็นไปตามคาด แม้ว่าไฟร์บอลลูกก่อนยังคงแผ่กระจายอยู่ แต่ลูกที่ 2 ก็พุ่งผ่านเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและมันก็ระเบิดขึ้นท่ามกลางทหารที่ยังหลงเหลืออยู่ในความเป็นจริงแล้วลูกไฟทั้งสองนี้ห้อมล้อมหมูป่าที่โหดร้ายซึ่งอยู่ในการโจมตีระยะประชิด ทั้ง 2 ตัวหลุดออกจากการควบคุมของริชาร์ดตั้งแต่ลูกแรกและหันไปมอง ตัวการด้วยสายตาเคียดแค้น อย่างไรก็ตาม ลูกที่ 2 ถูกส่งไปยังหมูป่าและทหารอีกประมาณ 20 คนเพื่อส่งทั้งหมดไปลงนรก
ทั้งคฤหาสน์เข้าสู่ความเงียบงันในทันที
ในเวลาไม่กี่วินาที ด้วยคาถาทั้งหมดรวม 2 ครั้ง ทหารกลุ่มแรกก็ได้ถูกกําจัดไปจนหมด เมื่อมองไปยังพื้นที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายในตอนนี้จะพบว่ามันได้กลายเป็นลานว่างเปล่า ไม่ใช่แค่เพียงทหารของฝ่ายศัตรูเท่านั้นที่หวาดกลัว — แม้แต่คนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับริชาร์ดต่างก็แอบกลัวเขาเช่นกัน
เปลือกตาของแกงดอร์เริ่มกระตุกอย่างรุนแรง หากเขาไม่ฟังคำสั่งของริชาร์ดและกระโดดเข้าไปในฝูงชน เขาจะต้องตายเพราะแรงระเบิดก่อนที่เขาจะได้เหวี่ยงขวานด้วยซ้ำ ไม่มีวอริเออร์ระดับ 10 คนใดที่อยากรับความทรมานจากไฟร์บอล 1 ลูก นับประสาอะไรกับ 2 ลูกที่ห่างกันไม่ถึงวินาที แม้แต่วอริเออร์ระดับ 11 ก็ไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาจากมันได้
ในความเป็นจริงแล้ววอริเออร์ระดับ 12 เช่นเซอร์โคโจซึ่งมีชุดเกราะที่ยอดเยี่ยมยังต้องพ่ายแพ้ให้กับไฟร์บอล 5 ลูกของริชาร์ดมาแล้ว หากไม่ใช่เพราะริชาร์ดต้อง “จัดการ” กับผู้ใต้บังคับบัญชาของไนท์ผู้นั้น เขาคงจะเพ่งความสนใจไปที่การจัดการในท์และคงจะจัดการได้ด้วยไฟร์บอลเพียง 4 ลูกเท่านั้น
เมื่อทหารชุดที่สองที่เพิ่งจะรวมตัวกันได้เห็นเหตุการณ์ พวกเขาก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจก่อนหันหลังกลับและหนีไปอย่างเร่งรีบเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมคิดไปว่าริชาร์ดสามารถทําให้มันลุกเป็นไฟได้ด้วยไฟร์บอลอีกลูกซึ่งจะสังหารพวกเขาได้อยู่ดี
แม้ว่าจะมีผู้คุ้มกันอีกเกือบร้อยคนหลงเหลืออยู่ในคฤหาสน์ แต่ความปรารถนาในการต่อสู้ของพวกเขาถูกทําลายไปหมดแล้วโดยค ถาทั้ง 3 ครั้ง ริชาร์ดยกแขนขวาของเขาขึ้นอีกครั้งและชี้ไปยังอาคารที่ตั้งอยู่ตรงกลางของพื้นที่ “ไว้ชีวิตผู้หญิงและเด็ก ส่วนผู้ชายที่ขัดขืนฆ่าทิ้งให้หมด !”
เขายังพูดแทบไม่จบประโยคทว่าแกงดอร์ได้พุ่งตัวออกมาราวกับเป็นลมบ้าหมูเหมือนครั้งก่อน เสียงคํารามของเขาดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน “ข้ารอเวลานี้มาทั้งคืน ! ระวังขวานแกร่งกล้าของข้าให้ดี เจ้าพวกกิ้งก่า ! มันกําลังกระหายเลือด !”
“ฉึก !* ขวานของแกงเดอร์เฉือนเอวของทหารลาดตระเวนคนสุดท้ายจนร่างของเขาเกือบแยกออกจากกัน หลังจากนั้นชายร่างยักษ์ก็กระแทกเท้าเข้าไปในอาคารหลักและตะโกนดังยิ่งกว่าเสียงกรีดร้องที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ขวานของข้าไม่สามารถรับมือกับความหิวโหยได้อีกต่อไป…”
“ขวานของข้าไม่สามารถรับมือกับความหิวโหย…”
“ขวานของข้า…”
“รับมือ…”
“ความหิวโหย…”
“ความหิวโหยยยย !!”
เห็นได้ชัดว่าชายป่าเถื่อนได้สังหารศัตรูอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถตะโกนให้เร็วเท่ากับการสังหารได้
เหล่าเชลย ไนท์ แร็พเตอร์… และแม้แต่วอเตอร์ฟลาวเวอร์กับโฟลว์แซนด์ต่างก็รีบเดินเข้าไปในคฤหาสน์โดยให้โอเกอร์ทั้งสองใช้ร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันขวางทางเข้าออกทั้งด้านหน้าและหลังไว้ อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่พยายามหลบหนีโดยการบินกําแพงออกไป ทว่าพวกเขาจะรอดพ้นสายตาของริชาร์ดที่ยืนอยู่คนเดียวตรงลานกว้างไปได้อย่างไร ? สิ่งที่ริชาร์ดต้องทําก็เพียงแค่ชี้นิ้วไปที่ร่างของคนเหล่านั้น แล้วลูกธนูก็จะเกิดขึ้นในมุมมีดซึ่งพุ่งทะลุร่างของพวกเขาในเวลาไม่ถึงวินาที่เสมือนว่าเขาเป็นพระเจ้าแห่งความตายที่สั่งจบชีวิตของพวกเขาลง
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เสียงดังที่เกิดจากการสังหารหมู่ก็เบาลง อย่างเห็นได้ชัดและถูกแทนที่ด้วยเสียงตะโกนของแกงดอร์ที่เริ่มดังขึ้นจนครบประโยคมากขึ้นและมากขึ้น
มีทหารลาดตะเวนคนหนึ่งโชคดีได้หลบหนีออกทางประตูด้านหลังของอาคารหลักและกระโดดขึ้นบนหลังม้าอย่างมั่นคงขณะที่มันออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาเลียบไปตามกําแพงเพื่อพยายามซ่อนตัวในเงามืดของต้นไม้จนเขาผ่านไปถึงประตูหลักที่ในขณะนี้ไร้วี่แววของผู้คุ้มกัน
โอล่าปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ข้าง ๆ ริชาร์ดและง้างคันธนูยาวเหยียดของเขา หัวลูกธนูกําลังลุกไหมไปด้วยเปลวไฟติดตามและเอลฟ์รู้ดีว่าเขาสามารถเจาะทะลุหัวใจของทหารลาดตะเวนผู้นั้นได้ อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดเลือกที่จะหยุดเขาไว้ซึ่งนั่นทําให้โอล่าต้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “มาสเตอร์ เขาต้องกลับไปแจ้งข่าวที่ค่ายฝึกแน่ ๆ !”
“ปล่อยเขาไป” ริชาร์ดตอบอย่างใจเย็น
ไม่นานหลังจากนั้น ทหารผู้นั้นก็สามารถหลบหนีออกไปจากคฤหาสน์ได้อย่างปลอดภัยบนหลังม้าของเขาและหายเข้าไปในความมีดมิดยามค่ำคืน