นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 137 ความรับผิดชอบ ตอนที่ 1
การทำความสะอาดสนามรบเป็นงานที่ยากลำบากพอสมควร เหล่าวอริเออร์ช่วยกันลากซากศพออกมาจากฐานและเก็บรวบรวมชุดเกราะของพวกเขา ในขณะที่ริชาร์ดเริ่มสอบปากคำเชลยเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ศาสนา และประเพณีของภูมิภาคนี้ เขาถามเชลยเกี่ยวกับลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของบารอนโดยเขียนบันทึกข้อมูลจากการสอบปากคำอันยาวนานหน้าแล้วหน้าเล่า
เมื่อทำความสะอาดสถานที่เสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาจวนจะมืดแล้ว ศพหลายร้อยถูกวางกองซ้อนกันบริเวณด้านนอกขณะที่กลิ่นอาหารอบอวลอยู่ภายใน โฟลว์แซนด์ตื่นจากการทำสมาธิของนางและเดินเข้าไปในบาร์ นางเห็นว่าริชาร์ดยังคงสอบปากคำวอริเออร์คนหนึ่งอยู่และข้าง ๆ เขาก็มีรายงานจดบันทึกข้อมูลจากการสอบปากคำกองใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ
แม้ว่าจะเหนื่อยล้าเต็มทีทว่าสายตาของริชาร์ดยังคงตื่นอยู่ การเขียนของเขายังคงเรียบร้อยและเป็นระเบียบไม่ต่างจากในหน้าแรกที่เขาเริ่มเขียน ความเหนื่อยล้าที่เขามีไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพงานของเขาเลย
โฟลว์แซนด์นั่งลงถัดจากเขาและพูดอย่างจริงจัง “ริชาร์ด ข้าว่าเจ้าควรพักผ่อนบ้าง เมจที่ไม่มีมานานั้นด้อยกว่าทหารธรรมดาด้วยซ้ำ”
ริชาร์ดเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนเอ่ยตอบ “เหลืออีกแค่ 2 ชุดเท่านั้น ข้าจะพักก็ต่อเมื่อข้าเขียนเสร็จหมดแล้ว” เขาตบเบา ๆ ที่กองรายงานพวกนั้นและพูดต่อไป “ข้อมูลพวกนี้สำคัญยิ่งกว่าการสำรองมานาของข้า พวกเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเพลนนี้และไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ข้าต้องร่างข้อมูลคร่าว ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของพวกเราในอนาคต”
“ทหารชั้นดีของฟอร์ซ่า 3 ส่วนถูกกำจัดไปแล้วและไนท์ 3 ใน 5 คนก็เสียชีวิต ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะโจมตีเราอีกเร็ว ๆ นี้ พวกเขามีแค่กำลังคนและทรัพยากรที่จะปกป้องใจกลางของดินแดนของพวกเขาเท่านั้น ข้าว่าเรายังมีเวลาอีกมากในการพักฟื้นร่างกาย” ริชาร์ดถอนหายใจ “ฮึ่ยยย ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้าทำพลาดอย่างมหันต์ เราน่าจะไล่ตามพวกที่หนีไปและยึดออสฟาซะ ตอนนั้นม้าของไนท์พวกนั้นยังอยู่ อย่างน้อยก็หลาย 10 ตัว มันจะเป็นข้อได้เปรียบมากทีเดียว โชคลาภชั้นดีเลยล่ะ ! แต่ตอนนี้พวกนั้นน่าจะเอาม้ากลับไปด้วยหมดแล้ว น่าเสียดายซะจริง”
“ริชาร์ด มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะไม่มีความผิดพลาดอะไรเลย ผลงานการต่อสู้ของเจ้าในสนามรบที่พวกข้าได้เห็นอยู่ในเกณฑ์แม่ทัพที่โดดเด่น ดังนั้นอย่ากดดันตัวเองมากนัก เจ้าอายุแทบยังไม่ถึง 16 ปีด้วยซ้ำ”
ริชาร์ดจับผมของเขาและยิ้มอย่างขมขื่น “เราอยู่ในเพลนที่ไม่คุ้นเคย เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อน และไหนจะเทพเจ้าของเพลนนี้ยังได้ส่งคำทำนายล่วงหน้าเรื่องการมาถึงของพวกเราไว้แล้วอีก แล้วเราล่ะ ? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรามาที่นี่ได้ยังไงและไม่มีอะไรเลยนอกเหนือจากทรัพยากรพื้นฐาน กองทหารที่ล่วงหน้าพวกเราไปหายสาบสูญไปในช่วงรอยแยกของมิติเวลาที่เจ้าพูดถึง และทหารที่มีประสบการณ์ของเรา 3 คนก็ตายไปทันทีที่เราก้าวผ่านประตูมิติ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะสามารถรวบรวมคนพื้นเมืองให้มาช่วยเราต่อสู้ได้หรือไม่ พวกเราไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด !”
โฟลว์แซนด์จับมือของริชาร์ดเพื่อให้เขาสบายใจขึ้น “เจ้าต้องสงบสติอารมณ์ก่อน เจ้าจะกดดันตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เจ้าคือผู้นำของเราและนั่นไม่ใช่เพียงแค่คำพูด และที่สำคัญ เจ้าเป็นคนที่มีพลังยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่พวกเราและเจ้าก็เป็นรูนมาสเตอร์ที่ยอดเยี่ยมด้วย แล้วไหนเจ้าจะยังมีพรของมังกรนิรันดรอีก บรู๊ดมาเธอร์และข้าก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ ?
ส่วนเรื่องคำทำนายจากเทพแห่งความกล้าหาญ มันน่าจะทำนายได้แค่ตำแหน่งประตูมิติของเราจากความผันผวนของห้วงมิติที่เกิดขึ้นเท่านั้น มันไม่น่าจะรู้แผนการต่อไปของเราหรอก หากเทพของพวกเขามีพลังมากขนาดนั้นจริง คงไม่ใช่แค่โคโจคนเดียวที่ดักรอเราอยู่
อ้อ และเจ้าก็ควรจำเรื่องนี้ไว้ด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า เหล่าคนที่มีสัญญาเชื่อมโยงกับเจ้าจะไม่มีใครเอาชีวิตรอดได้ “
“ดูเหมือนนั่นจะเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง” ริชาร์ดคอตกก่อนจะถอนหายใจทว่าโฟลว์แซนด์มองเข้าไปในดวงตาของเขา “แต่นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าเลือกเองไม่ใช่หรือ ? และข้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่กล้าหาญมาก”
ริชาร์ดพยักหน้า ในที่สุดรอยยิ้มก็ฉายบนใบหน้าที่บูดบึ้งของเขา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าต้องทำยังไง จากทรัพยากรที่เรามีตอนนี้มันเพียงพอให้ข้าสร้างรูนได้ทั้งหมด 4 อัน ข้าจะสร้าง[รูนมานาแอมพลิฟิเคชั่น](รูนเพิ่มมานา)ให้เจ้าทีหลัง มันเป็นเพียงอันเดียวที่เหมาะสมกับเจ้าเมื่อเทียบจากวัตถุดิบที่เรามี”
“ตกลง แต่ข้าต้องจัดการกับศพพวกนี้ก่อน ส่งวอริเออร์ 2 คนกับเชลยอีก 10 คนมากับข้าด้วย”
ริชาร์ดเห็นด้วย เขาจึงเรียกวอริเออร์ 2 คนมาหาและเลือกเชลย 10 คนเพื่อให้ไปช่วยโฟลว์แซนด์ ตอนนี้เขาสอบปากคำเชลยส่วนใหญ่แล้วและด้วยความจำอันเหนือธรรมชาติของเขานั้น เขาจึงรู้ดีว่าพวกเขาอยู่ในสภาพไหน เขาเลือกแค่วอริเออร์ธรรมดาและแม้ว่าอาการบาดเจ็บของพวกเขาจะเบาบาง แต่โดยธรรมชาติพวกเขาค่อนข้างว่าง่ายอยู่แล้ว
แกงดอร์เดินเข้ามาพอดีขณะที่ริชาร์ดมอบหมายงานให้คนเหล่านั้นเสร็จ ซึ่งในขณะที่เดินเข้ามาก็ตะโกนเรียกริชาร์ดอย่างป่าเถื่อนไปด้วย “เฮ้ มาสเตอร์ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ! อย่างอื่นไว้ค่อยมาจัดการต่อทีหลัง มากินให้อิ่มก่อนเถอะ !”
กลิ่นหอมที่ลอยมาปะทะจมูกของริชาร์ดทำให้เขาหิวโหยขึ้นมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรอจนสอบปากคำคนสุดท้ายเสร็จแล้วจึงค่อยเดินไปยังห้องครัวที่สร้างขึ้นชั่วคราวพร้อมกับแกงดอร์
กลิ่นของอาหารอบอวลไปทั่วทั้งชั้น วอริเออร์ 3 คน วอเตอร์ฟลาวเวอร์ และโอล่านั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร แต่ละคนมีชามขนาดใหญ่วางอยู่ตรงหน้าก่อนที่พวกเขาจะกลืนกินทุกอย่างในนั้นจนหมด ริชาร์ดเห็นทีรามิสุอยู่คนเดียวในห้องครัว มันกำลังคนหม้อด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มันมี ดูเหมือนว่าอาหารที่ทุกคนหลงรักพวกนี้เป็นฝีมือของทีรามิสุ แกงดอร์ยื่นชามมาให้ริชาร์ดเช่นกันพร้อมพูดขึ้นว่า “มาสเตอร์ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าโอเกอร์ของท่านจะเป็นพ่อครัวที่ดีขนาดนี้ ! สตูว์เนื้อของพวกมันนั้นดีกว่าของในค่ายมากโขเลยล่ะ”
โอล่าเย้ยหยันอยู่ข้าง ๆ เขา “ข้าเคยกินสตูว์เนื้อมามากพอสมควรในอดีต เจ้าจะยกมันมาเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนา แต่ก็เอาเถอะ ก็ถือว่าปรุงได้อร่อยดีจริง ๆ”
โอล่าเคยทำงานให้กับราชวงศ์จำนวนหนึ่งมาก่อน ดังนั้นเขาจึงมีรสนิยมในด้านอาหารที่ดี การที่แม้แต่เอลฟ์ก็ยอมรับนั่นก็หมายความว่าอาหารต้องดีจริง ๆ
ทันใดนั้นโอเกอร์ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวก็ตะโกนไปในทางที่แกงดอร์ยืนอยู่ “เฮ้ไอ้ตัวเล็ก ! ข้ามีชื่อนะ อย่าเรียกข้าว่าโอเกอร์”
“ข้าผิดเอง ข้าผิดเอง” แกงดอร์ยกมือยอมแพ้ “เอาล่ะ มีเดียมแรร์”
ทว่าเสียงคำรามของมีเดียมแรร์ดังขึ้นจากด้านนอก “นั่นมันชื่อข้า ! ในครัวนั่นมันทีรามิสุ เจ้านี่มั่วจริงๆ !”
โอเกอร์ที่ร่างใหญ่กว่ามองเข้ามาในห้องอาหารและจ้องแกงดอร์ราวกับอยากจะโจมตีเขาเสียเต็มประดา ริชาร์ดรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดสถานการณ์ไม่ให้รุนแรงขึ้น “เอาล่ะ แกงดอร์ไม่ได้ —” อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันไปเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของแกงดอร์ เขาก็จำเป็นต้องเงียบลงอย่างกระอักกระอ่วน เขาอยากจะพูดว่าแกงดอร์ไม่ได้ตั้งใจทว่าจากที่ริชาร์ดเห็นสีหน้าของเขาแล้ว เขาตั้งใจอย่างแน่นอน !
แกงดอร์หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “ใช่แล้ว ข้าเจตนาทำแบบนั้น ข้าจะเรียกชื่อของพวกเจ้าก็ได้แต่พวกเจ้าห้ามเรียกข้าว่าไอ้ตัวเล็กอีก เข้าใจไว้ซะ !”
“ตกลง !” ทีรามิสุและมีเดียมแรร์พูดเสียงดัง
ริชาร์ดส่ายหัว เขานั่งลงเตรียมพร้อมที่จะกินและลองตักชิมก่อน 1 ช้อนและพบว่ามันอร่อยจริง ๆ มันถูกปรุงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นี่มันดีกว่าทุกอย่างที่พ่อครัวของอาเครอนเคยทำให้เขาโดยเพียงแค่ด้อยกว่าพ่อครัวของดีพบลูอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
“อืมม… อร่อยจริง !” ริชาร์ดกล่าวชม
“แน่นอน !” โอเกอร์ทั้งสองตอบอย่างภาคภูมิใจ “เพราะพวกเราเป็นนักชิม !”
……
ริชาร์ดเพลิดเพลินไปกับอาหารแต่เมื่อกินไปได้เพียงครึ่งเดียวเขาก็หยุดกะทันหัน ซึ่งการกระทำนี้ดึงดูดความสนใจของวอเตอร์ฟลาวเกอร์ขณะที่แกงดอร์รีบเอ่ยถาม “มาสเตอร์ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?”
ริชาร์ดรีบกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เป็นไร กินต่อเถอะ !” เขาพูดก่อนจะจัดการสตูว์ของเขาต่อไปจนหมด
เมื่อครู่นี้เขาเกิดรู้สึกกังวลกับการลดลงของพลังของบรู๊ดมาเธอร์ขึ้นมาทว่ามันก็เพิ่มกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างโล่งใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน