นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 134 นักรบผู้กล้าหาญ
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
ทันทีที่โอเกอร์ทั้ง 2 เข้าร่วมช่วยเหลือกลุ่มการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะเปราะบางก่อนหน้านี้ ความสมดุลก็กลับคืนมาอีกครั้ง พวกมันทำให้เหล่าทหารและไนท์ฝึกหัดฝั่งเมนต้าที่อยู่ในสภาพอ่อนล้าไม่สามารถต้านทานพลังของเวทมนตร์ได้อีกต่อไป
หนึ่งในไนท์ฝึกหัดชนเข้ากับมีเดียมแรร์อย่างจังจนเสียงดังสนั่น แรงกระแทกทำให้เขาเซถอยกลับไปด้านหลังขณะที่แขนด้านซ้ายของเขาดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกไปราวกับสูญเสียแขนไปในชั่วพริบตาเดียว ในเวลานี้แขนที่เคยแข็งแกร่งของเขาถูกปล่อยให้แกว่งไปมาราวกับพร้อมที่จะหลุดออกจากตัวของเขาอย่างน่าเวทนา
มีเดียมแรร์ระเบิดความโกรธของมันออกมาอย่างรุนแรง มันใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีทว่ามันกลับไม่สามารถกำจัดศัตรูที่อ่อนแอกว่าได้ มันเปล่งเสียงคำรามก่อนที่จะใช้ค้อนใหญ่ฟาดไนท์ฝึกหัดผู้นั้นสุดแรงจนร่างของไนท์ฝึกหัดกระเด็นลอยออกไปราวกับหุ่นกระบอกไร้ชีวิต มันยืดอกขึ้นทุบหน้าอกและคำรามออกมาอย่างดุเดือด “โถ่เอ้ย ก็แค่ชิ้นเนื้อสเต๊ก ยังมีใครอยากจะสู้กับข้าอีกไหม !?”
ไม่มีใครตอบสนองต่อเสียงร้องเรียกถามของโอเกอร์ เป็นเพราะมันไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาษาที่ใช้ในการพูดและร่ายคาถาจึงทำให้เสียงคำรามที่มันเปล่งออกมาแทบจะไม่มีความหมายสำหรับคนอื่น ๆ เลย
ในขณะที่มีเดียมแรร์กำลังคำรามออกมา ทีรามิสุก็รีบแซงหน้ามันไปในทันทีก่อนที่มันจะใช้ค้อนใหญ่ฟาดที่ร่างของวอริเออร์อย่างโหดเหี้ยมจนร่างของวอริเออร์ผู้นั้นกระแทกลงกับพื้นซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น มีเดียมแรร์คำรามเสียงดังก่อนที่ร่างของมันจะวิ่งตามมา
ในเวลาต่อมาเมนต้าและทหารที่เหลือรอดก็ถูกรายล้อมไว้ตรงบริเวณพื้นที่โล่งในฐานทัพ หมวกป้องกันศีรษะของเมนต้าในเวลานี้เผยให้เห็นว่ามีเหงื่อที่ไหลซึมจากผมของเขาลงมาที่หน้าผากอย่างชัดเจน รอยแตกปรากฏขึ้นที่โล่ในมือซ้ายของเขาและลักษณะของมันก็ดูเหมือนว่าจะเสียรูปไปจากเดิม
เมนต้ามองไปที่ด้านหลังของตัวเองก็ค้นพบว่าในเวลานี้เขาเหลือไนท์ฝึกหัดอีกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นซึ่งร่างของทั้งสองต่างก็ชุ่มไปด้วยเลือดและขณะเดียวกันก็ยังมีเหล่าทหารอีก 10 กว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตี ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามของเขามีแกงดอร์และเหล่าวอริเออร์ของอาเครอนอีก 7 คน รวมไปถึงโอเกอร์อีก 2 ตนด้วย ในขณะที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น เอลฟ์บาร์ดก็นั่งหมอบอยู่ตรงหลังคาด้วยความอ่อนล้าโดยมีคันธนูและลูกธนูอยู่ในมือของเขา ทว่าความอ่อนล้านั้นก็ไม่ได้ทำให้บทเพลงแห่งสงครามเงียบหายไปจากปากของเขาได้เลย
ในที่สุดสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ริชาร์ด วอเตอร์ฟลาวเวอร์ และโฟลว์แซนด์ ในเวลานี้เคลริคสาวไม่ได้สนใจสายตาของเขาเท่าไหร่นัก ในทางตรงกันข้ามนางกลับเปิดหน้าหนังสือแห่งกาลเวลาก่อนจะร่ายคาถาส่งไปยังแกงดอร์และคนอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นเพียงคาถาระดับต่ำ ทว่ามันก็สามารถทำให้เมนต้าเกือบจะเป็นบ้าไปได้
‘เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ !’ เพราะพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของนางจึงทำให้ศัตรูของเขาหลุดพ้นจากความตายและกลับมายืนอยู่ในสนามรบได้อีกครั้ง เมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นอีกหน ไนท์ฝึกหัดทั้ง 2 คนของเขาก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาทำได้เพียงป้องกันตนเองจากการปะทะเท่านั้น ความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บสาหัสที่กองกำลังทหารของพวกเขาได้รับทำให้ตอนนี้พวกเขากลายเป็นกองกำลังที่ไร้ความสามารถไปแล้ว
ริชาร์ดปักดาบเอลฟ์นิรนามที่กาตอนให้ไว้กับเขาลงบนพื้นก่อนจะเดินตรงไปยังเมนต้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ยอมจำนนซะเซอร์เมนต้า มันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าจะต้องสูญเสียอย่างไร้ประโยชน์ไปมากกว่านี้แล้ว”
เมนต้าหัวเราะเสียงดังก่อนโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “ยอมจำนนเรอะ ? เจ้าจะเอาอะไรมาแลกกับข้าล่ะ ?”
“การสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อข้าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยินยอม เจ้าก็จะกลายเป็นเชลยศึกและข้าจะเรียกค่าไถ่กับบารอนฟอร์ซ่า”
“เหอะ ฝันไปเถอะ !” เมนต้าตะโกนออกมาขณะกำอาวุธในมือของเขาแน่น “ผู้ที่บูชาเทพแห่งความกล้าหาญไม่เคยก้มหัวให้กับผู้บุกรุก ! พวกเจ้าจะต้องถูกปล้นสะดม ถูกสังหาร และถูกทำลายจนไม่เหลือซาก ! ไม่มีใครอยากร่วมมือกับคนอย่างเจ้าหรอก !”
ริชาร์ดยังคงยิ้มอย่างใจเย็นก่อนกล่าวต่อไป “แต่เท่าที่ข้ารู้ ที่นี่ไม่ได้มีเทพเจ้าแค่องค์เดียว จริง ๆ แล้วยังมีเทพอีกมากมายและบางองค์ก็เป็นศัตรูของเทพแห่งความกล้าหาญด้วย อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าทุกคนในที่นี้จะเคร่งศาสนา ข้าจึงสามารถหาคนที่เต็มใจจะร่วมมือกับข้าได้สบาย ๆ รู้อย่างนี้แล้วเจ้าเองก็ควรจะคิดได้นะว่าเจ้าก็ไม่ได้สำคัญสำหรับข้าขนาดนั้น”
เมนต้ากระทืบเท้าก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ “คุณค่าของข้าอยู่ที่ศักดิ์ศรีและจิตสำนึก เจ้ามันก็แค่ลูกหมา กล้าสู้กับข้าตัวต่อตัวไหมล่ะ ? ถึงข้าจะไม่มีแรงเหลือแต่ก็สามารถจัดการเจ้าให้ร่วงลงไปที่พื้นได้ง่าย ๆ !”
หางตาของริชาร์ดกระตุกขึ้นอย่างรุนแรงทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของเมนต้า เขาก้าวถอยไปด้านหลัง 2 ก้าวและดึงดาบที่ปักอยู่บนพื้นขึ้นมา
เมนต้าหรี่ตามองมาทางริชาร์ดก่อนที่จะรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย เขางงงวยอยู่กับเมจที่กำลังถือดาบเรียวยาวและเกิดอาการประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเมจหนุ่มผู้นี้จะเป็นหัวหน้าของผู้บุกรุกอย่างแน่นอนและหากเขาสามารถจับตัวเมจผู้นี้ไว้ได้ เขาก็คงจะนำกองกำลังของเขาออกไปจากที่แห่งนี้ได้เช่นเดียวกัน
โฟลว์แซนด์และวอเตอร์ฟลาวเวอร์รีบพุ่งตัวไปด้านข้างริชาร์ดในขณะที่แกงดอร์กำชับขวานในมือเพื่อเตรียมรับมือกับเมนต้าทว่าทันทีที่เขาคิดจะจู่โจม ในวินาทีนั้นสนามการต่อสู้ก็เงียบลงอย่างฉับพลันโดยไม่มีเสียงใดแทรกขึ้นมาให้ได้ยิน
ริชาร์ดยื่นมือออกไปหาแกงดอร์ก่อนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “แกงดอร์ ไวน์ !”
แกงดอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาส่งเสียงพึมพำเบา ๆ แต่ก็นำขวดเล็ก ๆ สีเงินที่อยู่ข้างเอวออกมา เปิดฝาขวดและยื่นมันให้กับริชาร์ด ริชาร์ดรับมันมาและกระดกเข้าไปจนหมดภายในพริบตาเดียว
“มาสเตอร์ ยาพิษ !” วอเตอร์ฟลาวเวอร์เตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
“วอเตอร์ฟลาวเวอร์ ! เจ้านี่มัน…” แกงดอร์ส่งสายตาตำหนิให้กับวอเตอร์ฟลาวเวอร์ทว่าหญิงสาวกลับไม่ได้สนใจมองเขาเลย นางจงใจยกดาบในมือให้สูงขึ้นก่อนที่แกงดอร์จะเงียบลงด้วยความจำนน
ทันทีที่แอลกอฮอลล์ไหลเข้าสู่ร่างกายของของริชาร์ด ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป เมจหนุ่มใจเย็นลงแล้วและสายตาของเขาก็เปล่งประกายสดใสขณะยื่นขวดเปล่าให้กับแกงดอร์ในขณะที่นิ้วมือของเขาค่อย ๆ คลายออกจากดาบสลับไปทีละนิ้ว
ริชาร์ดเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาและหันไปหาเมนต้าอีกครั้ง “นี่คือสงครามเพลน ไม่ใช่ห้องนั่งเล่นสำหรับเหล่าขุนนาง เจ้าไม่ต้องมาร้องขอถึงการประลองตัวต่อตัว พวกเจ้า ! จัดการเขาซะ !”
เมนต้าส่งเสียงคำรามออกมาและเริ่มโจมตีในทันทีทว่าทันใดนั้นเขาก็ถูกจับกุมอย่างรวดเร็ว แกงดอร์และโอเกอร์ทั้ง 2 ตนขัดขวางเขาไว้ได้สำเร็จก่อนที่จะเคลื่อนไหวตัวด้วยความคล่องแคล่ว
ท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ไนท์ก็ก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความแข็งแกร่ง พลังของมอนิ่งสตาร์ทำให้โลกสั่นสะเทือนจนทำให้แกงดอร์และโอเกอร์ต้องถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้แสงสีเหลืองหม่นส่องบนตัวของเมนต้าและทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงเป็นเวลานานกว่าหลายวินาที โอเกอร์เมจยกค้อนในมือของมันขึ้นและทุบลงไปบนหลังของเมนต้าอย่างแรง ในขณะที่เหล่าวอริเออร์ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของอาเครอนอีก 2 คนขยับตัวไปด้านหน้าเพื่อล้อมตัวเป้าหมายไว้
“ใครที่ไม่อยากตายก็วางอาวุธของพวกเจ้าซะ หันหน้าไปทางกำแพงและอย่าขยับ” ริชาร์ดตะโกนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนชี้ไปยังเหล่าทหารที่รอดชีวิตเพื่อให้หันหน้าไปยังกำแพง
หนึ่งในไนท์ฝึกหัดจ้องมองเซอร์เมนต้าที่อยู่ด้านหลังฝุ่นที่คละคลุ้งด้วยสายตาว่างเปล่า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจวางอาวุธลงแล้วหันไปที่กำแพงอย่างช้า ๆ ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อยอมจำนน หลังจากนั้นไม่นานเหล่าทหารคนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาเลือกที่จะทำเช่นเดียวกันกับคนแรกอย่างไม่รีรอ
เสียงคำรามของเมนต้าดังขึ้นในลำคอ ร่างสูงใหญ่ของเขาทรุดลงกับพื้นเพราะบาดแผลที่ได้รับก่อนหน้านี้ค่อนข้างสาหัส แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็ได้สร้างบาดแผลให้กับแกงดอร์ โอเกอร์ และวอริเออร์คนอื่น ๆ เช่นกัน การต่อสู้ของเมนต้าเป็นดั่งสิงโตที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะสิ้นหวังเพียงใดก็ตาม
ริชาร์ดเดินตรงมาที่ร่างของเมนต้าแล้วย่อตัวลง เขายื่นมือไปจับเลือดของเมนต้าที่ไหลออกมาและสัมผัสได้ว่าเลือดยังร้อนระอุอยู่
ริชาร์ดถอนหายใจก่อนยืนขึ้น “เขาถือเป็นศัตรูที่น่ายกย่อง เผาร่างของเขาอย่างดีและส่งอาวุธไปพร้อมกับร่างของเขาเพื่อส่งเขาไปสู่การพักผ่อนอันเป็นนิรันดร์”
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**