นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 123 การทำลายล้าง ตอนที่ 3
วของริชาร์ดขมวดแน่นมากขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารของตระกูลโจเซฟ
ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น… แล้วใครกันจะยอมลงทุนมากขนาดนี้เพื่อฆ่าเขา ? อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับการคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ “ข้าได้ยินมาว่าชนพื้นเมืองของเพลนจะปฏิบัติเหมือนเราเป็นศัตรูเมื่อเราเข้าไปยังเพลนในตอนแรก”
โฟลว์แซนด์พยักหน้า “มิติเทเลพอร์ตขนาดใหญ่เท่ากลุ่มของพวกเราแบบนี้จะส่งสัญญาณให้เหล่ายอดฝีมือที่รู้เรื่องกฎของเพลนรู้ตัวได้อย่างแน่นอน หากเพลนนี้แข็งแกร่งมากอย่างที่เจ้าว่า ก็น่าจะมียอดฝีมือระดับเลเจนดารี่อยู่หลายคนเลยทีเดียว ตอนนี้พวกเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว เจ้าคิดจะทำยังไงต่อไป ?”
‘ทำยังไง’ ริชาร์ดยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรอต่อสู้มามากแค่ไหนแต่หากยอดฝีมือในระดับนั้นเดินทางมาที่นี่ พวกเขาก็ไม่มีทางเอาชีวิตรอดกลับไปได้ โฟลว์แซนด์ แกงเดอร์ วอเตอร์ฟลาวเวอร์ เหล่าโอเกอร์ โอล่า… ทุกคนจ้องมองมาทางเขาตาไม่กะพริบและรอคอยให้เขาตัดสินใจ
ในตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นในใจ นี่เป็นการย้ำเตือนว่าในตอนนี้เขาเป็นผู้นำของกลุ่ม แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่แต่เขาก็จะต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง ความแข็งแกร่งของกลุ่มของพวกเขารวมไปถึงหน่วยลาดตระเวนที่ถูกส่งออกไปแล้วจะช่วยทำให้แน่ใจได้ว่าการรับมือกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นจะไม่ยากลำบากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรในเวลานี้จุดหมายปลายทางก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นเพลนรองหรือก็คือเพลนระดับกลางไปแล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกของพวกเขาก็คือการเอาตัวรอดให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม !
เขาเลือกที่จะมองไปยังโฟลว์แซนด์และถามคำถามสำคัญ “เราไม่มีโอกาสกลับไปเลยหรือ ?”
“มีอยู่ 3 วิธีหากเจ้าปรารถนาจะกลับไป วิธีแรกก็คือพิชิตทั้งเพลนให้ได้ นั่นจะทำให้ข้ามีทรัพยากรในการสร้างหอคอยเพื่อค้นหาพิกัดของวิหารมังกรนิรันดรได้ ส่วนวิธีที่สองคือ ถ้าหากว่าพวกเราโชคดีเราอาจจะพบซากปรักหักพังของมังกรนิรันดรที่นี่ ซึ่งข้าจะสามารถเปิดใช้งานวิหารขึ้นได้และทำการสังเวยเพื่อขอพรให้ประตูไปสู่นัวแลนด์เปิดออกอีกครั้ง และวิธีสุดท้ายก็คือจับตัวคนกลุ่มอื่นที่เข้ามาที่เพลนแห่งนี้” โฟลว์แซนด์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิม ในฐานะพรีสเทสแห่งมังกรนิรันดร นางค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องฉุกเฉินเช่นนี้พอสมควร
ริชาร์ดมองสำรวจพื้นที่โดยรอบอีกครั้งก่อนพูดเสียงดังว่า “ข้าเองก็อยากโชคดีแบบนั้น อยากที่จะได้พบร่องรอยของวิหารและกลับไปยังนัวแลนด์ แต่หากว่าเราเจอวิหารจริง ๆ เราจะไปหาสิ่งของมาสังเวยได้จากที่ไหนกัน ? การหาสิ่งของมาทำพิธีบูชาให้กับมังกรนิรันดรมันจะง่ายกว่าการพิชิตพื้นที่เพลนนี้งั้นรึ ? เราต้องใช้หัวกะโหลกของเกรทเทอร์เดวิลเป็นใบเบิกทางซึ่งพาเรามาจนถึงที่นี่ ! พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ในฐานะอาเครอน ข้าไม่ต้องการเป็นตัวตลกที่เดินก้มหน้ากลับบ้านมือเปล่า แน่นอนว่าข้าต้องเลือกวิธีแรก จริง ๆ แล้วมันเป็นทางเลือกเดียวของเราด้วยซ้ำ !”
เสียงของริชาร์ดดังก้องไปทั่วทั้งค่ายแห่งนี้ อาเครอน… คำพูดนั้นดูเหมือนจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อคนทั้งกลุ่ม ชีพจรของทุกคนเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของพวกเขาเต้นแรงอย่างมีชีวิตชีวาจนน่ากังวล ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กำลังรู้สึกถึงความกระหายในเปลวไฟแห่งการต่อสู้และเลือดของศัตรู ! ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขามีริชาร์ดเป็นผู้นำของความกระตือรือร้นนี้ !
ในตอนนั้นเองแกงดอร์ก็คำรามออกมา “เฮ้มาสเตอร์ ! ตอนที่ท่านสู้กับศัตรูน่ะ ทักษะการต่อสู้ของท่านดูยอดเยี่ยมมาก แต่ถ้าท่านต้องการปลุกกำลังใจในการต่อสู้ของพวกเรา มันก็ต้องมีไวน์ด้วยถึงจะช่วยสร้างบรรยากาศได้ !”
ริชาร์ดมองไปที่แกงเดอร์ด้วยสายตาว่างเปล่า “แกงดอร์ เจ้าไม่กังวลเลยเรอะ ?”
แกงดอร์ยักไหล่ “ตอนแรกข้าก็กลัวนิด ๆ แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าค่ายแห่งความตายอันตรายกว่านี้เยอะ สิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่นั่นต้องการเอาชีวิตพวกเรา ! ในเมื่อแม่สาววอเตอร์ฟลาวเวอร์นั่นยังไม่กลัว แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วยล่ะ?”
วอเตอร์ฟลาวเวอร์กอดดาบของนางไว้แน่นและยืนพิงอยู่กับผนังห้อง เปลือกตาของนางปิดลงครึ่งหนึ่งแล้วคล้ายกับว่านางกำลังจะหลับในไม่ช้าและดูเหมือนนางจะไม่ได้ยินคำพูดยุแหย่ของแกงดอร์เลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้สำคัญกับนางเท่าไหร่นัก ทว่าด้วยท่าทางของนาง เสื้อคลุมสีขาว และเรียวขาเปลือยนั้นก็ยังคงทำให้ภาพที่เห็นโดดเด่นสะดุดตา
ริชาร์ดหันไปมองโอเกอร์ทั้งสองบ้างซึ่งทำให้มีเดียมแรร์เกาหัวและพูดขึ้นช้า ๆ “สำหรับข้า ข้าแค่กลัวว่าจะไม่มีของอร่อยให้ข้ากิน !”
ทีรามิสุยกกำปั้นขึ้นเคาะกะโหลกของมีเดียมแรร์ครั้งหนึ่ง “เจ้าก็สนใจแต่เรื่องกิน ! แต่ก็เอาเหอะ ข้าว่าถ้าไอ้เพลนบ้า ๆ ที่เราหลงเข้ามานี่มันมีตัวประหลาดอยู่ก็คงจะดีมาก พวกเราจะได้แฝงตัวไปอยู่ในค่ายของพวกมัน สาวงามที่สุด 10 อันดับแรกเป็นของข้า ! ส่วนของเจ้าเริ่มจากอันดับที่ 11 !”
มีเดียมแรร์กระโดดและแผดเสียง “ไม่มีทาง ! หากเจ้าจะเอาอันดับหนึ่ง เจ้าก็เอาอันดับหนึ่งไปแค่นั้นพอ ที่เหลือข้าจอง !”
“แต่ข้าเป็นเมจนะ !”
“แล้วยังไง !?”
เมื่อเห็นว่าโอเกอร์ทั้งสองไม่มีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้นและเถียงกันในเรื่องไร้สาระจนแทบจะลงมือตบตีกันอยู่แล้วริชาร์ดจึงหันไปหาโอล่า สีหน้าของเอลฟ์บาร์ดยังคงซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าเขายังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก ซึ่งนั่นอาจเป็นผลมาจากการสูญเสียเลือดจำนวนมากจากการบาดเจ็บหรือไม่ก็เป็นเพราะเขากำลังหวาดกลัวก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่เขาก็ส่งยิ้มอ่อนแรงมาให้เมื่อสบสายตากับริชาร์ดที่กำลังจ้องมองไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเอลฟ์บาร์ดก็ทำท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนมองไปยังโฟลว์แซนด์ เขารวบรวมความกล้าก่อนพูดขึ้น “หากมิสโฟลว์แซนด์คนสวยสามารถให้กำลังใจข้าได้ อาจจะเป็นจุมพิตแสนหวานสักครั้ง ความกล้าหาญของข้าคงจะกลับมาอย่างเต็มเปี่ยมแน่ !”
โฟลว์แซนด์ยิ้มอ่อนก่อนจะพูดขึ้น “โอ้ ! เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่กับพรีสเทสแห่งมังกรนิรันดรงั้นรึ เจ้าไม่กลัวว่าจะสิ้นอายุขัยก่อนเวลาหรอกหรือ ?”
โอล่าชะงักและเงียบไปทันที เขาหันไปทางอื่นคล้ายกับกำลังมองหาความกล้าหาญและครั้งนี้สายตาของเขาก็มาหยุดที่วอเตอร์ฟลาวเวอร์ “งั้น… หากหญิงงามคนนี้สามารถให้กำลังใจข้าได้ ข้าก็น่าจะกล้าหาญมากพอที่จะพิชิตทั้งเพลนนี้ได้ !”
คิ้วของวอเตอร์ฟลาวเวอร์กระตุกขึ้นในขณะที่นางลืมตาเต็มตา นางจับจ้องไปที่บาร์ดสายเลือดเอลฟ์แล้วพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “อย่ามาตลก รอให้สภาพแวดล้อมมันดีกว่านี้หน่อยดีกว่าไหม”
โอล่าหน้าแดงในทันที เขากางแขนออกกว้างให้กับท้องฟ้าราวกับต้องการที่จะโอบกอดอะไรบางอย่างจากบนนั้น หลังจากนั้นก็หันไปหาริชาร์ดและคุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนที่จะประกาศก้องออกมา “มาสเตอร์ ท่านมีผู้ติดตามที่กล้าหาญที่สุดอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องไปกลัว !”
ริชาร์ดไม่รู้แล้วว่าเขาควรจะพูดอะไรต่อดี เขาสัมผัสถึงความคิดของหญิงสาวได้ราง ๆ ผ่านการเชื่อมต่อของพวกเขาและนางก็ไม่ได้พยายามซ่อนความรู้สึกของนางเลยสักนิดในขณะที่นางพูดประโยคนั้นออกมา และสิ่งที่นางทำนั่นก็เป็นเพียงการพูดความจริงเท่านั้น ในทางเทคนิคแล้วมันไม่ได้มีอะไรอื่นแอบแฝงอยู่ในคำพูดของนางเลย
ในทางเดียวกัน ริชาร์ดค่อนข้างเห็นด้วยกับวอร์เตอร์ฟลาวเวอร์ สภาพแวดล้อมในตอนนี้มันเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนของซากศพและชิ้นเนื้อมากมายซึ่งไม่เหมาะกับการมาเกี้ยวมาจีบกันอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าดูเหมือนจะไม่เหมาะสมนักที่จะบอกความจริงกับเอลฟ์หนุ่มสุดโรแมนติกผู้นี้
อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดรีบปัดความคิดทุกอย่างออกไปและเริ่มจริงจังอีกครั้ง เขาตระหนักขึ้นมาได้ว่าการเป็นผู้นำกลุ่มนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่เขาก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่ากาตอนจัดการกับอัศวินจำนวนมากถึง 13 คนให้อยู่ภายใต้อำนาจและเชื่อฟังคำสั่งของเขาได้อย่างไร ตั้งแต่มอร์เดร็ดไปจนถึงลีน่า อัศวินทุกคนล้วนมีนิสัยเฉพาะตัวและมีความคิดในแบบของตัวเอง พวกเขาแต่ละคนไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถล้อเล่นด้วยได้ นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่มีความใกล้เคียงกับนักบุญที่มีจิตใจกว้างขวางและสงบเย็นเป็นสายน้ำเลยด้วย
ในตอนนี้ แกงดอร์เอามือจับคางของเขาและมองดูโอล่าด้วยสายตาที่ใช้มองคนทึ่ม ๆ คนหนึ่ง เขาอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เสียเหลือเกินเพราะเขารู้สึกเหมือนประสบความสำเร็จเมื่อได้เห็นใครสักคนทำอะไรแบบนี้ออกมาบ้าง
ทว่าทันใดนั้นเสียงของโฟลว์แซนด์ก็ทำลายความเงียบ“กองทหารของบารอนอาจปรากฏตัวขึ้นในไม่ช้า”
ริชาร์ดสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับเข้าสู่โหมดจริงจังอย่างแท้จริงอีกครั้ง “พวกเราสามารถรับมือกับบารอนได้ แต่ข้าจะต้องรีบและพยายามทำความเข้าใจเมล็ดพันธุ์นี่ก่อน” ใช่แล้ว ! — เมล็ดพันธุ์ นั่น… ไข่สีเทาฟ้าใบนั้นเป็นทรัพยากรเพียงอย่างเดียวที่พวกเขายังไม่ได้ใช้งาน
“เมล็ดพันธุ์…” ร่างของโฟลว์แซนด์สั่นสะท้าน ริชาร์ดมองไปที่นางทว่าเขากลับเห็นเพียงแค่นางค้อมตัวลงต่ำราวกับกำลังโค้งคำนับอะไรบางอย่างด้วยใบหน้าและท่าทางที่ดูว่างเปล่า !