นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 100 พิธีกรรม ตอนที่ 2
คทาของเฟอร์ลินหยุดการเคลื่อนไหวก่อนที่นางจะปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของกาตอน นางยิ้มก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มาร์ควิสกาตอน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าท่านจะสามารถนำเครื่องสังเวยที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาได้ พรที่ข้าจะได้รับคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เด็กคนนี้จะกลายเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคตได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าเครื่องสังเวยระดับนั้น… ดูเหมือนว่าจะเสียเปล่า ข้าได้ยินมาว่าศัตรูของอาเครอนมีอยู่มากมายและมีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน”
กาตอนถอนหายใจก่อนตอบกลับไป “ถึงยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับ ไม่นานหลังจากนี้เขาจะถูกส่งตัวไปยังเพลนอื่น หากเขาได้รับพรมากขึ้นมันจะดีสำหรับเขา ส่วนศัตรูของพวกเราน่ะรึ เหอะ ! อยากจะมาเมื่อไหร่ก็มา ข้าจะสั่งสอนจนทำให้พวกมันต้องเสียใจที่ตัดสินใจเช่นนั้น”
ไฮพรีสเทสเฟอร์ลินพยักหน้าก่อนกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่สง่างามว่า “งั้นเราก็ต้องมาดูกันแล้วว่าพรที่เด็กคนนี้ได้รับจะเป็นอย่างไร หวังว่าเขาจะได้รับพรแห่งกาลเวลา…”
แสงที่มาจากเสาหลักแห่งแสงภายในวิหารสาดส่องไปทั่วร่างของริชาร์ดก่อนที่จะดึงสติของเขากลับมาจากความว่างเปล่า หลังจากที่เขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็ต้องตกใจที่เห็นตัวเองกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้มีพละกำลังเหมือนก่อนหน้านี้ มานาและสายเลือดของเขาในเวลานี้ก็ได้ถูกผนึกไว้เช่นกัน เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าพิธีเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาจึงรีบนำกะโหลกของเดวิลจากหีบใหญ่ไปวางไว้บนแท่นบูชาอย่างระมัดระวัง
เกิดแสงสว่างขึ้นทันทีที่เขานำกะโหลกไปวางไว้บนแท่นบูชาก่อนที่แสงจากเสาหลักแห่งแสงเส้นหนึ่งจะพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า นั่นทำให้กะโหลกเดวิลโปร่งใสขึ้นจนเห็นตัวอักษรแห่งคัมภีร์เกิดขึ้นอยู่ด้านในที่กำลังรวมเข้าด้วยกันก่อนที่จะหายไป ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกราวกับว่าแท่นบูชาได้ถูกเผาไหม้ไปพร้อมกับตัวอักษรแห่งคัมภีร์ และมันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นฝูงผีเสื้อที่บินขึ้นไปยังดวงดาวบนฟากฟ้า ในขณะที่กะโหลกชิ้นนั้นก็ได้สลายหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
แสงเกิดขึ้นอีกครั้งและสาดมาที่ตัวของริชาร์ดก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นรังไหมแห่งแสง พร้อมกันนั้นมันก็ได้แสดงให้เห็นอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใน เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การปรากฏของแสงนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ามังกรนิรันดรพึงพอใจกับของที่เขาสังเวยให้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็จะไม่ต้องได้รับการลงโทษใด ๆ แต่ถึงอย่างไรทุก ๆ อย่างก็ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องกังวลใจตั้งแต่เริ่มแรกแล้วเพราะกะโหลกของเดวิลที่นำมาสังเวยนั้นมีระดับสูงมากพอที่จะนำมาสังเวยในพิธีได้อย่างสบาย
แม้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะต้องเข้าใจรูปแบบที่แตกต่างของแสงเหล่านั้น ทว่าริชาร์ดก็ยังพยายามสังเกตมัน ความรู้ทั้งหมดที่เขามีก่อนหน้านี้ล้วนมากจากหนังสือและห้องสมุด แต่การที่ได้เห็นอะไรด้วยตาของตัวเองเช่นนี้ถือเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากในการเรียนรู้กฎของโลกในอนาคต
ฉากทุกฉาก อักขระทุกอักขระถือเป็นพรศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นอักขระที่มีลักษณะเหมือนกับชุดเกราะจะสามารถบ่งบอกได้ว่ามีโอกาสที่จะได้รับอุปกรณ์อันทรงพลัง หากเป็นรูปคริสตัลและอัญมณีแสดงว่าจะได้รับทรัพยากรที่หายาก อักขระที่แสดงให้เห็นในตอนนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าจะได้รับพรในระดับใด
และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือสัญลักษณ์ของวิหารแห่งมังกรนิรันดรนั่นก็คือนาฬิกาทราย หากอักขระเป็นรูปนาฬิกาทราย แสดงให้เห็นว่าผู้สังเวยจะได้รับพรแห่งกาลเวลา พรใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลาจะมีพลังมหาศาลโดยไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมได้ แต่อย่างไรก็ตาม พรจากมังกรนิรันดรจะถูกสุ่มโดยไม่มีกฎตายตัวใด ๆ
รังไหมแห่งแสงถูกเปิดออกก่อนที่จะกลายเป็นรูปร่างนาฬิกาทรายที่ดูพิเศษเพราะมันมีขนาดใหญ่อย่างมาก ! และทันทีที่มันปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาก็ถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมากกับภาพที่ได้เห็น ทรายสีทองไหลไปตามรูปทรงของนาฬิกาทรายพร้อมกับบอกเวลาด้วยตัวของมันเอง
ริชาร์ดรวบรวมสติได้อีกครั้ง พิธีการขั้นแรกได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เขาพยายามควบคุมความดีใจของตัวเองไว้ก่อนที่จะนำหัวใจของเดม่อนไปวางบนแท่นบูชาเพื่อเริ่มพิธีต่อไป ทว่าในตอนนี้การที่เขาไม่มีพลังหลงเหลืออยู่จึงทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะยกหัวใจเดม่อนน้ำหนักกว่า 100 กิโลด้วยตัวของเขาเอง ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งที่มาจากร่างกายของเขาแต่กำเนิด เขาคงไม่สามารถเคลื่อนย้ายหัวใจดวงนี้ไปไว้ที่แท่นบูชาได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดเขาก็วางหัวใจลงบนแท่นบูชาได้สำเร็จก่อนจ้องมองมันอย่างมีความหวัง สำหรับของที่จะสังเวยให้กับมังกรนิรนดรนั้นจะต้องเป็นของที่มีพลัง มันอาจเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรืออาจเป็นอัญมณีล้ำค่าก็ได้ สิ่งเหล่านั้นหากว่าได้มาจากเพลนอื่นจะยิ่งทำให้มีโอกาสได้รับพรมากกว่าของที่มาจากนัวแลนด์ ยิ่งของสังเวยทรงพลังมากเท่าไหร่ พรที่จะได้รับก็มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เมื่อวัดระดับจากพลังของสิ่งที่เขานำมาสังเวยในครั้งนี้แล้วก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าหัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ดนั้นมีค่ามากกว่ากะโหลกของเดวิลหลายเท่า
แท่นบูชาสั่นขึ้นทันทีที่หัวใจถูกวางลงไปก่อนที่จะหยุดสั่นในเวลาต่อมา ภาพตรงหน้าสร้างความตื่นเต้นให้กับริชาร์ดอีกครั้งจนทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
เสียงถอนหายใจทุ้มต่ำแต่ดังกังวานหลุดออกมาจากมังกร แสงสีทองเปล่งประกายออกมาทั่วทุกมุมของแท่นบูชาก่อนที่จะเจาะเข้าไปยังหัวใจของเดม่อนอย่างรวดเร็ว หัวใจบีบอัดเข้าด้วยกันอย่างรุนแรงและส่งเสียงดังออกมาจากด้านในชิ้นส่วนนั้น มันลอยขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับแสงสีทอง และทันทีที่หัวใจลอยขึ้นเหนือแท่นบูชา แสงสีทองก็สาดส่องมากขึ้นและเจาะเข้าไปในหัวใจชิ้นนั้นอีกครั้ง มันโปร่งใสขึ้นทันทีจนสามารถมองเห็นอักขระที่มีแสงสีทองด้านใน แล้วมันก็พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า
อักขระนั้นยังคงมีแสงสีทองเชื่อมเข้ากับหัวใจอยู่จึงทำให้ก้อนหัวใจชิ้นนั้นเต้นเร็วขึ้นจากเดิมถึง 10 เท่า การเต้นของมันแต่ละครั้งได้ดึงอักขระบางส่วนกลับมา แต่ในที่สุดอักขระก็แยกชิ้นส่วนออกจากกันก่อนที่จะรวมกันกลายเป็นกลุ่มผีเสื้อสีทองที่บินลอยหายไป
กระบวนการในการย่อยหัวใจของเดม่อนช้ากว่าหัวของเดวิลอย่างมาก แม้จะผ่านไป 10 นาทีแล้ว แต่อีกครึ่งหนึ่งของชิ้นส่วนหัวใจก็ยังคงอยู่ และในตอนนี้แสงแห่งพรก็ได้เข้ามาแทนที่ความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้รังไหมแห่งแสงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก มันค่อย ๆ กลายเป็นรูปทรงของนาฬิกาทรายที่ยังมีแสงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไหมแห่งแสงนี้สว่างจ้าและทรงพลังมากกว่าครั้งแรกจนทำให้ริชาร์ดต้องหันมองไปทางอื่นก่อนแล้วจึงค่อยหันกลับมามองสิ่งตรงหน้าได้อีกครั้ง เสาหลักแห่งแสงยังคงเปล่งแสงออกมา ส่วนลูกบอลแสงเองก็สว่างมากขึ้นเช่นกัน
ในที่สุดหัวใจของเดม่อนก็สลายหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงนาฬิกาทราย 2 ชิ้นที่ลอยอยู่บนแท่นบูชา แสงที่สว่างจ้าค่อย ๆ ลดลงก่อนที่จะเผยให้เห็นบอลแสงสีทองคำที่บริสุทธิ์
เขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก เนื่องจากบอลแสงนั้นไม่ได้เป็นของที่หายากภายในพิธีเช่นนี้ จริง ๆ แล้วมันก็คือไข่ที่จะถูกเปิดออกมาโดยภายในจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังหรืออาจจะเป็นทรัพยากรที่หายาก ทว่าของเหล่านั้นกลับไม่ได้มีมูลค่าสูงเท่าไหร่เลย
ในเวลานี้เอง เสียงประหลาดที่ยิ่งใหญ่และไร้อารมณ์ก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา “มนุษย์… เจ้าต้องการจัดสรรพรที่จะได้รับให้กับตระกูลเจ้าและตัวเจ้าเองอย่างไร ?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของกาตอนขึ้นมาทันที ทว่าเขากลับนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างทางที่เขาเดินทางมาที่นี่อีกครั้ง
กาตอนและเหล่าอัศวินของเขาสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของพวกเขาเพื่อกำจัดศัตรูในที่มืดได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าศัตรูเหล่านั้นจะสามารถฆ่าพวกเขาได้ทว่ากว่าที่จะจัดการกับกาตอนและเหล่ารูนไนท์ได้นั้นดูเหมือนว่าจะต้องแลกกับความยากลำบากแสนสาหัส อย่างน้อยที่สุดแม้ว่ากาตอนและคนอื่น ๆ จะถูกสังหาร แต่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็อาจต้องตายไปพร้อม ๆ กัน สหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเหมือนกับกองทรายกระจัดกระจายที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ แม้ว่าฝ่ายสอดแนมที่จับตามองอาเครอนอยู่นั้นไม่สามารถรอที่จะเห็นความตายของพวกเขา ทว่าพวกเขาก็ไม่ต้องการยอมเสียสละตนเองเพื่อยกสถานะของผู้อื่นให้สูงขึ้นเช่นกัน เมื่อมองย้อนกลับไป หากเหล่าไนท์ของอาเครอนไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าประทับใจ เหล่าหมาป่าที่อยู่ในที่มืดก็อาจจะกล้าพุ่งตัวออกมากลืนกินพวกเขาไปนานแล้ว
ริชาร์ดเคบอ่านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเอลฟ์ซิลเวอร์มูนที่อยู่ภายในห้องสมุดตระกูลของเขา อีกทั้งยังรับรู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในอดีตมากมายและเขาเองก็ได้รับรู้ถึงความจริงบางอย่างจากบทความเหล่านั้น เขาได้รู้ว่ากาตอนเป็นผู้ที่มีความคิดที่จะยึดครองป่าเอฟเวอร์ไนท์ด้วยตัวของเขาเอง แม้ว่าริชาร์ดจะไม่รู้แน่ชัดว่าเหตุผลที่กาตอนทำเช่นนั้นเป็นเพราะอะไร แต่เขาก็เกิดแรงกระตุ้นบางอย่างขึ้นมา
— ถึงเวลาแล้ว… ถึงเวลาที่จะต้องสะสางหนี้ของอาเครอนให้มันจบๆไปได้แล้ว —
ขณะที่เขาจมอยู่กับความคิดนั้นเองที่เสียงยิ่งใหญ่ดังขึ้นอีกครั้งภายใต้จิตสำนึกของเขา “มนุษย์… เจ้าต้องการจัดสรรพรที่จะได้รับให้กับตระกูลเจ้าและตัวเจ้าเองอย่างไร ?”
ริชาร์ดตอบด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “— แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน —”
ทันทีที่เขาตอบกลับไป นาฬิกาทรายก็ย่อขนาดลดลงครึ่งหนึ่งทว่าบอลแสงยังคงสภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่าเสียงยิ่งใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง “มนุษย์… เจ้าจะได้รับพรของเจ้าในทันที”