ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2205 ชิงอิ่งตื่นแล้ว
ในขณะที่ไล่ตามออกไปจนถึงนอกเมือง ยอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวงก็ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง
เพราะการปรากฏตัวของเป่ยกงจั๋ว จึงทำให้จักรพรรดิตงหวงคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะ ะบอกความสามารถของคนที่เข้าร่วมภารกิจนี้ทั้งหมดให้เป่ยกงจั๋วได้รู้
ในเมื่อตอนนี้แยกทางกันแล้ว จึงได้เริ่มเคลื่อนไหวกองกำลังกลุ่มนี้
ซึ่งพลังในการต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้ จะต้องสามารถจัดการกับมู่เฉินซีได้อย่างแน่นอน
ในเทือกเขาที่อยู่ห่างจากเมืองหนานหวางออกไปนอกเมืองประมานสองลี้ มู่เฉียนซีก็ถูกมู่หลินหลางล้อม มเอาไว้ได้แล้ว
มู่หลินหลางได้คนช่วยพยุงออกมา จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่เฉินซี ทั้งแคว้นตงหวงล้วนเป็นข ของราชวงศ์ตงหวงทั้งสิ้น ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใดก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“อ๋อ! ข้ารู้อยู่แล้วล่ะ!” มู่เฉียนซีตอบกลับอย่างเรียบเฉย
“หรือว่าเจ้าจะขอให้เป่ยกงจั๋วพาเจ้าหนีไปที่แคว้นเป่ยกงอย่างนั้นหรือ? เจ้าถึงได้ยอมออมมือให้เขาขนา าดนั้น อีกทั้งยังเล่นหูเล่นตากับเขา…”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “มู่หลินหลาง สายตาของเจ้าดูเหมือนว่าจะแย่ เกินไปหน่อยแล้ว! ถึงเจ้ากับเป่ยกงจั๋วจะเล่นหูเล่นตากัน แต่ข้าไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน!”
ที่นางไม่อยากจะทำร้ายเป่ยกงจั๋ว นั่นก็เป็นเพราะว่าร่างนั้นเป็นร่างของเสี่ยวไป๋ต่างหาก
สำหรับคนอย่างเป่ยกงจั๋ว นางเกลียดเขาจนลึกเข้าไปถึงกระดูกดำ เกลียดจนแทบอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ อยู่แล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่ามู่หลินหลางจะสร้างสถานการณ์ให้เป็นเช่นนั้นได้!
มีน้ำเสียงที่แหบแห้งเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังของมู่หลินหลาง “ฝ่าบาท อย่าเสียเวลากับแม่สาวน้อยผู้ นี้อยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ รีบสังหารนางเถิด!”
“ลงมือได้!” มู่หลินหลางสั่งการทันที
นางทนรอให้มู่เฉินซีกลายเป็นนักโทษไม่ไหวแล้ว
ความเก่งกาจของชายชราผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าเอ๋าหวางระดับหนึ่ง และเขาก็ลงมือจู่โจมมู่เฉียนซีก่อนเอ๋ าหวางก้าวหนึ่ง
มังกรวารีหมุนเรียนพลังธาตุวารี จากนั้นก็สกัดกั้นชายชราคนนั้นเอาไว้ แต่ทว่าชายชราคนนั้นกลับลง งมืออีกครั้ง!
ตูมมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา และพลังของทั้งสองคนก็เข้าปะทะกัน
ด้วยแรงระเบิดทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ภายในป่าแห่งนี้ โดยที่มีพวกเขาเป็นศูนย์กลาง
พลังที่แสดงให้เห็นนี้ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ทั้งสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หรือแม้กระทั่งสัต ตว์เทพที่อยู่ในป่าแห่งนี้ต่างก็หวาดกลัวจนต้องย้ายไปยังเทือกเขาอื่นในทันที
ในเวลานี้เป่ยกงจั๋วก็ได้ไล่ตามมาทันแล้ว เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ผันผวน เขาก็กล่าวว่า “อยู่ทางนั้ น พวกเราไปกันเถอะ!”
“องค์รัชทายาท ดูจากการเคลื่อนไหวในที่แห่งนี้ ราชวงศ์ตงหวงก็น่าจะส่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันว วิญญาณขั้นสูงสุดมามากกว่าหนึ่งคนเป็นแน่ หากมู่เฉินซีถูกพวกเขาจับได้แล้ว พวกเราคงไม่สามารถชิงตัวคน มาจากมือของราชวงศ์ตงหวงได้แน่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
เป่ยกงจั๋วกล่าวตอบ “หากเจ้ามีความกังวลเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าเจ้าดูถูกมู่เฉินซีเกินไปแล้วล่ะ หากม มู่เฉินซีเป็นคนที่สามารถจัดการได้ง่ายดายขนาดนั้นละก็ ตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับนางคงไม่ล้มเหลวซ้ำแล้ วซ้ำเล่าเช่นนั้นแน่ นอกจากนี้นางยังมีความลับมากมายอีกด้วย หากต้องการจะจับนางให้ได้มันไม่ใช่เรื่อง ที่ง่ายดายเลย ฉะนั้นเราจะรอให้คนของมู่หลินหลางผลาญพลังของนางไปส่วนหนึ่งก่อน หลังจากนั้นถึงจะเป็ นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงมือของพวกเรา”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท!”
ในการต่อสู้ที่หอหมอปีศาจก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ และตั้งใจปล่อยให้มู่เฉินซีหนีไป ป ซึ่งเขาต้องทำเช่นนี้เขาถึงจะมีโอกาสเคลื่อนไหวตามลำพัง และจับตัวมู่เฉียนซีกลับไปได้
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเพียงลำพังนั้นไม่ง่ายดายนัก ดังนั้นเข้าจึงเตรียมที่จะฉวยโอกาศซุ่มอยู่ด้านหลัง งขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่สนใจอยู่กับเรื่องตรงหน้า
แผนของเป่ยกงจั๋วได้รับการคำนวณมาอย่างรอบครอบ และครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่มีทางหนีไปได้อย่างแน่นอน
ตูมมม โครมมมม!
ทั้งสองคนเข้าไปพัวพันอยู่กับมังกรวารี ส่วนมู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่ต้องจัดการกับคนจำนวนมาก โดยที ไม่มีทางหลบหนีได้เลย
แม้ว่าในขณะนั้นมังกรวารีจะต้องรับมือกับทั้งสองคนนั้น แต่เขาก็ได้ช่วยมู่เฉินซีขจัดอุปสรรคออกไปด้ วย ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
มู่หลินหลางรู้สึกว่านางมีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะมาแล้ว และมู่เฉินซีก็ไม่มีทางหนีพ้นไม่ว่าอย่างไรก็ต ตาม!
หุ่นเชิดที่คอยคุ้มครองมู่เฉียนซีก็ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว สุ่ยจิงอิ๋งจึงกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ข้า จะส่งพวกเจ้าออกไปเอง!”
สุ่ยจิงอิ๋งสามารถพาพวกเขาเคลื่อนย้ายไปได้ทั่วทุกพื้นที่
แม้ว่ามังกรวารีจะไม่ค่อยพอใจที่ไม่สามารถสะสางปัญหาเหล่านี้ด้วยตนเองได้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องให้ส สุ่ยจิงอิ๋งใช้พลังมิติเป็นจำนวนมากเพื่อส่งพวกเขาออกไปจริง ๆ และนี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป ป้องนายท่านแล้ว
มังกรวารีกล่าวว่า “นายท่าน ให้สุ่ยจิงอิ๋งลงมือเถิดขอรับ!”
แต่ก่อนที่สุ่ยจิงอิ๋งจะทันได้ลงมือ ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีเขียวอ่อนระเบิดออกมาจากรอบตัวของมู่เฉียน ซี และต้นไม้ที่ถูกทำลายโดยการระเบิดพลังอันแข็งแกร่งก่อนหน้านั้นก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ร่างสีเขียวร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ต่อหน้ามู่เฉียนซี เส้นผมสีดำสนิทของเขาพลิ้วไหวราวกับน้ำตก ก็มิปาน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ตัวเขาดูเงียบสงบราวกับภาพวาดด้วยน้ำหมึกอย่างไรอย่างนั นเลยทีเดียว
“เฉียน ชิงอิ่งตื่นแล้ว!”
“ข้ามาเพื่อปกป้องเจ้า!”
เมื่อชิงอิ่งหันหน้ากลับมา เขาก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยดวงตาอันเงียบสงบที่สั่นไหวเล็กน้อยคู่น นั้นของเขา
ชิงอิ่งที่ตื่นจากการหลับไหลอีกครั้งจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนาง ซึ่งทำราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานับห หมื่นปีอย่างนั้นแหละ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว หลับไหลไปนานถึงเพียงนั้นทำให้ข้าค่อนข้างเป็นก กังวลมากทีเดียว เพียงแต่ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย ความสามารถของชิงอิ่งในตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง? พวกเราสา ามารถบุกทะลวงออกไปได้ หรือว่าต้องทำตามแผนการเดิมกันล่ะ!”
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของชิงอิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว ความสามารถของชิงอิ่งที่ตื่นขึ้นมาคราวนี้ เปลี่ยนเป็นวิปลาสไปแล้ว
ชิงอิ่งกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทะลวง!”
มังกรวารีกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้านายของเหล่าหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ เช่นนั้นความปลอดภัยของนายท่าน ก็ขอมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปจัดการกับเจ้าสองคนนั้นก่อน!”
ตูมมมม โครมมม!
และมังกรวารีก็เริ่มต่อสู้กับคนเหล่านั้นอีกครั้งขึ้นมาทันที
และในขณะที่ศัตรูกำลังเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี ชิงอิ่งก็ได้ขวางอยู่ข้างหน้าของนางเอาไว้ ถึงสีหน้าของเ เขาจะไร้อารมณ์ แต่เขากลับจ้องมองไปยังคนที่เข้ามาใกล้เฉียนเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ปัง ปัง ปัง!
ทันทีที่เขาลงมือ คนเหล่านั้นก็ถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป
ทันใดนั้นต้นไม้บริเวณโดยรอบก็เริ่มเคลื่อนไหว และเช้าไปพัวพันกับคนที่ถูกชิงอิ่งโจมตีจนลอยละลิ่ว ออกไปก่อนหน้านี้เหล่านั้น
“อ๊ากกก!”
“ให้ตายเถอะ! เกิดอะไรขึ้นกับเถาวัลย์เหล่านี้กันแน่เนี่ย?”
“……”
ในตอนที่พวกเขาถูกขังเอาไว้ พวกเขาก็ค้นพบว่าพืชที่อยู่บริเวณโดยรอบแตกต่างไปจากเดิมอย่างกะทันหัน
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะถูกต้นไม้กินคนที่อันตรายจับเอาไว้ แต่ด้วยความสามารถของพวกเขาก็ทำให้สาม มารถหลุดออกมาได้
แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงต้นไม้ธรรมดาเท่านั้น แต่มันกลับกลายพันธุ์อย่างฉับพลัน และตอนนี้มันยัง งแข็งแกร่งยิ่งกว่าโซ่เหล็กซวนชิงหมื่นปีเสียอีก ทั้งยังรับมือได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
ชิงอิ่งยืนอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีอย่างหนักแน่น และเพื่อที่จะปกป้องคนที่อยู่ข้างหลังแล้ว เขาก็ ได้ขจัดอุปสรรค์ที่อยู่บริเวณโดยรอบไปจนหมดสิ้นแล้ว
ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชัน นวิญญาณก็ตาม
บนตัวของคนผู้นี้ไม่มีความผันผวนของพลังวิญญาณใด ๆ เลย แต่ความสามารถที่ทรงพลังอย่างแปลกประหลาดนั้ นทำให้ทุกคนเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ชิงอิ่งเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากสุด ๆ ตามที่คาดไว้จริง ๆ ๆ
สีหน้าของมู่หลินหลางเปลี่ยนไปในทันที จากนั้นนางก็จ้องเขม็งไปที่ชิงอิ่ง
คนที่งดงามราวกับภาพวาดผู้นี้ ชายที่สามารถทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวได้แต่กลับให้ความรู้สึก ราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าของพวกเขาแสดงออกมาอย่างหลากหลายมาก เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเขานั้นโหดเหี้ยมมากจริง ๆ
“เจ้า…ที่จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”
มีบุคคลยิ่งใหญ่ที่แปลกประหลาดปรากฏตัวออกมาจากอากาศ และคนของพวกเขาก็ไม่มีทางเข้าใกล้มู่เฉินซี ได้ เลยเช่นกัน
ตอนนี้ความหวังเดียวคือให้เอ๋าหวางและสวี่เหล่า เอาชนะชายในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้นี้ให้ได้เท่านั้น
เอ๋าหวางสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้มีเรื่องผิดปกติ เพียงแค่อีกฝ่ายมีผู้ช่วยปรากฏตัวออกมาอีกคน หนึ่งเท่านั้น แต่กลับทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เอ๋าหวางกล่าวว่า “สวี่เหล่า เจ้าถอยออกไปซะ! ข้าจัดการเอง!”
และในเวลานี้ พวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าการเสียสละคืออะไร?
ฝ่าบาทได้มอบหมายงานสำคัญให้ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเสียสละครั้งใหญ่อีก แต่ก็ไม่อาจทำให้ฝ่าบาทต้องผิ ดหวังได้ ฉะนั้นเขาก็จะต้องทำภารกิจครั้งสำคัญนี้ให้สมบูรณ์มากที่สุดอยู่แล้ว!