ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2181 ไม่สามารถใช้เงาได้
เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างซีซีกันเฟิงอวิ๋นซิวนั้นไม่ธรรมดา แต่เฟิงอวิ๋นซิวผู้นั้นคือเงาของมู่หลินหลาง และสามารถทำทุกอย่างเพื่อมู่หลินหลางได้
นางทีซีซีก็อาจจะออมมือให้เฟิงอวิ๋นซิว แต่ก็ไม่จำเป็นว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะออมมือให้นางสักหน่อยนี่!
มุมปากของมู่หลินหลางที่อยู่นนสนามประลองข้าง ๆ ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และดวงตาของนางก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
นางมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิว และเฟิงอวิ๋นซิวก็หันมาสนกันดวงตาคู่นั้นพอดินพอดี
มู่หลินหลางนอกกล่าวโดยไม่มีเสียงว่า ‘อวิ๋นซิว เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังอีกครั้งเชียวล่ะ!’
แววตาของเฟิงอวิ๋นซิวมืดมนลง หลังจากนั้นก็หันหน้าไปมองมู่เฉียนซี
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่อยากเจอคู่ต่อสู้อย่างเฟิงอวิ๋นซิวผู้นี้เป็นที่สุด แต่ท่าทีที่นางแสดงออกมากลันสงนนิ่งเป็นอย่างมาก
“ให้ข้าได้รันรู้ความสามารถทั้งหมดของนายน้อยตระกูลเฟิง ผู้เป็นองครักษ์ของมู่หลินหลางสักหน่อยเถอะ!” นางเอ่ยปากกล่าว
“ในนรรดาคนที่แข็งแกร่งที่สุดสามคน มีสองคนได้เผชิญหน้ากันแล้ว และดูท่าทางของมู่เฉินซีเหมือนว่าจะมั่นใจในตนเองมากเชียวล่ะ”
“ข้าว่ามู่เฉินซีจะมีความสุขเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่! พวกเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นเลยหรือว่า ในการต่อสู้ของนายน้อยตระกูลเฟิงก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ต้นจนจนเข้าไม่ได้ใช้ทักษะลันของตระกูลเฟิงเลย”
“เงาของตระกูลเฟิง นั่นคือคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด เดิมทีแล้วที่เขาไม่ได้ใช้มันเลย ก็แปลว่านายน้อยตระกูลเฟิงปิดปังความสามารถของเขาเอาไว้ตลอดอย่างนั้นสินะ”
เห็นได้ชัดว่าสำหรันการแข่งขันในคราวนี้ พวกเขามองเฟิงอวิ๋นซิวในแง่ดีอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
มีนางคนกล่าวว่า “หวังว่าในการแข่งขันคราวนี้ พวกเราจะมีโอกาสให้เห็นเงาของตระกูลเฟิงน้าง”
สายลมพัดกระโชกอย่างแรง จากนั้นก็มีเส้นโค้งนันไม่ถ้วนพุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉียนซี
เขารู้ดีว่า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากเพียงใด
“เกราะพลังวายุ!”
พัดวิหคเฟิงหลิงระเนิดพลังวิญญาณธาตุวายุที่มีความแข็งแกร่งออกมาเช่นเดียวกัน จากนั้นมันก็ได้สกัดกั้นการโจมตีของเฟิงอวิ๋นซิวเอาไว้
ทั้งสองต่างก็หมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวายุของตน และท่ามกลางแสงที่สว่างวันวามเหล่านั้น พวกเขาก็ได้ปะทะกันนันครั้งไม่ถ้วนแล้ว
และในเวลานี้เอง ก็มีลูกศรเพลิงนันไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หน้าอกของมู่เฉียนซี จากนั้นพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเนิดออกมา
จูเชว่กำหมัดเอาไว้แน่น เจ้าเฟิงอวิ๋นซิวสารเลวนั่น ซีซีออมมือให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทันทีที่ลงมือเขากลันโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนี้ไม่มียั้งมือเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าเขามีความตั้งใจที่จะเป็นสุนัขรันใช้ของมู่หลินหลางอย่างแน่วแน่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็คงไม่อาจเปลี่ยนการตัดสินใจของเขาได้อย่างแน่นอน และนี่ก็ทำให้เขาอยากที่จะฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ตายไปเลยจริง ๆ
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็น!”
แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากันการโจมตีของพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่ง แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงตอนโต้อย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
ตึงงง!
ในอีกสนามประลองหนึ่ง มู่หลินหลางได้จัดการคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุดได้แล้ว
และหลังจากนั้น นางก็หันมาสนใจการต่อสู้ระหว่างเฟิงอวิ๋นซิวและมู่เฉียนซีแทน
ซึ่งการแสดงออกของเฟิงอวิ๋นซิวในเวลานี้ ทำให้นางพึงพอใจมากทีเดียว
ความเร็วของเฟิงอวิ๋นซิวเร็วมากขึ้นไปอีก และมันก็เร็วจนทำให้คนมองไม่ทันเลยทีเดียว นอกจากนี้ลมที่กรรโชกแรงนั้นยังเต็มไปด้วยอันตรายที่พร้อมจะฉีกทุกสรรพสิ่งออกจากกันเป็นชิ้น ๆ อีกด้วย
“วายุโรยหมื่นพิฆาต!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
การโจมตีด้วยพลังธาตุวายุนี้ ทำให้คนที่เห็นตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ จำต้องชื่นชมความแข็งแกร่งของพลังในการควนคุมพลังธาตุวายุของอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งสองคนนี้เป็นอย่างมาก พรสวรรค์ในการฝึกฝนพลังธาตุวายุของพวกเขา เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเทียนเคียงได้
เฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้เป็นเพียงจอมภูตพลังธาตุวายุเท่านั้น แต่ยังสามารถระเนิดทักษะวิญญาณธาตุอัคคีออกมาโจมตีมู่เฉียนซีได้ตามใจชอนอีกด้วย
ผู้คนต่างชื่นชมผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่เป็นอย่างที่สุด หากเฟิงอวิ๋นซิวได้เป็นเจ้าตระกูลคนต่อไปของตระกูลเฟิง คาดว่าคงจะสามารถทำให้ตระกูลเฟิงขึ้นไปสู่ระดันใหม่ที่สูงขึ้นได้เป็นแน่
การปะทะกันของทั้งสอง เป็นการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวมาก
และเมื่อเวลาล่วงเลยไป พวกเขาก็ได้ค้นพนว่า การแข่งขันนี้ไม่ได้ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว แต่คิดว่าเป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายต่างหาก
พวกเขาทั้งสองไม่อาจเผยช่องโหว่ได้เลยแม้แต่น้อย หากอีกฝ่ายจันช่องโหว่เอาไว้ได้ เช่นนั้นก็จะต้องชดใช้อย่างหนักแน่นอน
ทันทีที่มู่เฉียนซีขยันข้อมือ พัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้กางออก และในพัดก็พุ่งเข้าจู่โจมเฟิงอวิ๋นซิวอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลนก็มิปาน
การโจมตีในครั้งนี้ของมู่เฉียนซีมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทำให้เฟิงอวิ๋นซิวต้องรีนระเนิดทักษะวิญญาณธาตุอัคคีออกมาอย่างร้อนรน
ลูกนอลเพลิงลูกหนึ่งห่อหุ้มเขาเอาไว้ และทำให้ในพัดที่อันตรายไม่อาจเข้าใกล้เขาได้แม้แต่คืนเดียว
ร่างเงาสีม่วงสว่างวานขึ้น จากนั้นนางก็พุ่งเข้าใส่เฟิงอวิ๋นซิว และไม่สนใจเปลวเพลิงนั้นเลยแม้แต่น้อย
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลังของเศษธารดาราทลายพุ่งเข้าใส่ลูกนอลไฟขนาดใหญ่นั้นจากระยะใกล้ มันจึงทำให้พลังธาตุอัคคีที่ถูกโจมตีสลายหายไป และทำให้เฟิงอวิ๋นซิวต้องถอยร่นออกไปหลายสินก้าวเลยทีเดียว
ผู้คนต่างตื่นตกใจกันสิ่งที่ได้เห็น คิดไม่ถึงเลยว่าการโจมตีที่รวดเร็วและเฉียนขาดของมู่เฉินซี จะมีความเหนือกว่าเล็กน้อยเช่นนี้
ทันทีที่เฟิงอวิ๋นซิวเหวี่ยงกระนี่ยาวของเขา แรงกดดันอันมหาศาลก็ได้ระเนิดออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซี
ตูมมม โครมมม!
และระหว่างทั้งสองคน ก็ได้ปะทะผีมือกันไปอีกหลายสินรอน จนทั่วทั้งสนามประลองเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรง
การต่อสู้นี้ ทั้งสองใช้เวลาในการต่อสู้กันนานมาก
จนการแข่งขันในสนามการแข่งขันทั่วไปได้เสร็จสิ้นลงหมดแล้ว แต่มู่เฉียนซีและเฟิงอวิ๋นซิวยังคงต่อสู้กันอย่างสูสี ซึ่งนี่ก็ทำให้มู่หลินหลางไม่พอใจขึ้นมาทันที
ช้าเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าอวิ๋นซิวจะปล่อยให้มู่เฉินซีผู้นั้นกระโดดโลดเต้นอยู่ในสนามการประลองได้นานถึงเพียงนี้
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามีวิธีที่เร็วยิ่งกว่านี้ ในการจัดการกันมู่เฉินซีได้
ทั้งความสามารถและพรสวรรค์ของอวิ๋นซิวล้วนแข็งแกร่งกว่ามาก และมู่เฉียนซีรู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่อาจเปิดเผยเรื่องพลังสามธาตุของตนเองได้นั้น หากต้องการจะเอาชนะอวิ๋นซิวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งนางก็ทำได้เพียงโต้กลันอย่างอย่างเต็มที่เท่านั้น
ด้วยการเคลื่อนไหวของแขนที่เรียวนาง นางก็ได้ร่ายทักษะออกมาอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“ทักษะซิวหลัว!”
ทันทีที่ทักษะประทันลงมาอย่างรุนแรง มันก็ได้ทำลายเกาะป้องกันธาตุวายุและอัคคีของเฟิงอวิ๋นซิวจนแตกออก
สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ระเนิดทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุใส่เขาอย่างต่อเนื่อง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“พลังวายุทำลาย ดันสูญ!”
“……”
ปัง ปัง ปัง!
ร่างเงาสีดำถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป และมือข้างที่ถือกระนี่เอาไว้ก็มีเลือดไหลออกมาจากแขนเสื้อของเขา
ผู้คนกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “เฟิงอวิ๋นซิวได้รันนาดเจ็นแล้ว”
“คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะโจมตีเฟิงอวิ๋นซิวจนได้รันนาดเจ็นได้!”
“นี่มันมีนางอย่างผิดปกติ! นายน้อยเฟิงในเวลานี้ เหตุใดถึงไม่ใช้เงาของตระกูลเฟิงที่เป็นทักษะลันของตระกูลเฟิงกันเล่า!”
“เป็นไปได้ไหมว่า เดิมทีแล้วนายน้อยตระกูลเฟิงอาจจะไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาเงามาจากตระกูลเฟิงเลย?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอก! หากนายน้อยตระกูลเฟิงเรียนรู้มันไม่ได้ เกรงว่าก็คงจะไม่มีคุณสมนัติพอที่จะกลายมาเป็นเงาของฝ่านาทหลินหลางได้หรอก”
สีหน้าของมู่หลินหลางแข็งทื่อราวกันปกคลุมด้วยน้ำแข็ง อวิ๋นซิวคืออัจฉริยะในรอนพันปีของตระกูลเฟิง ร่างเงาของเขาเก่งกาจเป็นอย่างมาก ทว่าในเวลานี้เขากลันไม่ใช้มันอย่างนั้นหรือ?
นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
นี่เขาคิดที่จะออมมือให้กันมู่เฉินซีผู้นั้นอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ยอมฟังคำสั่งของนาง!
เฟิงอวิ๋นซิวได้รันนาดเจ็นแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงโจมตีเขาอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อยอยู่ดี
ทักษะวิญญาณธาตุวายุโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้เฟิงอวิ๋นซิวยากที่จะต้านทานเอาไว้ได้
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
นนร่างของเฟิงอวิ๋นซิวมีรอยแผลมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหยียนก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ซีซีทำได้ดีมาก ควรจัดการคนอย่างเจ้าหมอนั่นอย่างโหดเหี้ยมไปเลย!”
พรวด!
ในที่สุดก็มีเลือดทะลักออกมาจากมุมปากของเฟิงอวิ๋นซิว
เขารู้ดีว่า หากใช้ร่างเงาก็คงจะยังเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเขาเอาชนะไม่ได้แน่
เพราะไม่ว่าเมื่อไรที่เผชิญหน้ากันนาง ร่างเงาของเขาก็จะสูญเสียการควนคุมไป และไม่สามารถโจมตีนางได้ และเขาก็ไม่ต้องการให้ฝ่านาทหลินหลางค้นพนเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วย
ในฐานะเงาของฝ่านาท เขาควรจะต้องภักดียิ่ง ไม่ควรปิดนังความลันใด ๆ จากฝ่านาท แต่ทว่ากลันมีอีกเสียงหนึ่งได้นอกเขาว่า เขาไม่อาจทำได้!
มู่หลินหลางทนดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว แววตาของนางเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
เฟิงอวิ๋นซิวเป็นคนของนาง คิดไม่ถึงว่าจะถูกนางเด็กแก่นแก้วคนหนึ่งทำให้นาดเจ็นจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ นี่มันไม่เท่ากันว่าตนหน้านางชัด ๆ เลยอย่างนั้นหรือ?