ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2179 การพบกันของทั้งสอง
แม้จะรู้ว่าอาจจะต้องพ่ายแพ้ แต่ก็มีบางคนที่ใช้ประโยชน์จากโอกาสสุดท้ายนี้ในการลงมือ
พลันนั้นสนามประลองที่หนึ่งถึงเก้าก็คึกคักขึ้นมาทันที แต่ทว่ากลับไม่มีคนสนใจสนามประลองที่สิบเลยสักคนเดียว
พวกเขาไม่โง่ถึงขนาดเข้าไปขอท้าทายคนวิปลาสอย่างมู่เฉินซีหรอก
การแข่งขันมาถึงตอนจบ และในที่สุดก็ถึงเวลาแล้ว
ค่ายกลเคลื่อนย้ายเริ่มทำงาน ส่วนเรื่องที่ว่าครั้งต่อไปจะเคลื่อนย้ายไปที่ใดนั้น พวกเขาต่างก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
และในเวลานี้ จูเชว่ที่ปลอมตัวเป็นเหยียนเหลียนเจียได้ซุ่มอยู่ที่เมืองตงหวงเรียบร้อยแล้ว
เขาได้รับข่าวมาว่า สนามการแข่งขันรอบที่สี่ของการแข่งขันอัจฉริยะครั้งใหญ่ในคราวนี้ อยู่ที่สนามแข่งขันหลวงของเมืองหลงตงหวง
สนามแข่งขันในคราวนี้ แน่นอนว่ามีขนาดใหญ่มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันที่มีจำนวนคนดูมากที่สุดอีกด้วย
ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออก ล้วนก็มีสิทธิ์เข้ามาในสนามแข่งขันแห่งนี้ และรับชมได้ตามกติกา
ราชวงศ์ตงหวงยังได้ส่งจดหมายเชิญไปยังสำนักใหญ่ต่าง ๆ ทั้งกองกำลังระดับสี่ครึ่งขึ้นไป จนถึงกองกำลังที่ระดับต่ำกว่ากองกำลังระดับสามต่างก็ได้รับจดหมายเชิญทั้งสิ้น
นี่คือจดหมายเชิญของกองกำลังระดับห้าอย่างราชวงศ์ตงหวง แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะไม่ให้เกียรติอยู่แล้ว แม้ว่าเจ้าสำนักจะไม่สามารถมาที่งานได้ด้วยตนเอง แต่จำต้องส่งคนสำคัญมาเป็นตัวแทนอยู่ดี
การจัดการแข่งขันอัจฉริยะครั้งยิ่งใหญ่ในคราวนี้มีการประโคมข่าวอย่างเอิกเกริก หากได้แสดงความสามารถของตนในการแข่งขันใหญ่ และยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่นก็อาจจะได้รับความสนใจจากทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงก็เป็นได้ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว
นอกจากนี้ทางราชวงศ์ตงหวงยังส่งจดหมายเชิญไปยังพระราชวังของราชวงศ์เป่ยกงเพื่อเชิญให้มาชมการแข่งขันใหญ่ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เพราะเหตุใดราชวงศ์ตงหวงถึงทำเช่นนี้อย่างนั้นหรือ หากคนที่ไม่ได้คิดอย่างลึกซึ้งก็คงจะคิดว่าราชวงศ์ตงหวงกำลังใส่ใจกับอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวง
แต่ทว่าคนของวงในนั้นต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่า ทางราชวงศ์ตงหวงต้องการที่จะสร้างอำนาจให้กับมู่หลินหลางต่างหาก
หากสามารถเอาชนะอัจฉริยะคนอื่น ๆ ของราชวงศ์ตงหวง ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับหมื่นได้ ก็จะกลายเป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง
การแข่งขันรอบที่สี่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ได้เวลานับถอยหลังแล้ว ส่วนจูเชว่ก็ได้ตำแหน่งมุมมองที่ดีมากเลยทีเดียว
ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายเหล่านั้น ซีซีที่ผ่านด่านมาได้ทั้งสามด่าน ในที่สุดก็กำลังจะมาปรากฏอยู่ที่นี่แล้ว
มีการใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมดสิบแห่ง คนแรกที่เดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายก็คือหญิงสาวที่สวมชุดออกรบสีแดงเพลิงอันงดงามคนหนึ่ง นอกจากนี้นางยังดูหยิ่งผยองราวกับหงส์แห่งเพลิงโลกีย์อย่างไรอย่างนั้น
ด้วยผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลา รูปร่างหน้าตาที่งดงามอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังดูสูงศักดิ์และหยิ่งผยอง และคนผู้นี้ก็คือมู่หลินหลางผู้เป็นไข่มุกที่เปล่งประกายมากที่สุดของราชวงศ์ตงหวง หรือก็คือองค์หญิงหลินหลางนั่นเอง
ผู้คนมากมายต่างพากันจ้องมองไปยังมู่หลินหลางด้วยความพร้อมเพียง แม้บางคนจะเหลือบตามองแค่เพียงแวบเดียว ทว่าล้วนถูกนางดึงดูดความสนใจไปจนหมดอยู่ดี
ส่วนด้านหลังของนาง ก็มีชายที่สวมชุดคลุมสีดำสนิทคนหนึ่งยืนอยู่
ชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ในราชวงศ์ตงหวงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะสามารถเทียบเคียงกับเขาได้ แต่ทว่าดวงตาสีอำพันคู่นั้นกลับจ้องมองเพียงหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เท่านั้น และนั่นก็ทำให้เขามักจะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเมินเฉย
และจูเชว่ก็จ้องมองไปที่คนผู้นั้น ด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก
มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากภายในค่ายกลเคลื่อนย้าย และคนที่เดินนำมานั้นก็คือหญิงสาวในชุดสีม่วงคนหนึ่ง
เครื่องแต่งกายของนางนั้นดูเรียบง่าย ยิ่งเมื่อเทียบกับฝ่าบาทหลินหลางแล้วดูซอมซ่อกว่ามากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหน้าตาของนางนั้นจะงดงามมาก แต่เมื่อเทียบกับฝ่าบาทหลินหลางก็ยังคงแตกต่างกันมากอยู่ดี
แต่สิ่งที่น่าดึงดูดของนางนั้นคือสีหน้าที่มั่นใจ นอกจากนี้อารมณ์ที่ดูสงบนิ่งและดูสูงศักดิ์นั้น ก็เป็นอารมณ์ที่ฝ่าบาทหลินหลางไม่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย
และทันทีที่มู่เฉียนซีปรากฏตัวออกมา ดวงตาที่เย่อหยิ่งของมู่หลินหลางก็ได้เปลี่ยนไป นอกจากนี้นางยังซ่อนเจตนาฆ่าที่ส่องประกายอยู่ในแววตาเอาไว้ไม่อยู่อีกด้วย!
เจ้าพวกไร้ประโยชน์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะปล่อยให้มู่เฉินซีมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านางเช่นนี้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำกันไม่ได้
พลันนั้นรอยยิ้มขี้เล่นก็ปรากฏขึ้นมาบนมุมปากของมู่เฉียนซี “มู่หลินหลาง ข้าเฝ้ารอวันที่จะได้สู้กับเจ้ามานานแล้ว!”
อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี แต่ทางมู่เฉียนซีกลับอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เรื่องที่วางแผนมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ในที่สุดมันก็จะประสบความสำเร็จเสียที
ไม่ว่าจะด้วยความทระนงที่ไร้สาระของมู่หลินหลางหรือว่าเพราะเหตุผลอื่นใดก็ตาม ที่ทำให้การแข่งขันอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวงคราวนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่นางปรารถนาเอาไว้พอดิบพอดี!
มู่หลินหลางกำหมัดเอาไว้แน่น มู่เฉินซีผู้นี้ช่างกล้าหาญเสียจริง คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าท้าทายนางต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้
แต่ทว่า นางไม่สามารถที่โมโหหรือทำอะไรตามอำเภอใจในตอนนี้ได้ เนื่องจากว่ามีผู้คนมากมายกำลังจับตาดูนางอยู่ ถึงอย่างไรเสียนางก็มีภาระของการเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์อยู่ด้วย
มู่หลินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องพยายามให้ดีแล้วล่ะ อย่าตกรอบเร็วเกินไปนักล่ะ มู่เฉินซี”
การพูดคุยระหว่างทั้งสองคน ทำให้ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการประดาบสัปประยุทธ์อันดุเดือดก็มิปาน แม้จะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่การพูดคุยเพียงแค่สองประโยคเท่านั้นก็ตาม
พวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์ตงหวง ซึ่งมีพรสวรรค์อันน่าทึ่งตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ มีความเหนือกว่าคนในรุ่นราวคราวเดียวกันมาก
ทว่าอีกคนกลับเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญอิสระที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน นอกจากนี้นางยังปรากฏตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นในทุกการแข่งขันอีกด้วย และในที่สุดก็มาถึงการแข่งขันรอบที่สี่ของการแข่งขันอัจฉริยะครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงแห่งนี้จนได้
หญิงสาวทั้งสองคนนี้เป็นผู้ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก และคาดว่าน่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการแข่งขันครั้งใหญ่ในคราวนี้อีกด้วย
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกสองสามอันก็ได้ถูกเปิดออก และทุกค่ายกลก็มีคนเดินออกมาค่ายกลละสิบคน
การแข่งขันครั้งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงในครานี้ มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่รักษาชีวิตมาจนถึงสนามแข่งขันรอบที่หนึ่งของทั้งห้าเขตพื้นที่ได้ ซึ่งก็มีจำนวนคนนับแสนคนเลยทีเดียว เมื่อมาถึงสนามการแข่งขันรอบที่สองก็มีคนมากกว่าหมื่นคน จนพอมาถึงการแข่งขันรอบที่สามก็มีมากกว่าพันคน
แต่ทว่าตอนนี้ เหลือเพียงแค่ร้อยคนเท่านั้น
อัจฉริยะเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่ถูกคัดสรรออกมาอย่างประณีตจากบรรดาอัจฉริยะมากมายในราชวงศ์ตงหวง และพรสวรรค์ของพวกเขาแต่ล่ะคนต่างก็แข็งแกร่งมากอีกด้วย
ถึงตัวจักรพรรดิตงหวงจะไม่ได้มาเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันคราวนี้ แต่เนื่องจากองค์หญิงหลินหลางผู้เป็นที่รักอยู่ในสนามแข่งขันนี้ด้วย องค์จักรพรรดิตงหวงจึงได้ส่งอำมาตย์ผู้ช่วยที่ไว้ใจที่สุดมาเป็นเจ้าภาพแทน
“ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่มาถึงสนามการแข่งขันรอบที่สี่นี้ได้ การแข่งขันในรอบนี้เป็นการแข่งขันจัดอันดับหนึ่งร้อยคนแรก”
“และกฏในการแข่งขันจัดอันดับนั้นง่ายดายมาก ทุกสนามแข่งขันจะปรากฏชื่อขึ้นมาสองชื่อ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปบนสนามประลองเพื่อทำการแข่งขัน เมื่อชนะหนึ่งรอบ ก็จะถือว่าได้หนึ่งคะแนน และทุกคนก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ทั้งหมดสิบรอบ”
สนามการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง สนามการประลองถูกแบ่งออกมาห้าสิบแห่ง โดยที่กลุ่มผู้เข้าแข่งขันกลุ่มหนึ่งมีทั้งหมดสองคน ซึ่งทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นห้าสิบกลุ่ม
คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ทุกคนล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก การแข่งขันรอบสุดท้ายนี้กำลังจะเริ่มแล้วใช่หรือไม่? การเผชิญหน้าของอัจฉริยะระดับแนวหน้าของราชวงศ์ตงหวง มันช่างน่าตื่นเต้นมากเลยจริง ๆ
คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี เป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของกองกำลังระดับสี่ครึ่ง ชื่อว่าลู่จวิ้น
มุมปากของคนผู้นี้ยกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย ซึ่งมันก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงการดูถูกเหยียดหยาม
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของแม่นางมู่มานานแล้ว แต่กลับไม่มีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเจ้าเลย ครั้งแรกที่ได้พบกันกลับเป็นการต่อสู้จัดอันดับเสียได้ การที่ต้องลงไม้ลงมือกับเจ้า มันทำให้ข้าเสียใจมากจริง ๆ”
“สำหรับสาวงามแล้ว ข้ามักจะอ่อนโยนอยู่เสมอ แม่นางมู่อย่าได้กังวลเลย!”
เขาดูเหมือนคนเสเพลที่วิ่งอยู่ในทุ่งดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังเป็นพวกรักหยกถนอมบุปผาโดยเฉพาะอีกด้วย
สำหรับการแสดงออกเช่นนี้ของเขา มู่เฉียนซีตอบรับอย่างเฉยชาเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมอนี่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับนิรันดร์เลยด้วยซ้ำ แล้วยังจะมาคิดใช้วิธีเช่นนี้ดึงดูดนาง และทำให้นางชะล่าใจอีกหรือ
มันจะดูถูกนางมากเกินไปแล้ว
มู่หลินหลางเหลือบมองมาทางสนามแข่งขันของมู่เฉียนซี คิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้สู้กับลู่จวิ้น
เมื่อเห็นว่าสาวงามที่น่าหลงใหลมองมา ลู่จวิ้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มากขึ้นไปอีก ก่อนจะกล่าวว่า “ไอ๊หยา! แม่นางมู่ ดูเหมือนว่าฝ่าบาทหลินหลางจะไม่ค่อยชอบเจ้าเท่าไรเลยนะ?”
เนื่องจากว่าเขาติดต่อกับหญิงสาวมามากมาย แน่นอนว่าเขาจะต้องเข้าใจความคิดของผู้หญิงแน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่าฝ่าบาทหลินหลางจะแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปมาก แต่สุดท้ายแล้วก็คือผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ดี
.