ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2175 เทียบกับฝ่าบาท
หลังจากที่โจวชิ่งได้ปะลองฝีมือกับมู่เฉินซี เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่า ตัวเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉินซีเลย
แต่ถึงเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉินซี ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนอื่นด้วย
หากจะต้องตกรอบเขาก็จะลากคนในกลุ่มของนางให้ตกรอบไปด้วย เพื่อที่จะทำให้มู่เฉินซีลำบากขึ้นมาบ้าง
ความคิดของโจวชิ่งนั้นช่างชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง และด้วยความสามารถของไป๋จิ่งเยว่ที่แตกต่างกับเขาถึงหนึ่งระดับ มันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะหลบหลีกได้พ้นอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาคิดว่ากำลังจะทำได้สำเร็จ ก็ได้มีร่างเงาสีม่วงมาขวางหน้าเขาไว้ราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เดิมทีคิดว่าจะทำให้เจ้าตกรอบไปโดยเร็ว แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรนหาที่ตายเช่นนี้! ต้องการที่จะต่อสู้กับไป๋จิ่งเยว่อย่างนั้นหรือ เอาสิ! ข้าจะให้เจ้าสมปรารถนาเอง”
ฉึก!
เข็มยาเล่มหนึ่งปักลงไปบนแขนของเขา และผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดอย่างเขาก็กลายเป็นระดับแปดไปในทันที
โจวชิ่งเบิกตากว้าง นี่เขา…
เมื่อครู่นี้มันอันตรายมาก ไป๋จิ่งเยว่จึงกล่าวว่า “เฉียนซี ขอบคุณเจ้ามาก!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะกล้ารังแกเจ้า ตอนนี้ระดับของเขาเทียบเท่ากับเจ้าแล้ว ฉะนั้นก็อย่าประมาทและค่อย ๆ ทรมานเขาอย่างช้า ๆ ข้าจะไปช่วยจางหยวน” มู่เฉียนซีกล่าว
“ได้! ข้าจะไม่ทำให้เฉียนซีผิดหวังแน่นอน” ไป๋จิ่งเยว่กล่าวตอบ
คนที่เป็นคนดีอยู่เสมออย่างไป๋จิ่งเยว่ได้ถูกมู่เฉียนซีทำให้บิดเบี้ยวไปเล็กน้อยแล้ว ในเมื่อมีแค้นก็ต้องชำระ ไม่มีทางเกรงใจอยู่แล้ว
จางหยวนกล่าวว่า “เจ้าเก่งกาจกว่าข้ามากจริง ๆ”
ทางด้านของนางได้รับการจัดการไปไม่น้อยแล้ว แต่ทางเขาพึ่งจะจัดการไปได้คนเดียวเท่านั้น
“ความสามารถของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่หากตอนนี้พวกเราทั้งสองร่วมมือกัน การจะกวาดล้างพวกเขาก็ไม่มีปัญหาแน่นอน”
สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “พวกเจ้าอย่าได้ใจกันนักเลย!”
ในเมื่อพูดว่ากวาดล้างก็กวาดล้างทันที และสุดท้ายก็ไม่เหลือผู้ติดตามเลยแม้แต่คนเดียว
มู่เฉียนซีปล่อยจางหยวนให้จัดการคนผู้นี้ เพราะนางสังเกตได้ว่ามีใครบางคนกำลังตรงมาทางนี้เช่นกัน
และดูเหมือนว่ามีคนคิดที่จะฉวยโอกาสในการลอบโจมตี ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงพุ่งขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เฮ้ พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะลอบโจมตีกลุ่มของข้า? จะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะ”
ตอนนี้พวกนางรวบรวมได้ครบสามกลุ่มแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้อีก
“มู่เฉินซีหรือ?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นมู่เฉินซี นี่มันเป็นโชคแบบไหนกันแน่นะ?”
“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แหะ ๆ ๆ!”
เมื่อเห็นว่าเป็นมู่เฉินซี พวกเขาก็ยอมละทิ้งวิธีการนี้ทันที และหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
ด้วยความสามารถที่ทัดเทียมกัน ทำให้ไป๋จิ่งเยว่สามารถทรมานโจวชิ่งได้สำเร็จ
ส่วนจางหยวนก็จัดการคนผู้นั้นไปเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองกลุ่มก็ถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์
“ยินดีด้วย พวกท่านเป็นกลุ่มแรกที่ทำภารกิจในการล่ากลุ่มย่อยจำนวนสามกลุ่มของสนามการแข่งขันนี้ได้สำเร็จ จะทำการเคลื่อนย้ายทุกท่านไปยังมิติพักฟื้นในทันที เพื่อรอเริ่มการแข่งขั้นในรอบที่สาม”
ทันใดนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ได้เริ่มดำเนินการ และพวกเขาก็ถูกย้ายมายังสวนดอกไม้ที่งดงามแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในสวนดอกไม้นี้มีของว่างนานาชนิดวางเรียงรายอยู่มากมาย
หลังจากที่ทำการแข่งขันมาสองสนามติดต่อกัน พวกเขาก็ได้จัดเตรียมสถานที่ที่ดีสำหรับพักผ่อนไว้ให้พวกเขาด้วย
เจี้ยนเจี้ยนเริ่มลงมืออย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “สมกับที่เป็นสิ่งของที่ราชวงศ์ตงหวงผู้เป็นถึงกองกำลังระดับห้าทำออกมา อร่อยมาก ช่างอร่อยเหลือเกิน ฮืออ...”
และเนื่องจากว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวที่อยู่ที่นี่ จึงสามารถเลือกกินและดื่มได้อย่างอิสระ
เมื่อเวลาล่วงเลยไป คนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยกันมาถึงกันบ้างแล้ว และทั่วทั้งสถานที่พักผ่อนนี้ก็เปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นมาทันที
ในสถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ต่อสู้กัน และหากทำการต่อสู้กันก็จะถูกไล่ออกไปจากสถานที่ทันที
“การแข่งขันรอบที่สองเป็นสนามการแข่งขันของดินแดนทางทิศใต้กับดินแดนทางทิศเหนือ เช่นนั้นการแข่งขันรอบที่สามคาดว่าอัจฉริยะทุกคนน่าจะมารวมตัวกันทั้งหมดสินะ ไม่รู้ว่าจะโชคดีพอที่จะได้เจอองค์หญิงหลินหลางหรือไม่?”
“เจ้ายังคิดที่จะได้เจอองค์หญิงหลินหลางอีกหรือ หากได้เจอเจ้าคงจะต้องถูกฆ่าตายภายในพริบตาเดียวเลยกระมัง! ตอนนี้องค์หญิงหลินหลางบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้วนะ ในสายตาข้าอัจฉริยะของทั่วทั้งแดนซวนเทียน จะมีผู้ใดสามารถเทียบกับฝ่าบาทหลินหลางได้อีก”
“……”
ในช่วงเวลาพักผ่อน มีผู้คนมากมายรวมตัวและนั่งพูดคุยกัน
เจี้ยนเจี้ยนกล่าวว่า “ใครว่าไม่มีผู้ใดเทียบได้กัน ลูกพี่มู่ของข้าก็สามารถเทียบได้เช่นกัน”
“นั่นมันมู่เฉินซีนี่!” ทันทีที่เขาพูดขึ้นมาเช่นนี้ ก็มีผู้คนไม่น้อยที่หันหน้ามามองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ถึงมู่เฉินซีจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่ก็คงต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ดีแหละน่า! ถึงทักษะวิญญาณของนางจะแข็งแกร่ง แต่ฝ่าบาทหลินหลางที่ฝึกฝนสุดยอดทักษะวิญญาณของกองกำลังระดับห้า ย่อมต้องเก่งกาจมากกว่าอยู่แล้ว ความได้เปรียบของนางก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับองค์หญิงแห่งกองกำลังระดับห้า คาดว่าคงจะไม่ได้เปรียบมากเท่าไรนักหรอก”
“ใช่แล้ว! แล้วยังคิดที่จะมาเทียบกับฝ่าบาทหลินหลางอีกรึ!”
“……”
พวกเขาได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือแล้ว ว่าเหล่าคนที่ไปสร้างปัญหาให้กับมู่เฉินซี ต่างก็ตกรอบไปกันหมด
ซึ่งพวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองมู่เฉินซีผ่านด่านไปโดยที่ไม่กล้าจัดการกับนาง และพลาดรางวัลไปอย่างเปล่าประโยชน์
ถึงภายในใจของพวกเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงแค่เปรียบเทียบทางวาจาเท่านั้น
ทันใดนั้นมู่เฉินซีก็ยืนขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก “มู่เฉินซี เจ้าอย่าเข้ามาส่งเดช ที่นี่เป็นพื้นที่ห้ามต่อสู้นะ”
พวกเขาเริ่มหวาดกลัวที่จะถูกนางทุบตี มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่อยากจะบอกพวกเจ้า ที่บอกว่าข้าสู้มู่หลินหลางไม่ได้ว่า เมื่อถึงตอนแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ก็อย่าลืมแหกตาสุนัขของพวกเจ้าดูให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
“แล้วอีกอย่าง อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับมู่หลินหลาง เพราะนางทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยงมากจริง ๆ”
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยแววตาตกตะลึง ในสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกชื่นชอบมู่หลินหลาง และก็มีบางคนที่แทบจะทนไม่ไหวเช่นกัน แต่คนที่มีความอาจหาญพอที่จะกล่าวออกมาเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมายได้ มีเพียงแค่มู่เฉินซีคนเดียวเท่านั้น
ต้องรู้ว่าองค์หญิงหลินหลางนั้นไม่ได้เป็นอัจฉริยะธรรมดาทั่วไป แต่นางคือองค์หญิงที่ราชวงศ์ตงหวงหวงแหนมากที่สุด และได้รับความโปรดปรานมากที่สุดอีกด้วย ซึ่งการด่าทอนางก็เท่ากับการทำให้ราชวงศ์ตงหวงต้องเสียเกียรติ และนี่ก็ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงเลยทีเดียว
ในแคว้นตงหวง ถึงแม้จะมีกองกำลังหลักอยู่มากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่เป็นยักษ์ใหญ่ที่ควบคุมอำนาจและความแข็งแกร่งก็มีเพียงกองกำลังระดับห้าอย่างราชวงศ์ตงหวงเพียงผู้เดียวเท่านั้น แล้วผู้ใดจะกล้ารนหาที่ตายด้วยการทำให้ขุ่นเคืองใจและยั่วยุกันล่ะ!
ในตอนนี้คนที่เถิดทูลมู่หลินหลางเหล่านั้นก็กล่าวด้วยความโกรธว่า “มู่เฉินซี เจ้าแค่มีพรสวรรค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กล้าหยิ่งผยองขนาดนี้เชียวหรือ! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าเอ่ยนามขององค์หญิงหลินหลางออกมาเช่นนี้”
“เจ้านี่มันช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ!”
“ข้าว่าเจ้าคงจะอิจฉาฝ่าบาทหลินหลางอย่างนั้นสินะ!”
เจ้าคนเหล่านี้ได้กลายร่างเป็นหมาบ้าฝูงหนึ่งไปเสียแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นฝูงหมาบ้าที่ไม่กล้ากัดคนอีกด้วย
ถึงจะไม่มีสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงแล้ว ทว่าคนที่ถูกมู่หลินหลางทำให้ตาบอดก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่…
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือกออกมา นางตั้งตารอวันที่จะเห็นมู่หลินหลางตกลงมาจากแท่นบูชานั้นเสียที
ในตอนที่การแข่งขันรอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ถูกใช้งาน และมู่เฉียนซีก็ได้เข้ามาในอีกมิติหนึ่ง
ซึ่งมิติแห่งนี้ถูกปิดผนึกเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีสนามประลองสิบสนามลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งอยู่สูงต่ำกระจัดกระจายกันออกไปอีกด้วย
การแข่งขันในรอบที่สามนั้นง่ายดายมาก นั่นก็คือคนที่สามารถครอบครองหนึ่งในสนามเหล่านั้นได้ ก็จะมีสิทธิ์เข้าไปสู้การแข่งขันรอบที่สี่ได้
ซึ่งที่นี่ก็มีทั้งหมดสิบสนาม หรือจะกล่าวได้ว่า คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดมีเพียงแค่สิบคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบต่อไปได้
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ยืนอยู่บนชั้นต่าง ๆ โดยรอบ และมู่หลินหลางไม่ได้อยู่ที่นี่ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมกลุ่มในสนามที่สามของนางก็…
“ลูกพี่มู่! ลูกพี่มู่!” ฝั่งตรงข้ามบนชั้นที่สามนั้น มีชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือให้มู่เฉียนซีอยู่
มีเพียงเขาเท่านั้นที่ถูกแยกมาไว้ในมิติของสนามประลองเดียวกันกับมู่เฉียนซี
เจี้ยนเจี้ยนกล่าวว่า “คนที่มาถึงที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือทั้งนั้น! นอกจากนี้ยังไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่ที่นี่อีกด้วย คาดว่าน่าจะมีมิติอื่นอยู่อีกสินะ”
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ทันใดนั้นร่างเงาร่างหนึ่งก็เหาะขึ้นไปบนสนามประลอง
การประลองเช่นนี้ ยิ่งขึ้นไปก่อนก็ยิ่งเป็นอันตราย และคนที่สามารถพุ่งทะยานขึ้นไปยังสนามประลองอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ได้ ก็หมายความว่ามีความมั่นใจในความสามารถของตนเองเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
และเหตุผลที่คนผู้นี้มีความมั่นใจถึงเพียงนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดนั่นเอง
.