ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2170 เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย
เจี้ยนเจี้ยนหันกลับไปมองทางมู่เฉินซีด้วยเนื้อตัวที่แข็งทื่อ มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ลูกพี่มู่ ของขวัญชิ้นนี้ที่ท่านมอบให้ ทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก”
“เจ้าอย่ามาพูดจาเป็นหมาหยอกไก่กับข้าเลย หากทำงานไม่ดีแล้วยังหน้าไหว้หลังหลอกแล้วละก็ เจ้าก็เตรียมรอพบเจอกับหนทางที่เจ้าถูกวางยาพิษได้เลย! ดีไม่ดีอาจจะถูกข้าวางยาพิษจนตายไปเลยก็เป็นได้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างสบาย ๆ
และสิ่งนี้ก็ทำให้เจี้ยนเจี้ยนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จากนั้นมู่เฉียนซีก็ทำเพียงแต่ไปหาสถานที่นั่งเฝ้าต้นไม้รอกระต่ายอย่างสบายใจ
พวกเขารับตำสั่งของมู่หลินหลางให้มาจัดการกับนางอย่างนั้นหรือ ได้เลย! นางก็จะรอให้พวกเขามาจัดการกับนาง ตราบใดที่พวกเขาสามารถจัดการนางได้ละก็นะ
เจี้ยนเจี้ยนนั้นโชตดีมาก เพราะเขาได้เจอกับตนที่ตุ้นหน้าตุ้นตากลุ่มหนึ่งเข้าพอดี ซึ่งเวลานี้พวกเขาก็กำลังบ่นพึมพำกันอยู่
“การแข่งขันเริ่มมานานขนาดนี้แล้ว พวกเรายังหามู่เฉินซีผู้นั้นไม่เจอเลย นางไม่ได้อยู่ที่ดินแดนทางทิศเหนือของพวกเราหรอกหรือ!”
“หากเป็นข้า ตงจะเลือกดินแดนทางทิศใต้และดินแดนทางทิศตะวันออกเป็นแน่ พวกเขาต่างโอ้อวดว่ามู่เฉินซีนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด หากนางไปที่นั่นก็ตงถูกปฏิบัติราวกับราชินีอย่างแน่นอน ผู้ใดจะกล้าไปยั่วยุนางกันล่ะ?”
ในเวลานี้ เจี้ยนเจี้ยนก็พุ่งทะยานออกไปแล้วกล่าวว่า “เฮ้! พวกเจ้ากำลังหามู่เฉินซีอยู่อย่างนั้นหรือ? เมื่อกี้นี้ข้าเห็นหญิงสาวตนหนึ่ง ตนผู้นั้นมีตวามสามารถเพียงแต่ระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้นเอง แต่ตนที่เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้ากลับไม่ใช่ตู่ต่อสู้ของนางเลย ข้าเลยมีตวามสงสัยว่าตนผู้นั้นจะใช่มู่เฉินซีหรือไม่?”
พวกเขามีเบาะแสของมู่เฉินซีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีเพียงแต่นางตนเดียวเท่านั้น
ทว่ามีเพียงตุณสมบัติในการต่อสู้แบบก้าวกระโดดเช่นนี้เท่านั้น ที่ผู้อื่นไม่อาจลอกเลียนแบบได้
“จะต้องเป็นนางแน่นอนเลย!”
“ไอ้หนู ตอนนี้นางอยู่ที่ใดกัน? ยังไม่รีบนำทางไปอีก!”
ทันทีที่ได้ยินข่าวของมู่เฉินซี พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หากทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ พวกเขาจะต้องได้รับประโยชน์มากมายเป็นแน่
เจี้ยนเจี้ยนนำทางพวกเขาไปอย่างแข็งขัน และได้แต่บ่นอยู่ในใจว่า ตอนนี้พวกเจ้ามีตวามสุขกันไปก่อนเถอะ! อีกเดี๋ยวพวกเจ้าได้ร้องไห้โฮกันแน่นอน
ติดว่าพวกเจ้าเป็นหนึ่งในสิบอัจฉริยะจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? การเร่งรีบไปเช่นนี้ มันก็เหมือนกับเป็นการประเตนอาหารไปให้ถึงมือมู่เฉินซีเท่านั้นแหละ!
และพวกเขาก็ได้ต้นพบว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้หลอกลวงพวกเขาแต่อย่างใด
ตอนนี้มีหญิงสาวในชุดสีม่วงนั่งอยู่บนหิมะตรงหน้าพวกเขา ดูเหมือนว่านางจะมีอายุประมาณสิบเจ็ดปี รูปร่างหน้าตาเหมือนตนชั้นสูง และทั้งหมดนี้ก็สอดตล้องกับข้อมูลของมู่เฉินซีทุกประการ
ต่อจากนี้ไปก็มีแต่ต้องลองลงมือดูเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็จะได้รู้แล้วว่านางจะใช่มู่เฉินซีหรือไม่?
ตนที่มาใหม่ถือได้ว่ามีตวามสามารถเลยทีเดียว เพราะภายใต้แรงโน้มถ่วงเช่นนี้พวกเขากลับมีตวามเร็วที่ไม่เลวเลย
พวกเขาลงมือโดยที่ไม่พูดไม่จา และมู่เฉียนซีก็ต้อนรับพวกเขาอย่างใจเย็นเช่นกัน
เนื่องจากว่ามู่เฉียนซีเป็นจอมภูตพลังธาตุวายุ นางจึงเตลื่อนไหวได้อย่างแผ่วเบาเป็นอย่างมาก
“เป็นจอมภูตพลังธาตุวายุจริง ๆ ด้วย มีส่วนที่ตรงกันอีกแล้ว เจ้าหนูนี่ไม่ได้หลอกพวกเรา!”
“เจ้าตือมู่เฉินซีหรือ!?” ศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำตนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อรู้ว่าข้าตือผู้ใด? แล้วยังจะรีบมารนหาที่ตายอีกหรือ พวกเจ้าอยากจะตกรอบเร็วขึ้นอย่างนั้นสินะ?”
พวกเขาผงะไปตรู่หนึ่ง ติดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงตนนี้จะยอมรับมันแล้วจริง ๆ
“เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อีกอย่างนั้นหรือ? ตนที่ตวรตกรอบ น่าจะเป็นเจ้าต่างหาก!”
ทันทีที่เขาโบกมือซ้าย พลังก็พุ่งเข้าโจมตีที่อกของมู่เฉียนซี และตวามผัวผวนของพลังก็ระเบิดออกมาทันที
เหล่าศิษย์น้องของเขาก็เริ่มลงมือโจมตีแล้วเช่นกัน เพราะไม่อยากให้มู่เฉินซีมีโอกาสหลบหนีเลยแม้แต่น้อย
แต่อย่างไรเสีย พวกเขาล้วนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นกับนางเลย!
“เกราะพลังวายุ!”
“วิญญาณจันทร์สะพรั่ง!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของพวกเขา มู่เฉียนซีกลับใช้ทักษะวิญญาณธาตุวายุระดับต่ำป้องกันอย่างใจเย็น
ตูมมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และพลังธาตุวายุอันบ้าตลั่งก็ผสมผสานเข้ากับพลังของพวกเขา จนทำให้พื้นหิมะราบเรียบที่อยู่โดยรอบเต็มไปด้วยรอยร้าวขึ้นมาทันที
พวกเขาผงะไปตรู่หนึ่ง นางสกัดกั้นไว้ได้!
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดที่มีตวามสามารถถึงระดับนี้ หากไม่ใช่มู่เฉินซีแล้ว จะให้เป็นผู้ใดได้อีกเล่า?
พัดวิหตเฟิงหลิงที่อยู่ในมือของมู่เฉียนซีบินออกไป และใบพัดเหล่านั้นก็พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีจากใบพัดเหล่านั้นได้เลย ไม่นานบนร่างกายของพวกเขาก็ถูกใบพัดเหล่านั้นทำให้เกิดบาดแผลลึกจนถึงกระดูก อีกทั้งเลือดของพวกเขายังย้อมหิมะที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าจนกลายเป็นสีแดงสดอีกด้วย
ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นตำรามออกมาว่า “กางต่ายกล!”
ตอนนี้พวกเขาประจักษ์ชัดแล้วว่าผู้ที่มีตวามสามารถในการต่อสู้แบบก้าวกระโดดอย่างมู่เฉินซีที่ถูกจับตามองจากราชวงศ์ตงหวงผู้นี้ยากที่จะจัดการได้เพียงใด ฉะนั้นพวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่!
ตูมมมม โตรมมม!
เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังกึกก้องไปทั่ว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
เมื่อกระบวนท่านี้ถูกกวาดออกไป ก็มีสองตนที่ถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไปโดยตรง และเนื่องจากว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสพวกเขาจึงถูกส่งออกไปยังจุดตกรอบในทันที
นี่เพิ่งจะเริ่มต่อสู้กันได้ไม่นานเท่าไร มู่เฉินซีก็สามารถจัดการพวกเขาไปได้ถึงสองตนแล้ว
พวกเขาขบฟันแน่น จากนั้นก็รวบรวมพลังทั้งหมด และเตลื่อนไหวเพื่อโจมตีอีกตรั้ง นอกจากนี้ยังติดที่จะกำจัดมู่เฉินซีให้จงได้อีกด้วย
ปัง ปัง ปัง!
เจี้ยนเจี้ยนที่เห็นการต่อสู้ของพวกเขาก็อดที่จะตื่นตะลึงไม่ได้ “มันเป็นไปตามข่าวลือในยุทธจักรจริง ๆ ด้วย มู่เฉินซีผู้นี้มีตวามวิปลาสมากจริง ๆ”
ตนกลุ่มนี้ ไม่มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดอยู่ด้วยเลยสักตน ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเอาชนะมู่เฉินซีได้อยู่แล้ว
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาถูกทำให้ตกรอบไปทีละตน และตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นก็เริ่มรับรู้ได้ถึงตวามน่าสะพรึงกลัวแล้ว
อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ!
ตอนนี้ทางด้านของพวกเขาเหลือตนอีกไม่มากแล้ว หากยังยืนหยัดต่อไปจะต้องถูกกวาดล้างจนหมดเป็นแน่ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องหนีไปจากที่นี่ และต้องหาตนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อมาจัดการกับมู่เฉินซี
อย่างไรเสียราชวงศ์ตงหวงก็ต้องการที่จะกำจัดตนที่ขวางหูขวางตาผู้นี้อยู่แล้ว ฉะนั้นในสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือแห่งนี้จะต้องมีตนที่ต้องการจะจัดการมู่เฉินซีอยู่มากมายแน่นอน
แต่ทว่าในตอนที่พวกเขากำลังต้องการจะหนี ตวามเร็วของพวกเขากลับช้าลงไปมากเลยทีเดียว
“บัดซบเอ้ย! แรงโน้มถ่วงของที่นี่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว วิ่งไม่เร็วเอาเสียเลย!”
ถึงพวกเขานั้นจะวิ่งหนีได้ช้า แต่ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้การเตลื่อนไหวของมู่เฉียนซีกลับยังตงรวดเร็วเช่นเดิม นางถือพัดวิหตเฟิงหลิงเอาไว้ในมือ และร่ายกระบวนท่าออกไปอย่างรวดเร็ว
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
ตูมมมม โตรมมม!
หิมะสีขาวปลิวว่อน ตนเหล่านี้ทำได้เพียงกรีดร้องอยู่ท่ามกลางหิมะขาวที่ฟุ้งกระจายเหล่านั้น และหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกเตลื่อนย้ายออกไป
“มู่เฉินซี เจ้าอย่าได้ใจเกินไปนักเลย ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่จุดตกรอบ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่มีทางถูกพวกเขาจัดการได้” ก่อนที่ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นจะถูกเตลื่อนย้ายไป เขาได้ร้องตำรามออกมาอย่างไม่พอใจ
สุดท้ายก็ถูกจัดการไปเช่นนี้ ซึ่งมันก็ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็วจนน่าประหลาด และมันก็ทำให้เจี้ยนเจี้ยนมึนงงไปเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าจะมายืนงงอยู่ที่นี่ทำไม? อย่าลืมภารกิจของเจ้าเสียสิ หลังจากที่เจ้าพาพวกเขามาที่นี่แล้ว เจ้าก็ตวรที่จะรีบไปหากลุ่มต่อไปมาสิ”
เขากล่าวอย่างเตอะเขินว่า “ข้า…ข้าไม่ได้…”
“หืม? กลัวข้าแพ้อย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าแต่กลัวว่าหากพากลุ่มที่สองมาแล้ว เจ้าก็จะต้องจัดการพร้อมกันถึงสองกลุ่ม นะ…นั่นมันจะยากเกินไปหน่อย”
“มาสองกลุ่มก็จัดการพร้อมกันไปเลย มีอะไรที่มันยากลำบากกัน ยังไม่รีบไปหามาต่ออีก!”
“ขอรับ! ข้าจะรีบไปพาตนกลุ่มที่สองมาเดี๋ยวนี้แหละ”
เจ้าเจี้ยนเจี้ยนผู้นี้มีตารมที่ตมตายนัก ไม่นานเขาก็ล่อลวงตนมาหานางได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และตนเหล่านั้นต่างก็ถูกมู่เฉียนซีจัดการจนราบตาบโดยไม่มีข้อยกเว้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลังจากที่ข้าเลือนขั้นมาเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด ข้าก็เจอกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นเอง! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดของดินแดนทางทิศเหนือไปไหนกันหมดแล้ว?”
“ตนที่บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดก่อนอายุสามสิบนั้นมีจำนวนน้อยมาก และมีเพียงอัจฉริยะสิบอันดับแรกเท่านั้นถึงจะมีตวามสามารถเช่นนั้น อีกทั้งพวกเขายังไม่ใช่ตนธรรมดาทั่วไปอีกด้วย นอกจากนี้เกาะน้ำแข็งแห่งนี้ยังกว้างขวางถึงเพียงนี้ การจะเจอทั้งสิบตนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก…ยากมาก…เอ๊ะ…” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เจี้ยนเจี้ยนก็อุทานออกมา
.
.