ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2163 ปีนกำแพงไปหานาง
ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นเขียนตัวอักษรลงไปสองสามประโยคด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “ไปขอความช่วยเหลือจากองค์รัชทายาทเป่ยกง องค์รัชทายาทเป่ยกงจะต้องมีหนทางถอนพิษของหมอปีศาจเป็นแน่ ข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว”
อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นฉีกกระดาษที่เขาเขียนข้อความไว้แผ่นนั้นออกเป็นชิ้นๆทันที จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “องค์รัชทายาทเป่ยกงเป็นคนที่ข้าสามารถเข้าเฝ้าได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ? แม้จะบอกว่าข้าเคยสอนองค์รัชทายาทเป่ยกงกลั่นยา แต่ความจริงแล้วองค์รัชทายาทเป่ยกงต้องการที่จะแหกตาคนอื่นเท่านั้น อาจารย์ที่สอนเขาปรุงยาที่แท้จริง เป็นอีกคนหนึ่งต่างหาก ”
แม้ว่าที่ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเขาจะมีอำนาจขึ้นมาได้ โดยการอาศัยร่มธงขององค์รัชทายาทเป่ยกง แต่เขาก็รู้ตนเองดีมากว่าตนเองนั้นมีน้ำหนักมากเพียงใด
“อ๊าาาาา!” ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก
หากองค์รัชทายาทเป่ยกงไม่ช่วยเหลือพวกเขาแล้วละก็ หรือว่าพวกเขาก็จะต้องกลายเป็นใบ้ไปตลอดอย่างนั้นหรือ
อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นกล่าวว่า “เอาล่ะ เจ้าพักรักษาตัวอย่างสงบเถอะ ช่วงนี้ข้าจะมาควบคุมดูแลสถานการณ์โดยรวมของตระกูลเป่ยอวิ๋นเอง และจะหาทางนำยาถอนพิษมาให้ได้”
คนของตระกูลเป่ยอวิ๋นเหล่านั้นเศร้าโศกราวกับบิดรมารดาตายอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าทางด้านของสำนักหมอทมิฬกลับมีเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หมอปีศาจ ช่างน่าสนใจอย่างน่าประหลาด การที่ข้าเป็นนักปรุงยาที่ทรงพลังเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ความจริงแล้วมันน่าเบื่อเกินไปหน่อย เจ้าหมอปีศาจผู้นี้ทำให้ข้าค่อยข้างสนุกเลยทีเดียว”
“รอให้ข้าสร้างผลงานเสร็จเรียบร้อยก่อน ข้าจะไปศึกษาแลกเปลี่ยนกับเขาอย่างแน่นอน ช่างน่าตั้งตารอเสียจริง ๆ!”
ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬกล่าวถามว่า “เช่นนั้นท่านเจ้าสำนัก คนเหล่านี้เล่าขอรับ จะให้จัดการเช่นไร”
“ข้ามีเรื่องที่สำคัญที่จะต้องทำ ไม่มีเวลามาศึกษายาพิษที่ซับซ้อนเช่นนี้หรอก ฆ่าพวกมันทิ้งไปเสีย” เจ้าสำนักหมอทมิฬกล่าว
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก!”
“ท่านพ่อ เช่นนั้นเราจะต้องเตรียมจัดการกับหอหมอปีศาจอย่างไร?” นายน้อยของสำนักหมอทมิฬกล่าวถาม
“ตอนนี้ราชวงศ์ตงหวงสนใจที่จะดึงเอาหมอปีศาจมาเป็นพวก พวกเรารอจังหวะบุกโจมตีเอาไว้ก่อน หากราชวงศ์ตงหวงไม่สามารถดึงมาเป็นพวกได้ แน่อนว่าพวกเราค่อยลงมือ แต่หากดึงมาเป็นพวกได้สำเร็จ พวกเราในขณะนี้ก็ยังไม่เหมาะที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับราชวงศ์ตงหวง” เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าว
“ท่านพ่อคิดได้อย่างรอบคอบนัก”มู่เฉียนซีกลับไปพักผ่อนที่หอหมอปีศาจ และรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาโดยสัญชาตญาณ แต่กลับไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าแต่อย่างใด
นักฆ่านั้นมักจะซ่อนเจตนาฆ่าไว้ได้เป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในเวลาเช่นนี้จะมีคนส่งนักฆ่ามาลอบสังหารนางด้วย?
มังกรวารีไม่อยากปล่อยให้นักฆ่าคนหนึ่งมารบกวนการพักผ่อนของเจ้านาย แววตาของเขาเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และเตรียมที่จะไปลากคนผู้นั้นออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รอเดี๋ยวก่อน!”
นักฆ่าที่สามารถซ่อนจิตสังหารไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ทำให้นางนึกถึงใครคนหนึ่ง
และเงาดำก็บุกเข้ามาในห้องของมู่เฉียนซี ซึ่งมังกรวารีก็ลงมือในทันที
ปังง!
พลังวิญญาณธาตุวารีผนึกคนผู้นั้นเอาไว้ และโคมไฟที่อยู่ในห้องก็สว่างขึ้น ซึ่งทำให้มู่เฉียนซีได้เห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคยของคนผู้นั้น
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ชิงหลง ไม่เจอกันหลายวัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะปีนกำแพงมาหาข้าในเวลาค่ำมืดเช่นนี้! เฮ้อ! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้หรือว่าหากอยากมาก็ต้องส่งข่าวมาบอกก่อนน่ะ”
ในเมื่อเป็นเพื่อนของเจ้านาย มังกรวารีจึงยอมปล่อยเขาไป
ชิงหลงกล่าวว่า “มู่เฉินซี ข้าต้องการรู้เกี่ยวกับเรื่องของสำนักหมอทมิฬ ตอนนี้เจ้ารู้มามากแค่ไหนกันแน่?”
นางเพิ่งจะบอกซวนอู่ไปวันนี้เอง แล้วชิงหลงจะมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร หรือว่าธุระที่ซวนอู่บอกว่าจะไปทำก่อนหน้านี้ ก็คือการส่งข่าวไปให้ชิงหลงอย่างนั้นหรือ?
“เรื่องที่ข้ารู้ข้าได้บอกซวนอู่ไปหมดแล้ว เจ้ายังอยากจะรู้เรื่องอะไรอีกล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“อยากรู้ให้ระเอียดยิ่งกว่านี้ อย่างเช่นเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬทำอย่างไร? ถึงสามารถเชื่อมต่อพรสวรรค์ของอัจฉริยะคนอื่น ๆ ได้?”
“นี่เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการผสมผสานกับพลังของมิติ นอกจากนี้ข้าก็ยังไม่เคยเห็นด้วยตาของตนเองมาก่อน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกันล่ะ?”
“แต่ว่า เจ้าก็เป็นนักปรุงยาเช่นกัน นอกจากนี้ยังไม่ใช่นักปรุงยาธรรมดาด้วย! แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การคาดเดา เจ้าก็สามารถบอกได้! ข้าอยากรู้เรื่องเหล่านี้มากจริง ๆ” ชิงหลงมองไปทางมู่เฉียนซี
น้อยครั้งนักที่มู่เฉียนซีจะได้เห็นชิงหลงที่มีอารมณ์แปรปรวนมากเช่นนี้ แม้ว่าจะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเด็กทารก ถูกนางวางยาพิษจนทุกข์ทรมาน เขาก็ไม่เคยตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ามีสมมติฐานอยู่หลายอย่าง หากเจ้าอยากที่จะรู้จริง ๆ แล้วละก็ ข้าก็สามารถบอกเจ้าได้! และแน่นอนว่ามันค่อนข้างที่จะเหี้ยมโหดและน่าขยะแขยง…”
นางสามารถคาดเดาได้ตามข้อมูลที่นางมีอยู่เท่านั้น และไม่มีทางยืนยันได้เลยว่าพวกคนเสียสติอย่างสำนักหมอทมิฬเหล่านั้นจะใช้วิธีเฉพาะเจาะจงใดในการดำเนินการบ้าง
ชิงหลงกล่าวตอบว่า “ข้าไม่รังเกียจหรอก!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีพูดกับชิงหลงก็หาวไปด้วย และมู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของชิงหลง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าทางแล้วเหมือนจะอึดอัดเป็นอย่างมาก
“เป็นอะไร? ดึกดื่นไม่ยอมหลับยอมนอนเพื่อมาหาข้า ตอนนี้จึงปวดหัวแล้วหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
น้ำเสียงของชิงหลงเปลี่ยนเป็นแหบพร่าขึ้นมาทันที เขากล่าวว่า “เจ้าเตรียมจะไปจัดการกับสำนักหมอทมิฬเมื่อไร? ตอนไหน?”
“ตอนแรกเจ้ายังยอมรับภารกิจของสำนักหมอทมิฬในการลอบสังหารข้าอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะคิดเหมือนกันกับข้าแล้ว หากต้องการที่จะทำลายสำนักหมอทมิฬ เจ้าก็เป็นเด็กน้อยที่หุนหันพลันแล่นไม่ได้อีกแล้ว และควรจะต้องรู้ว่าการต่อสู้กับสำนักหมอทมิฬนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย! ถึงข้าจะทนกับสำนักหมอทมิฬไม่ไหว แต่แน่นอนว่าข้าก็ไม่อยากสูญเสียหอหมอปีศาจทั้งหมดของข้าไปเช่นกัน” มู่เฉียนซีกล่าว
หากสำนักหมอทมิฬเริ่มโจมตีก่อน โดยที่อยู่ในอาณาเขตของตนเอง มันก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์หลักได้ดีกว่า
แต่ขณะนี้สำนักหมอทมิฬยังไม่ได้ให้ความสนใจกับหอหมอปีศาจเป็นการชั่วคราว และยังไม่ได้เริ่มลงมือโจมตีก่อน ซึ่งมันก็ทำให้นางไม่สามารถบุกโจมตีไปจนถึงฐานทัพของพวกเขาโดยตรงได้เช่นกัน
ชิงหลงเริ่มสงบลง แล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว!”
“รบกวนเจ้าแล้ว!” เมื่อพูดจบเขาก็เริ่มถอยออกไป
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เฮ้! ชิงหลงดูสภาพของเจ้าไม่ค่อยดีนัก เจ้าจะไปอย่างนี้จริง ๆ หรือ? ต้องการให้หมอปีศาจอย่างข้าตรวจอาการเจ้าหน่อยหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก ข้าจะพาเขาไปเอง!” ร่างสีทองอร่ามสว่างวาบขึ้น ว่านซือเยี่ยนมาแล้วนี่เอง
“ขอบคุณมาก!” หลังจากที่ว่านซือเยี่ยนกล่าวขอบคุณแล้วก็พาชิงหลงไปทันที
มู่เฉียนซีพิงอยู่ข้างหน้าต่าง พลางลูบไปที่คางของนางอย่างครุ่นคิด ชิงหลงมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสำนักหมอทมิฬกันแน่นะ?
ชิงหลงให้ความสำคัญกับการรับภารกิจมาก ซึ่งการรับภารกิจให้มาลอบสังหารนางในตอนแรกนั้นก็ถือว่าผิดปกติมากแล้ว และตอนนี้เขาก็ผิดปกติมากกว่าเดิมอีก
มังกรวารีที่ยืนอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาว่า “นายท่าน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้วนะขอรับ มีเรื่องอะไร พรุ่งนี้ค่อยคิดเถิดขอรับ”
สำหรับคนที่มารบกวนการนอนของเจ้านายอย่างชิงหลง ทำให้มังกรวารีรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
“ได้ ๆ ๆ! น้อมรับคำสั่ง ท่านพ่อบ้านมากความสามารถของข้า” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
วันรุ่งขึ้น ข่าวเรื่องการเก็บตัวของหมอปีศาจก็ได้แพร่กระจายออกไป
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหมอปีศาจไปเก็บตัวอยู่ที่ใด แต่อย่างไรก็ตามใต้หล้านี้ก็มีหอหมอปีศาจเปิดกิจการอยู่มากมายเต็มไปหมด
บางทีท่านหมอปีศาจอาจจะไม่ได้เก็บตัวอยู่ที่หอหมอปีศาจ และไม่แน่ว่าอาจจะไปเก็บตัวยังสถานที่ที่เงียบสงบที่อื่น ๆ ก็เป็นได้
หลังจากที่ชิงหลงมาหามู่เฉียนซีในคืนนั้นเขาก็ไม่ได้มาอีกเลย และซวนอู่ก็ส่งข่าวมาให้กับมู่เฉียนซี บอกว่าชิงหลงได้กลับไปยังอาณาเขตของตนเองแล้ว
นอกจากนี้เขายังเตือนมู่เฉียนซีอีกว่า หากสามารถจัดการกับสำนักหมอทมิฬได้เมื่อไรละก็ บางทีคนปากแข็งอย่างชิงหลงอาจจะยอมพยักหน้ารับก็เป็นได้
ซึ่งนี่ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าคนดื้อรั้นอย่างชิงหลงจะสามารถพยักหน้ายอมรับได้ด้วย
นางยอมแพ้เรื่องของเขาไปนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมีความเป็นไปได้ใหม่เกิดขึ้น ซึ่งมันทำให้นางค่อนข้างมีความสุขมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีได้ส่งของขวัญไปให้กับว่านซือเยี่ยนสองสามชิ้นเพื่อขอบคุณคำเตือนของเขา
ว่านซือเยี่ยนรับของขวัญเหล่านั้นไปอย่างพึงพอใจ และไม่รู้สึกผิดต่อการทรยศน้องชายเลยแม้แต่น้อย
“หากชิงหลงตกลงก่อน แล้วเขาค่อยมาตกลงทีหลังแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียหน้ามากเกินไปนัก หวังว่าปมในหัวใจของชิงหลงจะถูกคลายออกในไม่ช้า” ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ เซี่ยซวีก็ได้เข้ามาหามู่เฉียนซี “เจ้านายขอรับ อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นมาหาขอรับ”
.
.