ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2004 พวกข้าขอปฏิเสธ
เหล่าหนุ่มสาวสองสามคนที่คิดจะปกป้องมู่เฉียนซีก่อนหน้านี้ต่างก็ตะลึกงันไปเช่นกัน นาง…คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเก่งกาจถึงเพียงนี้
ก่อนหน้านี้พวกเขาอยากที่จะปกป้องนาง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกนางปกป้องแทนเสียได้ ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราไปหาที่พักผ่อนกันก่อนเถอะ! เกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้ช่างวุ่นวายเหลือเกิน!”
ที่เกาะเฮยสุ่ยก็มีโรงเตี้ยมเช่นกัน แต่ราคาของมันแพงอย่างกับโดนโจรปล้นจนน่าตกใจ อย่างไรเสียพวกเขาต่างก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยจึงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้มากเท่าไรนัก
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันแล้วพูดคุยกันว่า “คนที่อยู่บนเกาะเฮยสุ่ยทุกคนดูชั่วร้ายราวกับปีศาจเลย ไม่ใช่ว่าจะออกไปไม่ได้จริง ๆ หรอกนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าก็รู้ว่าข่าวลือนั้นคือเรื่องจริง แต่กลับกล้าตรงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ? คงจะมีไม้ตายที่เอาไว้รักษาชีวิตเช่นกันสินะ”
“เรื่องนี้แม่นางมู่คาดเดาได้ถูกต้องแล้ว แต่พวกเราก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยอยู่ดี! ”
“ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้ให้พวกเราติดตามแม่นางมู่ไปด้วยได้หรือไม่ พวกเราอยากจะท่องยุทธจักรอยู่ที่เกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้ด้วย!”
“……”
แต่ทว่าตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็ได้มีใครบางคนบุกเข้ามา!
“อาศัยแค่เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าเพียงไม่กี่คน คิดที่จะมาท่องยุทธจักรอยู่ที่เกาะเฮยสุ่ยอย่างนั้นหรือ! เจ้ากล้าแตะต้องคนของข้า วันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าก่อนเลยก็แล้วกัน”
คนที่มาก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดคนหนึ่ง และเขายังมีใบหน้าที่ค่อนข้างน่ากลัวอีกด้วย
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “พวกเจ้ามีเหตุผลกันหน่อยไม่ได้หรืออย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นคนโจมตีก่อนนะ”
“วันนี้ข้าจะบอกกฎกับพวกเจ้าสักข้อหนึ่ง เกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ไม่ต้องมีเหตุผลหรอก เด็กน้อย พวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถอยไป!”
ปังง!
เขาทุบโต๊ะจนพังได้ด้วยหมัดเดียวเท่านั้น
“จับพวกมันเอาไว้!”
“ขอรับ!”
ตูมมมม!
พวกเขาประเมินเด็กเหล่านี้ต่ำเกินไป เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นถึงเหล่าอัจฉริยะจากกองกำลังหลัก ที่มีสมบัติล้ำค่าอยู่ในมือมากมาย
แต่ทว่าหัวหน้าใหญ่ของพวกมันก็รับมือได้ยากมากเช่นกัน และตอนนี้มู่เฉียนซีก็ได้เอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา จากนั้นก็จู่โจมเข้าไปทันที!
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ก็แค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่ง หัวหน้าใหญ่ผู้นี้ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อการโจมตีนั้นมาถึง มันจะระเบิดพลังที่แข็งแกร่งมากออกมา
ตูมมมม!
ตัวของเขากระเด็นลอยออกไป
“แม่สาวน้อย ข้าดูถูกเจ้าเกินไปแล้วจริง ๆ! คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่รับมือยากที่สุดในนี้ จะเป็นคนอย่างเจ้า”
เด็กกลุ่มนั้นก็ตะลึงงันไปเช่นกัน “แม่นางมู่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
ต้องบอกเลยว่าการลงมือเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีก่อนหน้านี้เป็นเพียงการคว้าโอกาสเท่านั้น เพราะเดิมทีแล้วพวกเขาไม่รู้ถึงความสามารถของมู่เฉียนซีเลย และตอนนี้พวกเขาก็ได้รู้ซึ้งแล้วว่าพลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีนั้น แท้จริงแล้วแข็งแกร่งมากเพียงใด
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุ อีกทั้งยังครอบครองมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพ นอกจากนี้ยังมีทักษะวิญญาณที่สามารถจัดการศัตรูที่อยู่ในระดับเหนือกว่าได้หลายระดับอีกด้วย คนวิปลาสผู้นี้ออกมาจากกองกำลังไหนกันแน่นะ!”
“ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น มันอันตราย รีบจัดการพวกมันก่อน!”
มู่เฉียนซีต่อสู้พัวพันอยู่กับหัวหน้าใหญ่ผู้นี้ และได้ทำให้เขาเข้าใจผิดว่ามีความได้เปรียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นนางจึงไม่อยากที่จะเสียเวลากับเขาอีกต่อไป และหลังจากนั้นก็มีขนนกสีดำสนิทหลายอันบินออกมา
ฟิ้วว!
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของอีกฝ่ายดังออกมา
“อ๊ากกก!”
“เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะลอบโจมตีข้า!”
มีรอยเลือดสีดำคล้ำอยู่บนปากแผล และเห็นได้ชัดเลยว่าเขาโดนพิษร้ายแรงเข้าเสียแล้ว
มู่เฉียนซีได้ปล่อยอาวุธลับเหล่านั้นออกมาอีกครั้ง และจากนั้นก็ทำให้คู่ต่อสู้คนอื่น ๆ ถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว จนหนุ่มสาวเหล่านั้นล้วนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง “เป็นอาวุธลับที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
“แม่นางมู่เจ้า…เจ้าจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“……”
“ยาถอนพิษ…ยาถอนพิษ เอายาถอนพิษมาให้ข้า…”
หลังจากที่พวกเขาถูกพิษจนล้มลงไปบนพื้นแล้ว มู่เฉียนซีก็เหลือบตาลงไปมองพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ช่วยบอกกฎของเกาะเฮยสุ่ยให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
“ข้าจะบอก!”
พวกเขาในเวลานี้ได้ถูกควบคุมเอาไว้แล้ว ฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่ต้องเชื่อฟัง
เกาะเฮยสุ่ยมีเกาะที่รวมกันทั้งหมดถึงพันเกาะ คนส่วนใหญ่ต่างเข้ามาด้วยความผิดพลาด และในแต่ละเกาะต่างก็มีผู้นำเกาะของตนเอง
นอกจากนี้ทุก ๆ เจ็ดวันผู้นำเกาะจะออกมาหาคนไปขุดหินแร่พิเศษชนิดหนึ่ง พร้อมทั้งมอบหินแร่ชนิดนี้ให้อีกด้วย ส่วนเวลาอื่น ๆ คนที่อยู่บนเกาะก็จะต่อสู้แข่งขันกันไปเรื่อยเปื่อย
นี่คือสถานที่ที่มีกฎเกณฑ์ไม่มากเท่าไรนัก ใครมีพละกำลังมากกว่าคนผู้นั้นก็สามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อพูดจบแล้ว พวกเจ้าก็ไสหัวไปเสีย!”
หลังจากที่ขับไล่คนเหล่านี้ออกไปแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องไประยะหนึ่งเลยทีเดียว
วัยรุ่นหนุ่มสาวเหล่านี้ล้วนเป็นลูกศิษย์ตรงของสำนักเซิ่งหลินที่เป็นกองกำลังระดับสี่ แต่ละคนต่างก็มีความสามารถเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดและผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดกันทั้งนั้น และพวกเขาก็มีความมั่นใจในความสามารถของตนเองมาก ดังนั้นจึงได้กล้าเดินทางมาหาประสบการณ์กันถึงที่นี่เช่นนี้
“ทุกครั้งต่างก็เป็นท่านอาจารย์ที่คอยเตรียมสถานที่ในการฝึกหาประสบการณ์เอาไว้ให้แล้ว อีกทั้งยังอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสอีกด้วย แต่หลังจากที่ไป ๆ มา ๆ เพียงไม่กี่แห่ง มันก็ทำให้พวกเรารู้สึกเบื่อมาก ดังนั้นเมื่อพวกเราได้ยินเรื่องของหมู่เกาะเฮยสุ่ย จึงได้มาที่นี่ด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก!”
แต่ทว่าหลังจากที่มาแล้ว ก็ไม่ได้มีความสุขในอิสระภาพเลยสักนิด และมันก็ยังทำให้ตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของตนเองนั้นไม่พอมากเพียงใด
“โชคดีที่ได้มาเจอกับแม่นางมู่ มิเช่นนั้นพวกเราก็คงต้องกลับไปอย่างสิ้นหวังเป็นแน่”
กลับไปอย่างนั้นหรือ? เรื่องที่สถานที่แห่งนี้ไร้หนทางหวนกลับนั้นมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีจี้หยกเคลื่อนย้ายอยู่ในมือ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกลับออกไปได้
ก่อนอื่นคงต้องก้าวไปทีละขั้น เพราะอย่างไรเสียคนส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงเท่านั้น ส่วนผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์นั้นมีน้อยมาก ฉะนั้นภัยคุกคามจึงไม่ได้มากมายอะไรนัก!
และนี่ก็ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องหลังจากที่นางเข้ามายังดินแดนทางทิศตะวันออกของราชวงศ์ตงหวงอย่างแท้จริง
ตอนนี้กิจกรรมการขุดแร่ทุก ๆ เจ็ดวันก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว มู่เฉียนซีและพรรคพวกที่มาใหม่ได้ตกเป็นเป้าสายตาแล้ว อีกทั้งยังมีองครักษ์ที่สวมชุดเกาะแข็งแรงของผู้นำแต่ะละเกาะเข้ามาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้อีกด้วย
“เด็กน้อย อย่าบีบบังคับให้ข้าต้องใช้ความรุนแรง! แม้ว่าจะไม่ต้องการเอาชีวิตของพวกเจ้า แต่ข้ารับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งมองไปทางมู่เฉียนซี นางจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ไปกันเถอะ! ไปดูกันว่ามันคือหินแร่อะไรกันแน่”
“ตกลง!”
สถานที่ในการขุดแร่อยู่ใต้น้ำล่างสุดของเกาะแห่งนี้ และพวกเขาได้ดำดิ่งลงสู่ส่วนลึกตามคำแนะนำของคนบนเกาะ จากนั้นก็ได้ลงมือปฏิบัติตามข้อกำหนดของพวกเขา
หลังจากที่ขุดอยู่เป็นเวลานาน พวกเขาก็ขุดผลึกสีเหลืองอ่อนออกมาได้ก้อนหนึ่ง และนี่ก็คือสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดต้องการ
“นี่มันคืออะไรน่ะ?”
ภายในแร่หินนี้มีพลังแห่งมิติอยู่ด้วย แต่มันไม่ใช่ผลึกมิติอย่างแน่นอน
เมื่อมู่เฉียนซีเห็นถึงโอกาส นางก็ลงมือต่อทันที
เมื่อกิจกรรมในวันนี้สิ้นสุดลง พวกเขาก็ถูกส่งออกไป
“ขุดอยู่ตั้งนานขนาดนี้ ข้าเพิ่งจะขุดได้ก้อนเดียวเอง จะโชคร้ายเกินไปแล้ว”
“ตอนที่ข้าอยู่ที่สำนักไม่เคยต้องทำงานหนักเช่นนี้มาก่อนเลย แต่ผลสุดท้ายข้าต้องถูกบังคับให้ทำงานเพราะคนกลุ่มนี้เสียได้”
“ข้าคิดว่า นี่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งเช่นกันนะ!”
สำนักเซิ่งหลินเป็นกองกำลังระดับสี่ที่มีความประพฤติดี และลูกศิษย์เหล่านี้ก็ถูกพวกเราเลี้ยงดูมาอย่างไม่มีความคิดที่ชั่วร้าย อีกทั้งยังดูค่อนข้างซื้อบื้ออีกด้วย
“วันนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่เลวเลย! ขั้นตอนต่อไป ก็ให้พวกเจ้าควบแน่นแก่นเลือดของพวกเจ้าแล้วผสมเข้าไปในผลึกสีเหลืองนี้ เพียงเท่านั้นภารกิจของพวกเจ้าก็ถือว่าสำเร็จแล้ว”
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปมาก “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน? เหตุใดต้องทำให้พวกเราควบแน่นแก่นเลือดผสมเข้าไปด้วยละ!”
“สำหรับข้าแล้วแก่นเลือดนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ฉะนั้นจึงไม่สามารถสูญเสียมันไปโดยไม่ตั้งใจได้”
“พวกเราขอปฏิเสธ!”
“หากพวกเจ้าอยากที่จะอยู่บนเกาะอย่างสงบสุขแล้วละก็ พวกเจ้าควรจะเชื่อฟังดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าหนูอย่างพวกเจ้าทิ้งเสีย เพราะมันง่ายยิ่งกว่าบดขยี้มดปลวกเสียอีก!”
ชายวัยกลางคนที่เป็นหนึ่งในผู้ดูแล ได้ระเบิดแรงกดดันของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ออกมา
แม้ว่าจะเป็นเเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตกลุ่มนี้แล้วคงไม่อาจที่จะต่อต้านเขาได้ และสีหน้าของพวกเขาแต่ละคนก็ซีดเผือดไปในทันที