ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1904 ประกาศอันดับอัจฉริยะ
ฟิ้วว!
และในเวลานี้พัดวิหคเฟิงหลิงที่บินออกไปก็วนกลับมาอีกครั้ง จากนั้นใบมีดของพัดก็แยกออกจากกัน
ใบมีดของพัดใช้องศาที่ซับซ้อนมากกว่าตอนที่ซ่งหมิงเยว่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ จากนั้นมันก็พุ่งตรงเข้าใส่ซ่งหมิงเยว่ด้วยวิธีเดียวกับที่เขาใช้ตอนก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน
“เป็นไปได้อย่างไร?” ซ่งหมิงเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย และรีบหลบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
ด้วยความเร็วของเขา เดิมทีก็ไม่มีทางที่จะหลบใบพัดทั้งหมดได้อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงทำให้ใบพัดชิ้นหนึ่งเฉือนลงไปบนต้นแขนของเขา
หลังจากนั้นใบพัดก็กลับมารวมร่างกัน และร่างสีม่วงนั้นพุ่งทะยานออกไปราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้ถูกกางออกอีกครั้ง และพลังธาตุวายุที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งตรงไปยังซ่งหมิงเยว่ทันที
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
เขายังคงมีอาการบาดเจ็บจากก่อนหน้านี้ และในเวลานี้มู่เฉียนซีก็จู่โจมเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ทำให้เขาหมดหนทางที่จะหลีกหนีได้พ้น
ตึง!
ร่างของซ่งหมิงเยว่กระเด็นออกไปจากสนามประลองอย่างไร้หนทางควบคุม
พรวด! และเขาก็ได้กระอักเลือดสด ๆ ออกมา
ซ่งหมิงเยว่ปีนป่ายขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก และเขาก็โซซัดโซเซจนเกือบล้มลงไปกับพื้น
เขากำหมัดเอาไว้แน่น และยากที่จะเชื่อว่าตอนนี้ตนเองได้พ่ายแพ้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ชนะแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดจะชนะแล้ว นางชนะได้แล้ว!” ทุกต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ใช่แล้ว! นางชนะแล้ว มู่เฉินซีเก่งกาจมากจริง ๆ”
“เป็นครั้งแรกที่เจอผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่แข็งแกร่งเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีเอาชนะได้แล้ว อีกทั้งยังชนะอย่างงดงามด้วย และผู้คนมากมายต่างก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้
“มู่เฉินซีช่างเก่งกาจมากจริง ๆ เดิมทีนางก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพวกเราอยู่แล้ว และความแปลกประหลาดของนางในคราวนี้ทำให้กลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของทั่วทั้งแดนใต้ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วไม่ประหลาดใจเลย”
“ถูกแล้ว! เหล่าลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่ก่อนหน้านี้ต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง!”
“……”
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้คนที่รู้ถึงความสามารถของมู่เฉินซีในงานชุมนุมอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก่อนหน้านี้ หรือว่าจะเป็นคนที่เคยต่อสู้กับนางต่างก็เริ่มที่จะพูดคุยกันถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของมู่เฉินซีในการประลองครั้งที่แล้ว และพวกเขาก็รู้สึกว่าครั้งนี้มู่เฉินซียิ่งน่าทึ่งมากขึ้นไปอีก
ซ่งหมิงเยว่ทำได้เพียงแค่ไปยังที่ชั้นเจ็ดเท่านั้น เนื่องจากการต่อสู้กับมู่เฉียนซีในยกนี้ ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อยอีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บด้วย ฉะนั้นช่วงนี้จึงไม่สามารถท้าทายกับคนที่อยู่ชั้นที่แปดเพื่อเลื่อนขั้นในทันทีได้
มิฉะนั้นหากเขาต้องพ่ายแพ้ไปอีกสนาม เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเป็นแน่
จูเก๋อจือก็คิดจะขึ้นไปเช่นกัน แต่หลังจากที่ได้เห็นซ่งหมิงเยว่พ่ายแพ้อย่างน่าเวทนาถึงเพียงนี้แล้ว นางก็ได้ละทิ้งความตั้งใจที่จะท้าทายมู่เฉียนซีไปสิ้น
นางโกรธเคืองเป็นอย่างมาก หญิงสาวผู้นี้น่ารังเกียจพอ ๆ กับนางปีศาจจิ้งจอกนั่น มิหนำซ้ำก็เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับต่ำเท่านั้นเอง
สีหน้าของตู๋กูล่างก็บูดบึ้งเป็นอย่างมากเช่นกัน เขาให้ซ่งหมิงเยว่ไปทดสอบความสามารถของมู่เฉินซี และไม่คาดคิดเลยว่าจะให้ผลออกมาเช่นนี้
หลังจากที่มู่เฉียนซีและเหยียนเอาชนะมาได้อย่างงดงามทั้งสองสนาม ก็ไม่มีผู้ใดกล้าคิดที่จะมาต่อสู้ชั้นที่เก้าอีกเลย
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันแรกของงานชุมนุมอัจฉริยะก็ได้ผ่านพ้นไป
หลังจากที่วันแรกเพิ่งจะสิ้นสุดลง คุณชายจูเชว่ก็ได้เผยแพร่รายชื่อลำดับอัจฉริยะแห่งแดนใต้ของราชวงศ์ตงหวงออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข้างบนนั้นเขียนเอาไว้ว่า อันดับที่หนึ่ง มู่เฉินซี
อันดับที่สอง เหยียน
อันดับที่สาม ฉู่หลี
คนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนจากชั้นที่เก้าทั้งนั้น และลำดับถัดมาก็เป็นรายชื่อของชั้นที่แปด
อันดับที่สี่ ตู๋กูล่าง
อันดับที่ห้า หนานเฉิน
อันดับที่หก เมิ่งเสี่ยวชิง
อันดับที่เจ็ด ซ่งหมิงเยว่
อันดับที่แปด เซี่ยโหวจือ
และไป๋จิ่งเยว่ก็อยู่ในอันดับที่สิบสอง ส่วนชิงเสวียนก็อยู่ห่างออกไปถึงลำดับที่ยี่สิบ
การจัดลำดับเหล่านี้คุณชายจูเชว่ยึดตามการแข่งขันของวันนี้และยังมีข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาก่อนหน้านี้ด้วย และการจัดลำดับของชั้นที่แปดพวกเขาก็รู้สึกไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
แต่ทว่าลำดับรายชื่อของชั้นที่เก้ามีปัญหาใหญ่เลยทีเดียว เนื่องจากคาดไม่ถึงว่ามู่เฉินซีจะแข็งแกร่งกว่าเหยียนเหลียนเจียและฉู่หลี ซึ่งนี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
พวกเขาเคยเห็นเหยียนเหลียนเจียต่อสู้มาก่อน ซึ่งการโจมตีทางจิตวิญญาณของนางนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก
ส่วนฉู่หลีผู้นั้นแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย แต่จะต้องเป็นผู้ที่จัดการได้ยากคนหนึ่งเป็นแน่
ทว่าอันดับที่หนึ่งดันไปตกอยู่ที่มู่เฉินซีซะอย่างนั้น ซึ่งมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนเชื่อได้ยากเสียจริง ๆ!
มู่เฉียนซีกล่าวกับจูเชว่ว่า “การแข่งขันยังไม่ทันจะเริ่มต้นขึ้นเลย เจ้าก็ประกาศเช่นนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเพียงแค่ประกาศผลลัพธ์ล่วงหน้าเท่านั้นเอง” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วการเดิมพันในการแข่งขันครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และคุณชายจูเชว่ที่ทำลำดับรายชื่อออกมาก็เพื่อที่ทำให้ทุกคนหาทิศทางของตนเองเจอ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราก็ไปวางเดิมพันกันบ้างเถอะ น่าจะสามารถหาเงินได้มากมายเลยทีเดียว”
“อื้ม!”
ถึงอย่างไรก็ตามมีน้อยคนมากที่เดิมพันว่ามู่เฉินซีจะได้ที่หนึ่ง ถึงแม้ว่าจูเชว่จะมีประกาศการจัดลำดับออกมาแล้ว แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าข้อมูลของคุณชายจูเชว่ต้องผิดพลาดอย่างแน่นอน
จูเชว่กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “ไม่เชื่อคุณชายอย่างข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็รอรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ!”
ตู๋กูล่างที่อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่แรกเมื่อเห็นประกาศของลำดับอัจฉริยะที่ออกมา สีหน้าของเขาก็บูดบึ้งมากกว่าเดิมเสียอีก
ในดินแดนทางทิศใต้ของราชวงศ์ตงหวงแห่งนี้ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าที่จะเหยียบหัวเขา อีกทั้งยังมีถึงสามคนอีกด้วย บัดซบเอ้ย! เขาเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหลางซิงเชียวนะ
เขากำหมัดเอาไว้แน่น พรุ่งนี้…แน่นอนว่าพรุ่งนี้จะต้องสั่งสอนให้พวกเขารู้สำนึกให้จงได้
หากรู้แต่แรกว่าจะมีประกาศลำดับเช่นนี้ วันนี้เขาก็คงจะเคลื่อนไหวไปแล้ว ผิดคาดเสียจริง! ตู๋กูล่างอารมณ์เสียอย่างที่สุด
เซี่ยโหวจือไปหาเมิ่งเสี่ยวชิงด้วยความเดือดดาล “น่าโมโห น่าโมโหจริง ๆ คุณชายจูเชว่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เหตุใดถึงเอาชื่อข้าไปไว้รั้งท้ายเช่นนั้น”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างสำรวมว่า “ท่านพี่หญิงเซี่ยโหวอย่าได้โกรธเคืองไปเลย หากว่าท่านต้องการที่จะขึ้นมาอยู่ในระดับสูงละก็ ให้ข้าเอาลำดับของข้ามอบให้ท่านก็ย่อมได้”
“ข้าไม่ต้องการหรอก ข้าต้องการที่จะกำจัดคนที่ชื่อว่ามู่เฉินซีผู้นั้นมากกว่า! นางมีสิทธิ์อะไรมาทำให้คุณชายจูเชว่มองในแง่ดีถึงเพียงนั้น?” เซี่ยโหวจือกัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ
ทันทีที่ลำดับถูกประกาศออกมา วันที่สองของการชุมนุมอัจฉริยะก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งไฟที่ลุกโชนอยู่ในกายของเหล่าอัจฉริยะก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นไปอีก
และมันก็เริ่มไปอย่างที่คาดไว้ เซี่ยโหวจือเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า “มู่เฉินซี ข้าต้องการที่จะสู้กับเจ้า ลงมารับคำท้าเสียเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตามที่ข้าได้รู้มา ความสามารถของเจ้าอ่อนแอยิ่งกว่าซ่งหมิงเยว่เสียอีก เจ้าแน่ใจหรือว่าจะประลองกับข้า?”
“เมื่อวานซ่งหมิงเยว่ไม่ทันระวังจึงถูกลอบโจมตีจนสำเร็จ แต่คราวนี้คุณหนูเช่นข้ารู้กลอุบายของเจ้าอย่างชัดแจ้งแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะได้อีกหรือ?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นข้าก็ตอบรับคำท้า!” มู่เฉียนซีพุ่งตรงไปยังสนามประลอง และแน่นอนว่าจูเก๋อจือก็พุ่งขึ้นไปอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
ทันทีที่การประลองเริ่มต้นขึ้น แส้อสรพิษเพลิงก็ได้ตวัดพุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี และเปลวไฟก็สาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง
จูเก๋อจือเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี และเมื่ออสรพิษเพลิงตัวนั้นเมื่อแยกเขี้ยวยิงฟันแล้วช่างดูดุร้ายยิ่งนัก
หากถูกมันรัดเข้าแล้วละก็ หนังจะต้องถลอกออกมาชั้นหนึ่งเป็นแน่
นี่ไม่ใช่การประลองแล้ว แต่หญิงสาวผู้นี้ต้องการที่จะเอาชีวิตของนาง!
แววตาของมู่เฉียนซีแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที และทันใดนั้นพลังธาตุวายุก็ได้ระเบิดออกมา
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
ธาตุวายุจู่โจมพาดผ่านตามจุดต่าง ๆ รอบลำตัวของเซี่ยโหวจือ
ปัง ปัง ปัง!
พลังธาตุวายุและอัคคีเข้าปะทะกันขึ้นมา และทั้งสองก็ลอยละลิ่วออกไป
ด้วยความพยายามในชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็ได้ต่อสู้กับไปเจ็ดถึงแปดกระบวนท่าแล้ว
แม้ว่าระดับของเซี่ยโหวจือจะสูงกว่ามาก แต่ก็ยังคงไม่มีข้อได้เปรียบใด ๆ เลย
นางหยิบเอาขวดแก้วใบหนึ่งออกมา ภายในขวดแก้วนั้นมีของเหลวของเปลวเพลิงอยู่
จากนั้นนั้นนางก็หยดของเหลวลงบนแส้อสรพิษเพลิง และเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมไปทั่วทั้งสนามประลอง
สนามประลองโบราณแห่งหนานหลิงชั้นที่เก้าในเวลานี้ ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นภูเขาเพลิงไปแล้ว ภายในแววตาของจูเก๋อจือเผยให้เห็นถึงความดุร้ายออกมา เนื่องจากการประลองในวันนี้ นางได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และแน่นอนว่านางจะต้องสั่งสอนหญิงสาวผู้นี้ จากนั้นก็คว้าเอาลำดับที่หนึ่งมาให้ได้
.
.