ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 56 นอนด้วยกันกับซังหลินจวิน
ริมฝีปากบางเม้ม และเขาก็มองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ยื่นแขนที่ยาวออกไปโอบเธอเข้ามาให้อยู่ใกล้ตัวเองยิ่งขึ้น
เฉินเฉียวไม่ได้ขัดขืน มือนุ่มๆก็ล้วงเข้าไปในชุดนอนของเขา แล้วก็โอบไปที่เอวของเขา
ความเป็นเปล่งประกายแห่งความปรารถนาและความหวังเปล่งประกายไปทั่วใบหน้าที่แสนจะดูดีของชายคนนั้น แต่จู่ๆก็รู้สึกหดหู่ทันที
หยิบมาผ้านวมขึ้นมา แล้วก็ห่มไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งหนุนไว้หลังศีรษะ หลับตา และกำลังจะนอน
จู่ๆก็มีโทรศัพท์สั่นขึ้นมาบนหัวเตียง
ในคืนที่มืดมิดนี้จะไม่สนใจเลยก็ไม่ได้
นี่เป็นโทรศัพท์ของเธอ
เขาเอื้อมมือไปเอา แล้วพอมองไปชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอทำให้เขาถึงกับตาโต
ปู้อี้เฉิน
ดูเหมือนว่าเขาจะชอบโทรมาหามากๆ
“ หวู่~~ ” เฉินดฉียวถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ เธอเหมือนกับครึ่งกลับครึ่งตื่น จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว
ซังหลินจวินถาม : “ โทรศัพท์เธอ จะรับไหม ?”
“ ……คุณช่วยฉันรับก็ได้ ” เฉินเฉียวนอนอย่างัวเงีย เนื่องจากตอนนี้เธอไม่สามารถแยกแยะได้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือความฝัน และเธอก็คิดว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆเป็นเจียงฉยงฉยง
ซังหลินจวินไม่พูดอะไร แล้วก็กดรับสายจากนั้นก็เอามาแนบหู
“ เฉินเฉียว เธออยู่ไหน ?”
เสียงของปู้อี้เฉินค่อยๆดัง
ตอนนี้เขาอยู่กับโหยวจิ้งหลี แต่โหยวจิ้งหลีหลับไป แต่ว่าเขานั้นยังไม่หลับ
กลางดึก นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ในหัวเอาแต่คิดเรื่องที่พนักงานในบริษัทพูดกันวันนิ้
พอคิดว่าเธอถูกผู้ชายคนนั้นมารับไป คิดว่าเธออาจจะกำลังนอนอยู่ข้างผู้ชายคนนั้น ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรติดที่อยู่ที่คอ ทำให้นอนไม่หลับ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มรู้สึกสนใจเธอขึ้นมาตอนไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมตัวเองถึงต้องสนใจเรื่องของเธอมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ
ส่วนอีกฝั่ง ซังหลินจวินก็เงียบ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
“ เฉินเฉียว เธอแกล้งเป็นบ้าหรอ ? !” ปู้อี้อดไม่ได้ที่จะไม่โกรธ “ ต่อหน้าฉัน เธอไม่พูดประชดประชัน ก็จะเงียบใส่ ใช่ไหม ?”
ซังหลินจวินพยายามอดทน
“ ที่ไม่พูด เพราะกำลังผิดอะไรใช่ไหม ? เฉินเฉียว ตอนนี้เธออยู่กับไอ้ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม ? เธออดอยากขนาด ถึงขั้นขั้นต้องเลี้ยงผู้ชายไว้เลยหรอ ?”
“ เธอหลับแล้ว มีอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ละกัน ” ในที่สุดผู้ชายคนนั้นก็ยอมเอ่ยปากพูด
ส่วนฝั่งนั้นก็คงกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ส่วนทางนี้ก็น้ำเสียงอ่อนโยน แล้วก็เงียบสงบ
แต่ว่าประโยคนี้ถือว่าเป็นประโยคที่เอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว
ปู้อี้เฉินตกใจกับน้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นมากก็ไม่พูดอะไรไปสักพัก
เขาไม่คาดคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะมารับสายแทนเธอ
ใช่หรือไม่ !
ผู้หญิงคนนี้กำลังนอนกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม !
พอนึกถึงตอนนี้ ในใจของปู้อี้เฉินก็ร้อนเป็นไฟ “ คุณเป็นใคร ?”
เขาด้วยน้ำที่แข็งกระด้าน
“ เป็นผู้ชายที่เธอเลี้ยงเอาไว้ ” ซังหลินจวินตอบกลับไปด้วยความใจเย็น
มือของปู้อี้เฉินจับอยู่ที่ราวของบันได และดูเหมือนว่าราวบันไดจะหักในอีกไม่ช้านี้
ผู้ชายคนนี้กล้าตอบอย่างมั่นใจ เห็นได้ว่าเขาไม่ได้แคร์สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเฉินเฉียวเลย
เขาไม่ต้องการคุยกับไอ้ผู้ชายคนนี้ แล้วก็เลยตอบกลับไปว่า : “ ไปเรียกเธอมารับสาย ”
ซังหลินจวินมองไปผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงของเขา ก็เลยเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับดวงตาสีหมอกแล้วก็ถามว่า : “ ใครหรอ ?”
เธอเหมือนกวางตัวน้อยที่กำลังหลงเข้าไปในป่าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจให้หลงทาง
ชุดนอนที่เธอใส่เป็นลายดอกไม้เล็กๆ ที่ปกปิดรูปร่างที่แสนจะเซ็กซี่ของเธอ และชุดนี้ก็ดูเหมาะกับเธอมาก แต่ไม่มีเสน่ห์เท่าครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้ดูเป็นบริสุทธิ์ที่แสนจะพิเศษ
ซังหลินจวินพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นว่า : “ สามีของเธอ ”
“ อืม ” เฉินเฉียวตอบกลับ แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกตื่นขึ้นมาทันที แล้วก็ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังผิดปกติ พร้อมกับดวงตาที่เปิดกว้างขึ้น
เธอมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า และดวงตาสีหมอกก็เป็นประกายพร้อมกับมีหลากหลายอารมณ์อยู่ในแววตานั้น
ตอนแรกก็งงๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตื่นอยู่หรือว่าฝันอยู่กันแน่ ทันใดก็มีทั้งความประหลาดใจ ความตกใจ และความตื่นตระหนก
ตอนนี้รู้แค่ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงของเด็ก แล้วยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนนี้ก็นอนอยู่ข้างๆเธอ เธอควรที่จะลุกขึ้น
อย่างไรก็ตามพอเธอขยับ ก็เหมือนถูกมือใหญ่ๆกำลังจับเธอไว้ แล้วตัวเธอก็จะถูกดึงกลับไป
“ นอนซะ ไม่ต้องขัยบ ” น้ำเสียงของผู้ชาย ที่น่าฟัง ก็คงจะเป็นคืนนี้ เสียงที่เข้ามาในหูของเธอ มันเซ็กซี่มากจนน่าตกใจ
เฉินเฉียวมองไปที่เธอ สายตาของเขามองไปที่โย่วอี แล้วก็กระซิบว่า : “ เธอคงไม่อยากทำให้เขาตื่นหรอก ”
ความจริงแล้วเธอไม่อยาก เพราะกว่าเด็กคนนี้จะได้หลับดีๆไม่ใช่เรื่องง่าย
โย่วอีเหมือนรู้เธอจะไป ร่างตัวเล็กๆก็กลิ้งมากอดเธอเอาไว้ ส่วนขาสั้นๆก็พาดไปบนตัวของเธอ
“ เฮ้ยนี่ ! เฉินเฉียว ฉันรู้นะว่าเธอตื่นแล้ว !” ปู้อี้เฉินได้ยินเสียงของพวกเขาที่อยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ซังหลินจวินยื่นโทรศัพท์ที่หน้าของเธอ “ ฟังไหม ?”
เฉินเฉียวหัวถึงกับยุ่งเหยิงไปหมด อีกฝั่งก็เป็นปู้อี้เฉินที่ไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนฝั่งนี้ก็เป็นซังหลินจวินที่ไม่อยากจะยุ่งออะไรกับใคร แล้วก็อีกอย่าง ถ้าเธอคิดไม่ผิด ศีรษะของเธอกำลังหนุนอยู่บนแขนของซังหลินจวิน
เฉินเฉียวคิดอยู่สักพัก ก็หยิบโทรศัพท์มา แล้วก็เอาขึ้นมาแนบที่หู
ปู้อี้เฉินที่อยู่ฝั่งนู้นก็คงต้องดิ้นอยู่ ส่วนเธอนั้นก็กำลังให้ความสนใจกับผู้ชายอยู่ข้างๆเธอตอนนี้ และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องที่เธอกำลังจะพูดคุยในโทรศัพท์ พอเขายื่นโทรศัพท์เธอ เขาก็หลับตาแล้วก็นอนลง
ทำไมคนนี้ ถึงได้ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงนี้ได้ ?
นี่ไม่ใช่เตียงของเด็กหรอ ?
อาการง่วงของเฉินเฉียวก็หมดไปในทันที
ก็เพราะว่า ภาพที่คิดไว้ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
เตียงของเด็ก เดิมทีมันยาว 1.5 เมตร เธอกับเด็กนอนไปก็ยังมีพื้นที่เหลือเล็กน้อย ซึ้งตอนนี้ซังหลินจวินกำลังเบียดอยู่ข้างเธอ
“ เฉินฉียว ไอ้ผู้ชายที่เลี้ยงไว้ ใช่เด็กนั่งดริ้งที่เธอพูดถึงครั้งก่อนใช่ไหม ?” น้ำเสียงที่รุนแรงขแงปู้อี้เฉิน มันทำให้เธอมีสติมากขึ้น
ผู้ชายที่เลี้ยงไว้ ?
เด็กนั่งดริ้ง ?
โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ค่อยดี เฉินเฉียวรับประกันได้เลยว่าคนที่อยู่รอบข้างนั้นต้องได้ยินแน่ๆ เธอแอบชำเลืองมองเขา แต่เขาก็ยังหลับตาแล้วก็ไม่ได้รู้สึกตัวอะไร
แม้แต่เปลือกตาเขาก็ไม่ขยับ
“ คุณไม่ได้มีสิทธิ์อะไร ต่อไป ถ้าเกิดว่าคุณยังมายุ่งเรื่อส่วนตัวอีก ฉันไม่รับสายของคุณอีก ” เฉินเฉียวพยายามใช้น้ำเสียงที่เข้ม
หนึ่งเลย ไม่อยากให้กระทบถึงซังโย่วอี
สอง ต่อหน้าซังหลินจวิน เธอไม่อยากทะเลาะกับปู้อี้เฉิน มันจะทำให้ตัวเองดูไร้ค่า
“ ทำไมละ ? กับฉันยุ่งเรื่องส่วนตัวไม่ได้ แต่กับไอ่ผู้ชายที่เธอเลี้ยงไว้นั้นยุ่งได้งั้นหรอ ?” ปู้อี้เฉินไม่อยากจะจบลงแบบนี้กับเธอ
เฉินเฉียวหัวเราะ “ ยากมากนักที่คุณจะรู้ตัวเองแบบนี้ ”
“ ไอ้ผู้ชายที่เธอเลี้ยงไว้คนนั้นคือใคร ?”
“ เด็กนั่งดริ้งไงละ ” เฉินเฉียวตอบ
ปู้อี้เฉินรู้สึกโกรธมาก “ เธอหาเด็กนั่งดริ้งมาเพื่อมาประชดฉันงั้นหรอ ?”
“ โหยวจิ้งหลีรู้ไหมว่าคุณโทรมาหาฉันดึกขนาดนี้ ?” เฉินเฉินไม่ได้ตอบ แต่กลับถามไป
พอพูดถึงโหยวจิ้งหลี ปู้อี้เฉินก็เริ่มรู้สึกผิดไปสักพัก แล้วก็พูดว่า : “ เธออย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ ”
“ ฉันง่วงมา ขอนอนก่อนละ ” เฉินเฉียวพูดไปด้วยแล้วทำเสียงหาวขี้เกียจไปด้วย