ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 497 ช่วงเวลาของความหวาน
เธอจ้องชู่จี้อย่างเขินอาย “กำลังพูดเรื่องจริงจัง นายประเด็นทำไมเนี่ย”
ชู่จี้ขยับไปใกล้เธอ ดมกลิ่นลาเวนเดอร์บนตัวเธอ กลิ่นนี้ทำให้คนหลงใหลมาก
“ฉันก็กำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่ รู้สึกว่าถ้ารีบแต่งงานกับเธอ ฉันจะได้วางใจ” นิ้วมือชู่จี้แตะริมฝีปากอมชมพูของเธอ ความต้องการในแววตา ทำให้ซังอี๋อยู่ไม่เป็นสุข จึงรีบกอดตัวเองไว้
“นี่ในรถนะ นายอย่าทำอะไรบ้าๆนะ!” เธอเบิกตากว้างพูดเตือน ท่าทางที่เหมือนกระต่ายตื่นตูมนั้นน่ารักมา
เห็นเธอเป็นแบบนี้ อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นเยอะเลย จากนั้นจึงบีบแก้มเธอ “ตอนที่เห็นเธอ ฉันก็คิดเลยว่า คนแบบนี้ จะอร่อยมากหรือเปล่า?”
เขายังจำครั้งแรกที่เจอซังอี๋ได้ ท่าทางเธอดูดีมาก คนอื่นเทียบไม่ติดเลย อยู่เย็นชาแล้วน่าดึงดูด ดูเป็นผู้ดีแต่ไม่เย่อหยิ่ง ความรู้สึกแบบนั้นถ้าอยู่บนตัวคนอื่นอาจจะขัดแย้ง แต่กลับผสมผสานกันได้ดีบนตัวเธอ
ซังอี๋ทำอะไรไม่ได้ “เรารีบกลับกันเถอะ จะถึงมื้อเย็นแล้ว นายอยากกินอะไร?”
ชู่จี้เท้าคางคิด แล้วตอบว่า “อยากกินเธอ”
ทั้งสองไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ชู่จี้เป็นผู้ช่วย แล้วซังอี๋เป็นคนทำอาหาร
“ให้ฉันเป็นผู้ช่วย ชีวิตนี้คงมีแค่เธอคนเดียว” ชู่จี้ยิ้มอย่างเอ็นดู
เธอเอาแครอทที่หั่นเสร็จแล้วลงไปผัด จากนั้นจึงใส่เครื่องปรุง ทำเป็นซอสง่ายๆ
“ที่รัก ฝีมือที่รักดีจริงๆ” เขาได้กลิ่นหอมลอยออกมา แล้วพูดชมเธอ
“ก็ฉันเป็นเชฟคนเก่งไง” ท่าทางซังอี๋คล่องมาก เอาของที่เตรียมไว้ลงไปพัด จากนั้นก็เติมน้ำ พอน้ำเดือดค่อยใส่เนื้อลงไป
“ไม่ทำลายสารอาหารเหรอ?” ชู่จี้ถามแนบหูเธอ ลมหายใจอุ่นๆพ่นไปที่หูเธอ จนซังอี๋ขนลุกซู่
“ความจริงกินผักกวางตุ้งสดๆดีที่สุด แต่ถ้าเอาไปต้มก็ไม่ทำลายสารอาหาร ฉันเลยเอารสชาติของผักมาแย้งกับรสชาติของเนื้อ”
ปกติกินเนื้อมันจะเยอะ เธอชอบกินอะไรเบาๆ เพราะฉะนั้นซุปที่เอาต้มผักก่อนค่อยต้มเนื้อ รสชาติจะเปลี่ยนไป รสชาติก็จะเบาลงด้วย
น้ำในหม้อเดือดแล้ว ซังอี๋เลยตักเนื้อออกมา แล้วทำขั้นตอนอื่นต่อ
ชู่จี้เห็นแบบนี้ เลยรู้สึกอบอุ่นมาก ภรรยาตัวเองสวยจริงๆ ยิ่งท่าทางที่ตั้งใจทำงานอาหารยิ่งทำให้เขาใจสั่น
อยู่ๆเขาก็กอดเธอจากข้างหลัง โอบเอวบางๆของเธอไว้ แล้วกัดติ่งหูเธอ แล้วเลียเบาๆ
เธอโดนชู่จี้ทำจนตัวชา “นาย……เดี๋ยวค่อย!” ซังอี๋อายที่จะพูดตรงๆ หยุดพูดแล้วให้ชู่จี้คิดเอง
“ค่อยอะไร?” เขาถลกเสื้อเธอขึ้น ฝ่ามือก็เอาแต่ลูบไล้ผิวเธอ ผิวขาวๆของเธอที่เหมือนหิมะ น่าหลงใหลจริงๆ
ซังอี๋พยายามหักห้ามคำโอดครวญ ยื่นมือไปจับมือเขาไว้ “กินข้าวเสร็จค่อย……ฉันจะเชื่อฟังนาย โอเคไหม?” รู้สึกพอใจกับมื้ออาหารที่กำลังจะถึง
เจ้าเล่ห์!
เธอมองออกสักที ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์มาก ทีแรกคิดว่าเขาเป็นคนเย็นชา ตอนนี้เธอเห็นด้านที่คนอื่นไม่รู้แล้ว
“มาชิมดู ระวังร้อนนะ” ซังอี๋ทำมื้อเย็นเสร็จสักที แล้วยกมาบนโต๊ะ แล้วมองชู่จี้ตาเป็นประกาย
“รสชาติเป็นยังไงบ้าง?” เธอเพิ่งป้อนเขา แล้วรีบเอ่ยถาม
ชู่จี้ลิ้มลองรสชาติไปด้วย แล้วยิ้มมุมปาก “เธอมาชิมดูสิ”
เธอกำลังจะหยิบตะเกียบคีบเนื้อเข้าปาก แต่กลับโดนชู่จี้ห้ามไว้ ริมฝีปากเขาแนบกับริมฝีปากเธอ แล้วยื่นลิ้นไปที่ปากเธอ เพื่อส่งต่อรสชาติ “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
ระหว่างลิ้นมีรสชาติของเขา นี่เลยทำให้ใจซังอี๋เต้นเร็ว
หน้าเธอแดงมาก “นาย……”
“ไม่อร่อยเหรอ?” ชู่จี้เลิกคิ้ว แล้วนั่งกลับไปที่เดิม บนใบหน้ามีแต่ความเจ้าเล่ห์
ซังอี๋ส่ายหน้า ชู่จี้จีบผู้หญิงเก่งจริงๆ เธอรู้สึกว่าออกซิเจนในอากาศเหลือน้อยมาก จนเธอหายใจไม่คล่อง
“ฝีมือที่รักนี่ดีจริงๆ” ชู่จี้คีบอาหารขึ้นกิน อาหารที่ภรรยาเขาทำ เขาต้องกินให้หมด
อวี้เฟิงเห็นว่าช่วงนี้บอสกับภรรยาอารมณ์ดีกันมาก ทั้งสองเอาแต่หวานกัน จนอวี้เฟิงจะมาเคาะประตูยังต้องระวัง กลัวว่าถ้าเปิดประตูเข้าไปจะเจออะไรที่ทำให้หน้าแดง
เขาโสดมาตั้งนาน สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะหาแฟน
อวี้เฟิงเพิ่งคิดแบบนี้ ข้างนอกก็มีคนเคาะประตูทันที
อวี้เฟิงรีบทำตัวจริงจังทันที “เข้ามาครับ”
หลิงเยว่กลับไปทำให้คุณหนูเหมือนเดิม เธอโดนฮวาเจิงไล่ออกแล้ว เธอจึงไม่ต้องเกรงใจคนที่ชอบใช้เธอสั่งเธออีก โดยเฉพาะอวี้เฟิง!
“คุณหนูหลิงเหรอครับ” อวี้เฟิงถามอย่างใจเย็น “มาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
หลิงเยว่เดินก้าวไปอย่างดูดี แล้วขยับริมฝีปากสีแดงของเธอ “แน่นอน ครั้งนี้ที่ฉันมาอยากจะมาร่วมงานกับฮวาเจิง หวังว่าคุณจะช่วยนัดผู้บริหารชู่ให้ฉัน”
ท่าทางที่เอาการเอางานของหลิงเยว่ทำให้อวี้เฟิงตกใจ เธอกินยาผิดขวดหรือเปล่า?
เขาแอบคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป
“ผู้บริหารชู่……ช่วงนี้ยุ่งมากครับ เอาอย่างนี้ ผมจะลองนัดให้คุณนะครับ” อวี้เฟิงพูดอย่างลำบากใจ
เธอก้าวเดินออกจากห้องทำงานของอวี้เฟิง ในสายตามีความได้ใจ
หลิงเยว่เพิ่งเดินออกไป เลยเห็นซังอี๋เดินเข้าไปพอดี
ทั้งสองเดินผ่านกัน แต่หลิงเยว่กลับเรียกตัวเธอไว้ก่อน “เดี๋ยวค่ะ คุณหนูซัง”
ซังอี๋หันไปหาอย่างมึนงง รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดไม่ดีแน่ เลยต้องระวังตัวไว้หน่อย
หลิงเยว่เอ่ย “ฉันบอกพ่อฉันแล้ว ท่านชอบลูกเขยอย่างชู่จี้มาก แล้วคุณ ฉันว่าคุณรีบหยุดมือเถอะ แล้วไสหัวไปจากชู่จี้ซะ”
ทีแรกเธอไม่หวังอะไรกับชู่จี้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าพ่อจะสนับสนุนเธอ
เธอเป็นผู้หญิงที่เจ็บไม่จำ เพราะยังไง สำหรับเธอ ชู่จี้เป็นยาที่รักษาแผลเธอได้ดีที่สุด