ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 180 ซุบซิบนินทา
ทันทีที่คำพูดของป้าเงียบลง หวังอี๋จวินที่ยังคงสงสัยอยู่ใบหน้าของเขาก็พลันเย็นชาลง
โชคดีที่ป้ากำลังยุ่งอยู่กับการหั่นผักและไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่ดุร้ายของคุณผู้หญิงรอง มิฉะนั้นเธอคงจะต้องโดนมีดปักมือด้วยความตกใจเป็นแน่
คุณผู้หญิงรองที่ซึ่งดูเหมือนจะใจดีและจิตใจดีในอดีต ตอนนี้กำลังจ้องมองด้วยความเกลียดชังอย่างบ้าคลั่งในดวงตาของเธอ และซึ่งนั่นทำให้ผู้คนตกตะลึงและสั่น
ริมฝีปากของหวังอี๋จวินซีดเผือด เมื่อคิดถึงยาที่ซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจและสุดท้ายก็สงบลงได้
อย่างรวดเร็วที่เธอเก็บความเกลียดชังบนใบหน้าของเธอได้เป็นปกติ และพูดอย่างสงสัยว่า:"ป้าหลี่ พี่สะใภ้ใหม่ขอให้คุณทำอาหารให้ใหม่ ไต้อมทำเพิ่มอีกไหมล่ะ"
"พอแล้ว พอแล้วค่ะ คุณผู้หญิงรองคุณเพิ่มกลับมาจากโรงพยาบาล คงยังไม่ได้ทานข้าว จะทานพร้อมกับคุณซังเลยไหมคะ ฉัน เพิ่องทำอาหารเยอะแยะเลย"ป้าหลี่เช็ดมือและยิ้ม
ป้าหลี่เป็นแม่ครัวในตระกูลซังมากว่าสิบปีและถือว่าเป็นผู้สูงอายุในบ้าน ในช่วงหลายปีนี้คุณผู้หญิงรองนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับเธอในตระกูลซัง
คุณผู้หญิงรองชอบกิน และปากเธอชอบเลืกชอบกิน ป้าหลี่นั้นชอบทำอาการให้คนอื่นชิมอยู่แล้ว ปกติแล้วก็เป็นตัวที่ชิมด้วยตัวเอง แต่เมื่อเธอมาอยู่ที่บ้านตระกูลซัง คุณผู้หญิงรองก็กลายมาเป็นคนชิมเป็นเพื่อน
เมื่อคิดถึงคุณผู้หญิงรองที่เป็นม่ายตั้งแต่อายุยังน้อยและดูแลลูกเธอเอง รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้มาก
หลายวันก่อนคุณชายรองเพิ่งเกิดเรื่องขึ้น คุณผู้หญิงรองเลยยุ่งอยู่กับการดูแลคุณชายรองทั้งวัน ป้าหลี่เลยทำอาหารที่มีสารอาหารแก่คุณผู้หญิงรองทุกวัน
"ไม่ดีกว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหาร ฉันกินไม่ลง"หวังอี๋จวินลูบหน้าผากของเธอ อาจเป็นเพราะวันนี้เธอไม่ค่อยได้พักผ่อน ใบหน้าของเธอเลยดูซีดเซียว
ป้าหลี่ยังคงต้องการปลอบใจเธอ แต่หวังอี๋จวินก็โบกมือห้าม
เธอขมวดคิ้วแล้วหันกลับมาและกําลังจะเดินออกไป เธอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอมองไปที่อาหารที่วางอยู่ในห้องครัว มองไปพลางพูดว่า "ป้าหลี่ ทําไมป้าหลี่ถึงไม่เอาพริกมาใส่เลย หลินจวินชอบกินเผ็ดๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอามาใส่เพิ่มเถอะ"
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ป้าหลี่ก็มีสีหน้าลำบากใจและลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ตอนคุณผู้หญิงมาสั่งอาหารในครัวแล้วกําชับให้ปรุงเผ็ดน้อยๆ แล้วบอกว่าคุณผู้หญิงในอนาคตไม่ค่อยกินเผ็ด ป้าหลี่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาบ้านเก่าแล้วไม่ปรุงเผ็ดน่าจะดีกว่า จึงวางพริกไว้ข้างๆ ไม่ได้ปรุงลงไป
“ ป้าหลี่ ทำไมต้องทำสีหน้าแบบนี้?”หวังอี๋จวินขมวดคิ้วราวกับมีข้อสงสัย
ป้าหลี่ไม่ต้องการให้คุณผู้หญิงรองเข้าใจผิดเธอจึงอธิบายไปว่า: "คุณผู้หญิงบอกว่าภรรยาในอนาคตของคุณซังไม่กินอาหารรสจัด ดังนั้นเธอเลยสั่งมาเป็นพิเศษ"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง"ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ หวังอี๋จวินพยักหน้า
"ถ้าอย่างนั้นป้าหลี่ คุณอาจหั่นพริกที่ไม่ค่อยเผ็ดใส่ลงหน่อยไปก็ได้"เธอหยิบพริกสีแดงสองสามเม็ดจากข้างๆ
“ ยังไงซะคุณซังก็เป็นนาย มันจะดีกว่าที่จะให้ความสำคัญกับความชอบของเขา”
หลังจากฟัง ป้าหลี่รู้สึกว่าคุณผู้หญิงรองพูดถูกและพยักหน้า
หวังอี๋จวินยิ้มในที่สุด เมื่อเห็นป้าหลี่หั่นพริกและใส่ลงไป
เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและเดินไปที่ห้องของเธอ
ซังหลินจวินและเฉินเฉียวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพร้อมกับอาหารง่ายๆอีกสองสามอย่างบนโต๊ะ แต่โชคดีที่ป้าหลี่ทำอาหารได้รวดเร็วอยู่เสมอ หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นเธอเดินมาเสิร์ฟอาหาร และอาหารอีกหลายจานอาหารกำลังจะตามมา
เมื่อเห็นป้าหลี่ที่ยังคงเดินไปที่ห้องครัว เฉินเฉียวก็ค่อยๆสะกิดซังหลินจวิน
“เอ่อ พวกเราสามคนต้องกินหลายจานขนาดนี้เลยเหรอ? คุณดูสิ มันครบทั้งห้าหมู่เลย "
ถึงแม้จะเห็นอาหารที่ดูน่ากินและมีกลิ่นหอม น้ำลายก็เริ่มจะไหลทะลักออกมาไม่หยุด แต่ก็ยังแอบรู้สึกปวดใจอยู่ดี
อย่างไรก็ตามอาหารเหล่านี้ยังไงก็ไม่สามารถกินได้หมดแน่ๆ เมื่อนึกถึงนิสัยการกินของตระกูลเฉินที่จะทิ้งเลยเมื่อพวกเขากินไม่หมด กลัวว่าตระกูลซังจะไม่เป็นเหมือนกัน
ซังหลินจวินที่กำลังถืออาหารมองอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าเฉินเฉียวจะพูดถึงปัญหานี้
เมื่อมองไปที่จานบนโต๊ะที่เกือบเต็มไปหมด ซังหลินจวินก็กลืนอาหารเข้าปาก เมื่อป้าหลี่นำอาหารมาเพิ่มอีกครั้งเขาก็หยุดและพูดว่า: "ป้าหลี่คุณทำอาหารหลายอย่างมาก ยังไงพวกเราก็กินไม่หมด ถ้ายังมีเหลืออีกอยู่ในครัวอย่าเสิร์ฟนะ พวกคุณกินกันเองเลย”
ป้าหลี่เช็ดผ้ากันเปื้อนด้วยมือของเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม: "โอเคค่ะ มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะกลับบ้าน แต่ยังไงคุณก็ต้องลิ้มลองฝีมือของฉันนะคะ"
"แน่นอน"ซังหลินจวินตอบ
หลังจากที่ทั้งสามคนทานอาหารแล้วท้องของพวกเขาก็อิ่ม
ไม่มีทาง เฉินเฉียวไม่ต้องการที่จะกินทิ้งกินขว้างกับอาหารโต๊ะนี้
อีกอย่างก็คิดว่าอาหารของป้าหลี่นั้นอร่อยจริงๆ
ซังหลินจวินเฝ้าดูผู้หญิงที่รักและลูกชายของเขากินอาหารเหมือนหมาป่า ฮีโร่เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้
กินอิ่มเกินไปร่างใหญ่และร่างเล็กตรงเข้าไปในสวนของบ้านเก่า
"พี่เฉียว ท้องของผมตึงไปหมดและอึดอัดมาก"เขาลูบท้องกลมๆของเขาด้วยใบหน้าเศร้าโศก
เฉินเฉียวมองไปที่โย่วอีแบบนี้และอยากที่จะหัวเราะ แต่ก็กลั้นเอาไว้: "โย่วอีดูสิ ท้องของฉันไม่ได้เล็กไปกว่าของเธอมากนัก"
เธอแตะท้องของเธอ แต่แม้ว่าเฉินเฉียวจะกินเยอะมากขนาดไหน แต่ยังไงก็ไม่สามารถมองเห็นพุงของเธอได้
โย่วอีมองและเริ่มเศร้ามากขึ้น เขาเม้มริมฝีปากและพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า: "ไม่เลย"
ซังหลินจวินยืนอยู่ข้างๆและมองไปที่เฉินเฉียวและโย่วอีที่เปรียบเทียบกันไปมา ไม่ค่อยมีความอบอุ่นในหัวใจของเขาในลักษณะสักเท่าไหร่ มันเป็นเหมือนความฝัน
หน้าต่างบนชั้นสองที่มีคนที่มองลงมา หวังอี๋จวินบีบยาสองซองในมือและจ้องมองคนทั้งสามที่อยู่ชั้นล่างด้วยรอยยิ้ม
เดินลงไปชั้นล่างอย่างรีบร้อนมองไปที่ป้าหลี่ที่กำลังทำความสะอาดครัวและกวักมือเรียกเธอ: "ป้าหลี่ ไปรินชาให้หลินจวินด้วยสิ พวกเขาไม่ได้ดื่มน้ำหลังจากรับประทานอาหาร พวกเขาคงจะกระหายน้ำ”
ป้าหลี่ชงชาสามถ้วยทันที แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถถือมันได้เธอจึงต้องถือแค่สองถ้วยก่อน
เมื่อเห็นร่างของป้าหลี่เดินออกไปไกล ๆ หวังอี๋จวินมองไปที่น้ำที่ปกคลุมไปด้วยใบชาเธอยิ้มเยาะและฉีกถุงยาในมือและเทใส่ไปสองห่อ
ถ้วยน้ำชาวางอยู่ในมือ หลังจากที่ค่อยๆละลายด้วยน้ำร้อนใบชาเขียวก็ถูกปิดทับและไม่มีใครรู้ว่าถ้วยชาใบนี้นั้นถูกวางยา
ก่อนที่ป้าหลี่จะกลับมาหวังอี๋จวินก็รีบกลับไปที่หน้าต่างบนชั้นสองและเฝ้าดูด้วยตาของเขาเองว่าป้าหลี่นำถ้วยชาที่วางยานั้นมาให้เฉินเฉียว
หลังจากดูเธอดื่มชาจนหมดแล้วใบหน้าของเธอก็แสดงความยินดีอย่างสมความต้องการ
เนื่องจากลูกชายของเธอเสียนิ้วเพราะผู้หญิงคนนี้ เธอจึงไม่ปล่อยให้ผู้ร้ายทั้งสองนั้นมีชีวิตที่ดี
เหตุใดพวกเขาถึงยังมีหน้ามาวางแผนที่จะแต่งงานอย่างสงบสุขและสนุกสนาน แต่ลูกชายของเธอกลับต้องทนกับความเจ็บปวดจากนิ้วที่ขาดตลอดชีวิต และนอนบนเตียงอย่างทนทุกข์กับข่าวลือของคนที่ต่ำต้อยเหล่านั้น
มันทำให้เธอต้องเห็นด้วยตาของเธอเองว่าผู้หญิงคนนี้จะน่าเกลียดแค่ไหนในงานเลี้ยงนี้
หึ
หวังอี๋จวินปิดหน้าต่างและจากไปอย่างเงียบ ๆ